ข่าว

ไม่รับฎีกา!คุก10ปีรองสว.ยิงเพื่อนสาว

ไม่รับฎีกา!คุก10ปีรองสว.ยิงเพื่อนสาว

13 ส.ค. 2557

ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย 'อดีตรองสารวัตรธุรการ' ยิงเพื่อนสาวทหาร จ.ส.อ.ดับคาร้านอาหาร ชี้ฎีกาจำเลยไม่เป็นสาระ คงจำคุก 10 ปี ปรับ 1,400 บาท ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

 
                            13 ส.ค. 57  ที่ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก  ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ.647/2554 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 3 นางสวรรค์ ใจสงัด มารดาของ จ.ส.อ.หญิง เกสรา ใจสงัด เจ้าหน้าที่ทหารสังกัดกองพลาธิการ กรมยุทธบริการทหารบก ผู้ตาย พร้อมบุตร 2 คนของ จ.ส.อ.หญิง เกสรา เป็นโจทก์ฟ้อง ร.ต.อ.นพฤทธิ์ วิเศษศักดิ์ อายุ 45 ปี อดีตรองสารวัตรธุรการ บก.น.7 ช่วยราชการ สน.เตาปูน เป็นจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตาย พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 , 371 , 376 และ พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ. 2490 
 
                            โจทก์ฟ้องว่า เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 2 พฤศจิกายน 2553 จำเลยพกพาอาวุธปืนขนาด 9 มม.ไปที่ร้านอาหารอีสานไม่มีชื่อ ริมถนนประชาราษฎร์ 2 แขวงและเขตบางซื่อ กทม. ก่อนใช้ปืนยิง จ.ส.อ.หญิง เกสรา ใจสงัด อายุ 39 ปี ทหารสังกัดกองพลาธิการ กรมยุทธบริการทหารบก เพื่อนสาวคนสนิทของจำเลยเข้าที่คิ้วซ้ายทะลุท้ายทอย เสียชีวิตขณะนั่งอยู่ที่ร้านอาหารดังกล่าว โดยก่อนเกิดเหตุจำเลยกับผู้ตายพร้อมเพื่อนรวม 8 คนไปนั่งรับประทานอาหารและดื่มสุรา ต่อมาจำเลยเกิดความหึงหวงผู้ตายจึงลุกขึ้นชักปืนยิง จ.ส.อ.หญิง เกสรา ถึงแก่ความตาย หลังก่อเหตุได้หลบหนีไป ต่อมาวันที่ 5 พฤศจิกายน 2553 จำเลยเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมให้การปฏิเสธอ้างว่าปืนลั่น ไม่มีเจตนายิงผู้ตาย
 
                            ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2555 เห็นว่าการกระทำของจำเลยเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ กระทำไปโดยไม่ยับยั้งความคิด ที่จำเลยต่อสู้ว่าปืนลั่นนั้นไม่มีพยานอื่นสนับสนุน จึงรับฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้ยิง จ.ส.อ.หญิง เกสรา ถึงแก่ความตาย และพกปืนของกลางไปโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงให้จำคุก 15 ปี ฐานฆ่าผู้อื่น และปรับ 2,100 บาท ฐานพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ ขณะที่คำให้การของจำเลย มีประโยชน์ต่อการพิจารณา จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยไว้ 10 ปี และปรับ 1,400 บาท โดยริบของกลางอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนปืน
 
                            ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์สู้คดี ขณะที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2556 ยืนตามศาลชั้นต้น ซึ่งจำเลยได้ยื่นฎีกาอีก
 
                            ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว เห็นว่า ที่จำเลยฎีกาว่าไม่มีเจตนาฆ่า ขอให้ลงโทษสถานเบานั้น ไม่เป็นสาระสำคัญที่จะรับไว้พิจารณา ซึ่งศาลล่างวินิจฉัยไว้ชัดเจนแล้ว จึงให้จำหน่ายฎีกาออกจากสารบบ 
 
                            ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อศาลฎีกามีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยแล้ว คดีจึงถึงที่สุดซึ่งต้องมีการบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ที่ให้จำคุกจำเลย 10 ปี และปรับ 1,400 บาท เมื่อฟังคำพิพากษาแล้ว ร.ต.อ.นพฤทธิ์ จำเลยซึ่งปัจจุบันถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำตั้งแต่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาปี 2555 เพราะไม่ได้รับการประกันตัว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ก็ได้ควบคุมตัวจำเลยไปยังเรือนจำต่อไป โดยมีสีหน้าเรียบเฉย ขณะที่ไม่มีญาติมาร่วมฟังคำพิพากษาแต่อย่างใด ซึ่งระหว่างการพิจารณาคดี จำเลยได้ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ครอบครัวผู้ตายด้วยเงินจำนวน 4.5 ล้านบาท