
แม่อุ้มบุญดีใจรบ.ออสซี่ให้สัญชาติแกมมี่
แม่อุ้มบุญดีใจรบ.ออสซี่ให้สัญชาติแกมมี่ ขณะที่พม.ร่างพ.ร.บ.อุ้มบุญรอเสนอสนช.
5ส.ค.2557ที่โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีราชา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี นายวิจิตร พนายิ่งไพศาล ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีราชา ได้นำตัวนางสาวภัทรมล งามบัว แม่อุ้มบุญของน้องแกมมี่ อายุ 7 เดือน คู่แฝดชายผู้น้องที่ป่วยเป็นโรคดาวน์ซินโดรม มาพบพบปะกับ
สื่อมวลชนทั้งในประเทศและต่างประเทศจำนวนมากที่ให้ความสนใจ
นางสาวภัทรมล กล่าวว่า ตนเองได้ชี้แจงเรื่องราวต่างๆมาแล้วหลายวันหากเป็นเรื่องเดิมที่เคยพูดก็จะไม่พูดตอกย้ำอีก จะพูดเรื่องใหม่ๆและในอนาคตเท่านั้น ซึ่งชื่อตนเองในใบเกิดของเด็กทั้งสองคนที่อุ้มบุญมานั้นชื่อนางขวัญฤดี มินเจริญ ซึ่งหลังคลอดน้องทั้งสองคนแล้วได้มีคนทักว่าชื่อไม่เป็นมงคลควรเปลี่ยนชื่อและตนเองได้จดทะเบียนสมรสเลยเปลี่ยนทั้งชื่อและนามสกุลเป็นนางสาวภัทรมล งามบัว ส่วนน้องแกมมี่นั้นชื่อตามใบแจ้งเกิดว่า ด.ช.นฤเบศ มินเจริญ
ส่วนที่มีข่าวว่าทางรัฐบาลออสเตรเลียจะให้สัญชาติออสเตรเลียแก่น้องแกมมี่ เพื่อสิทธิประโยชน์ในการรักษาฟรีตลอดชีพนั้น ตนเองยินดีรับสัญชาติออสเตรเลียให้กับน้อมแกมมี่ แต่ไม่ยินยอมให้นำตัวน้องแกมมี่ไปรักษาตัวที่ประเทศออสเตรเลียแน่นอน เนื่องจากขณะนี่ก็ได้รับความช่วยเหลือในเรื่องค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาจากทางมูลนิธิ แฮนด์ อะ ครอส เดอะ วอเตอร์ อยู่แล้ว และเชื่อมั่นฝีมือแพทย์ไทยด้วย
ส่วนที่มีข่าวว่าทางกระทรวงสาธารณสุข จะมีการติดต่อมาให้นำตัวน้องแกมมี่ ไปรักษาตัวที่ศูนย์รักษาเด็กดาวน์ซินโดรมโดยเฉพาะที่ กรุงเทพฯนั้น หากได้รับการติดต่อให้ย้ายที่รักษา ก็คงไม่ไปเนื่องจากทางโรงพยาบาลที่ดูแลอยู่ก็ดีอยู่แล้วและบ้านพัก ก็ไม่ห่างจากโรงพยาบาลสมิติเวชศรีราชามากนักถ้าน้องมีอาการแกมมี่มีอาการไม่ดี ก็สามารถพามาพบแพทย์ได้ทันท่วงที
นายวิจิตร กล่าวว่า จากการดูแลรักษาน้องแกมมี่จนถึงขณะนี้ พบว่ามีอาการดีขึ้นมากแทบเป็นปกติแล้ว ทางแพทย์ได้รักษาโดยการพ่นยาทุก 6 ชั่วโมง ดูดเสมหะตามอาการ จากการเอ็กซ์เรย์ปอดก็ไม่ผิดปกติ หัวใจปกติ หายไข้หายปวดคอ ไม่เป็นโรคเอ๋อ มีร่างกายแข็งแรง ส่วนการตรวจสอบอวัยวะต่างๆในร่างกายทั้ง ปอด และไต พบว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ และขณะนี้โรงพยาบาลได้ดูแลรักษาตามอาการ หากไม่มีโรคแทรกซ้อนและอาการดีขึ้นก็อาจจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ภายใน 3 - 4 วันซึ่งทางแพทย์ผู้รักษาต้องดูอาการไปตามวัน
