
ประวิตร วงษ์สุวรรณ:ชื่อนี้ไม่ธรรมดา
ประวิตร วงษ์สุวรรณ : ชื่อนี้ไม่ธรรมดา : ทีมข่าวความมั่นคงรายงาน
ต้องเรียกว่า "ไม่ธรรมดา" เลยสำหรับการเปิดบ้านพักรับรองภายในมูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ในพระบรมราชินูปถัมภ์ เพื่อให้เพื่อนพ้องน้องพี่มาอวยพรวันเกิดของ "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานที่ปรึกษา คสช.
แน่นอนว่า ผู้ที่ถูกจับตามองมากที่สุดคือคณะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ยกทีม 5 เสือ ทบ.มาร่วมอวยพร
แน่นอนว่า งานนี้เพื่อนร่วมรุ่น ตท.6 ต่างก็เดินทางมากันคับคั่ง...นั่นก็เพราะว่า พล.อ.ประวิตร เป็นประธานนักเรียนโรงเรียนเตรียมทหารรุ่น 6 นั่นเอง
เป็นเตรียมทหารรุ่น 6 ที่ครั้งหนึ่งเคยเกรียงไกร คุมส่วนยอดของเหล่าทัพทุกเหล่า บก เรือ อากาศ บก.ทหารสูงสุด แม้กระทั่งปลัดกระทรวงกลาโหม รวมทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จน "การเมือง" ในช่วงนั้นพากันสะกิดเตือน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในขณะนั้นว่า อย่าได้กะพริบตาเป็นอันขาด
ไม่มีใครยืนยันว่าเหตุใด พ.ต.ท.ทักษิณ ถึงได้วางใจนายทหารรุ่นนี้เป็นพิเศษ แต่ที่แน่ๆ พล.อ.ประวิตร เคยเป็น รมว.กลาโหม ในช่วงที่ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขย พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี และได้มาเป็น รมว.กลาโหม อีกครั้งในช่วงที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี
นั่นก็หมายความว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน นำทีม ตท.6 ยึดอำนาจรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ไปเรียบร้อยแล้ว โดยที่มีการถามไถ่แบบทีเล่นทีจริงจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ในก่อนหน้านี้ว่า "พี่จะยึดอำนาจผมเหรอ"
แต่ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ เมื่อ ตท.6 ยึดอำนาจ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วเหตุใด ประธานรุ่น ตท.6 ถึงได้เป็น รมว.กลาโหม ในเวลาต่อมา
การเข้ายึดอำนาจของนายทหารรุ่น ตท.6 ในครั้งนั้น ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในเวลาต่อมาว่า "เสียของ" เพราะเมื่อยึดอำนาจไปแล้วก็ไม่ได้จัดการประเทศให้เข้ารูปเข้ารอย ซ้ำร้ายกลับทำให้ความผิดเพี้ยนของประเทศหยั่งลงลึกถึงรากแก้วของประเทศ ถึงแม้ว่าความเป็นเอกภาพของกองทัพจะผนึกแน่น
โดยเฉพาะ "กองทัพบก" ที่ผู้สืบทอดตำแหน่ง ผบ.ทบ.นั้นถูกผลักดันขึ้นมาอย่างไม่ผิดเพี้ยน รวมทั้ง "กองทัพอากาศ" ที่มักจะวางตัวเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
นั่นย่อมหมายความว่า นายทหารที่ผงาดอยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะกองทัพบก ล้วนแต่ผ่านประสบการณ์การยึดอำนาจในครั้งนั้นมาแล้วทั้งสิ้น
และแน่นอนว่า ทุกนายต่างก็รับว่า การสืบทอดตำแหน่งจากรุ่นสู่รุ่นนั้นมาได้เพราะบารมีของ "พี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์" อย่าง "บิ๊กป้อม" คนนี้
เมื่อถึงคราวที่น้องเล็กเข้ายึดอำนาจ และแต่งตั้งให้พี่ใหญ่เป็นประธานที่ปรึกษา คสช. ส่วนพี่รองอย่าง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นที่ปรึกษา คสช.สปอตไลท์ก็ฉายจับไปที่ทั้งพี่ใหญ่และพี่รองในทันทีว่า จะมีชื่อใน ครม.ที่กำลังจะมีขึ้นนี้หรือไม่
นั่นเป็นเพราะกลางกระแสข่าวที่ยังไม่สะเด็ดน้ำ กระเส็นกระสายมาอย่างต่อเนื่องว่า ในฐานะพี่ที่ให้คำปรึกษา เมื่อถึงคราวจะต้องใช้อำนาจบริหารประเทศก็ควรจะต้องเข้ามามีบทบาทไปด้วย
“ไม่ไปกระทรวงไหนทั้งนั้น”
นั่นคือคำตอบของ พล.อ.ประวิตร ที่เคลียร์คัตในทุกคำถาม ทุกข่าวลือ
ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประวิตร เคยพูดถึงข่าวลือที่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้วว่า เป็นข่าวปล่อย เพราะทุกวันนี้ทำงานในมูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัดก็มีความสุขแล้ว และตอนนี้ก็อายุมากแล้วด้วย
พล.อ.ประวิตร เป็นนายทหารที่เติบโตมาจากกองทัพภาคที่ 1 ทางภาคตะวันออก เคยสังกัดกับกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ร.21 รอ.) หรือที่เรียกกันว่า "ทหารเสือราชินี" นายทหารที่เติบโตตามรอยพล.อ.ประวิตร ก็คือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ถัดมาก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ และที่ต้องจับตาต่อไปก็คือ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ.คนปัจจุบัน
อย่างที่เกริ่นไว้แต่ต้นว่า "ประวิตร วงษ์สุวรรณ" ชื่อนี้ไม่ธรรมดา เพราะไม่ว่า "การเมือง" จะพลิกผันไปอย่างไร ก็ยังยืนอยู่เหนือความเปลี่ยนแปลงนั้นได้ ครั้งนี้ก็เช่นกัน การตัดสินใจไม่รับตำแหน่งในรัฐบาลที่น้องเล็กกำลังจะตั้งขึ้น นั่นย่อมคาดคำนวณไว้แล้วว่า ผลดี-ผลเสีย นั้นอย่างไหนที่มากกว่ากัน