"ทางนางสาวภัทรมลแจ้งว่าจะไม่มีการเคลื่อนย้ายน้องแกมมี่ไปรักษาที่โรงพยาบาลใด มีความมั่นใจเรื่องมาตรฐานการรักษาพยาบาลของโรงพยาบาล ซึ่งถ้าน้องแกมมี่มีอาการป่วยหรืออาการแทรกซ้อนขึ้นมาหลังจากกลับไปพักที่บ้าน ก็สามารถมาที่โรงพยาบาลได้อย่างรวดเร็วเนื่องจากบ้านไม่ห่างจากโรงพยาบาลมากนัก ส่วนค่ารักษาพยาบาลน้องแกมมี่จนถึงขณะนี้มียอดค่ารักษาประมาณ 20,000 บาท โดยมีมูลนิธิเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการรักษาให้ทั้งหมด " นายวิจิตร กล่าวและว่า
ทราบว่า สำหรับยอดผู้บริจาคเข้ามูลนิธิ แฮนด์ อะ ครอส เดอะ วอเตอร์ ซึ่งเป็นมูลนิธิในประเทศออสเตรเลีย จนถึงปัจจุบันมียอดบริจาคกว่า 7 ล้านบาทแล้ว โดยทางมูลนิธิฯนำเข้าเป็นกองทุนเพื่อน้องแกมมี่ เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาน้องแกมมี่เท่านั้น ทางครอบครัวของนางสาวภัทรมล ไม่ได้มีส่วนในกองทุนนี้แต่อย่างใด กองทุนนี้ตั้งขึ้นเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาตัวน้องแกมมี่เท่านั้น และทางมูลนิธิก็อาจพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนจำนวนหนึ่งเพื่อให้ความเป็นอยู่ของครอบครัวของน้องแกมมี่ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีในการดูแลน้องแกมมี่ด้วยในอนาคต
พม.ร่างพ.ร.บ.อุ้มบุญรอเสนอสนช.
นายวิเชียร เชาวลิต ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม. เปิดเผยว่า กรณีนี้น่าจะเป็นตัวอย่างการรับอุ้มบุญที่ไม่ถูกต้อง เพราะเป็นในเชิงธุรกิจ ซึ่งทางแพทยสภาต้องพิจารณาลงโทษอยู่แล้ว ส่วนทางกระทรวงเองก็ได้ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ….. หรือ กฎหมายอุ้มบุญ เนื้อหาสำคัญคืออุ้มบุญได้ในกรณีต้องการสืบสกุล ผู้รับอุ้มบุญต้องเป็นเครือญาติกัน ไม่ใช่กระทำเพื่อเชิงธุกิจ ล่าสุดร่างเสร็จแล้ว รอเสนอต่อสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ในสภาต่อไป
ปลัดกระทรวงการพัฒนาฯ กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นกับเด็กชาวออสเตรเลียที่เป็นดาวซินโดรม หากพ่อแม่เทียมไม่สามารถเลี้ยงดูเด็กได้ กระทรวงก็จะรับมาดูแล เพราะหน้าที่ของกระทรวงคือดูแลเด็กที่ถูกทอดทิ้ง เด็กที่ไม่มีคนอุปการะ หรือแม้กับเด็กที่มีคนดูแลแต่ครอบครัวมีปัญหา พม.ก็รับเลี้ยงดู กรณีนี้กระทรวงก็ยินดีรับเด็ก แต่ต้องมาดูกันก่อนว่าจะตกลงกันอย่างไร
ปวีณาเสนอแพทย์สภาค้านการอุ้มบุญ
นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เปิดเผยว่า ขอคัดค้านการอุ้มบุญ โดยขอให้แพทย์สภา พิจารณาเรื่องนี้อย่างละเอียด ทั้งนี้การอุ้มบุญหากจะเกิดขึ้นได้จริง ควรจะพิจารณาให้เฉพาะญาติ เท่านั้น ที่จะสามารถอุ้มบุญได้ อย่างไรก็ตามที่น่าเป็นห่วงก็คือเกรงว่าจะมีการลักลอบอุ้มบุญแบบผิดกฏหมาย