ข่าว

เปิดศึกชิง'หลักฐานเอ็มเอช17'

เปิดศึกชิง'หลักฐานเอ็มเอช17'

25 ก.ค. 2557

เปิดศึกชิง'หลักฐาน เอ็มเอช17' : โต๊ะรายงานพิเศษ


                ถือเป็นนิมิตหมายอันดี เมื่อกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนโดเนตสค์ ที่มีรัสเซียสนับสนุน ยอมมอบ "กล่องดำ" จำนวน 2 กล่องที่เก็บกู้มาจากเครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 777-200 อีอาร์ เที่ยวบินเอ็มเอช 17 ให้แก่ตัวแทนจากประเทศมาเลเซีย เมื่อ 21 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

                นอกจากนี้ ยังได้ทำข้อตกลงประกาศหยุดยิงในพื้นที่บริเวณเครื่องบินตกรัศมีกว่า 10 กิโลเมตร รวมถึงยอมให้ทีมเจ้าหน้าที่สืบสวนของนานาชาติ เข้าไปในพื้นที่ได้ด้วย อย่างไรก็ตามทีมค้นหานานาชาติที่มีอย่างน้อย 14 ทีมจากทั่วโลก ยังไม่รู้สึกว่าตัวเองปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะมีชายตัวใหญ่ถืออาวุธปืนสงครามเดินไปเดินมา เฝ้าจับตาเจ้าหน้าที่กู้ภัยตลอด 24 ชั่วโมง !

                หากย้อนไป 17 กรกฎาคม 2557 วันที่เครื่องบินตกนั้น ทีมแรกที่เข้าถึงเศษซากเครื่องบินและศพของผู้โดยสารและลูกเรือ 298 ราย คือทีมกบฏ "โดเนตสค์" จากนั้นวันรุ่งขึ้น ทหารจากสำนักงานความมั่นคงของรัฐบาลยูเครนก็เข้าคุมพื้นที่ทันที ตามมาด้วยทีมกู้ภัย "รัสเซีย" ช่วง 2-3 วันแรกทุกอย่างสับสนอลหม่าน มีการใช้ปืนขู่ขับไล่นักข่าวและเจ้าหน้าที่ของหน่วยงาน "องค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป" (โอเอสซีอี) ออกไป จนทำให้เกิดข้อพิพาทร้องเรียนไปยังองค์การสหประชาชาติ หรือ "ยูเอ็น"

                หลายฝ่ายต้องเข้ามาไกล่เกลี่ย โดยเฉพาะเนเธอร์แลนด์ที่มีผู้โดยสารสัญชาติตัวเองถึง 193 คน ทีมเจรจาสามารถขอร้องให้หยุดเคลื่อนย้ายศพและเศษชิ้นส่วนเครื่องบินได้สำเร็จ เพราะเกรงว่าจะเป็นการทำลายหลักฐานในการสืบสวนค้นหาความจริงว่าอะไรที่ทำให้เครื่องบินลำนี้ควงสว่านลงมาจากระดับความสูง 10 กิโลเมตร

                ช่วงแรกมีข่าวปล่อยออกมาว่า กบฏโดเนตสค์เจอกล่องดำ 2 กล่องตั้งแต่วันแรก และส่งมอบให้ทางรัสเซียไปแล้ว เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังตัวแทนรัฐบาลรัสเซียก็ได้รับคำตอบแบบนักการทูตคือ "ไม่ยอมรับแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ" จนกระทั่งทนแรงกดดันจากหน่วยงานนานาชาติไม่ไหว โดยเฉพาะหน่วยงานยักษ์ใหญ่ เช่น องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอซีเอโอ), สำนักงานความปลอดภัยด้านขนส่งแห่งชาติสหรัฐ (เอ็นทีเอสบี), สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (เอฟบีไอ), ตำรวจสากล เป็นต้น ในที่สุดตัวแทนกลุ่มกบฏก็ได้มอบคืนให้ผู้มีสิทธิโดยชอบธรรมคือ ประเทศมาเลเซีย เจ้าของสายการบิน


กล่องดำบอกอะไรได้บ้าง?


                "กล่องดำ" (Black Box) หลายคนสงสัยว่าทำไมชื่อกล่องดำ เพราะในรูปเห็นเป็นสีส้มแสด เนื่องจากแต่ก่อนเป็นกล่องสีดำจริง แต่ค่อยๆ พัฒนามาให้เป็นสีแสดเพื่อง่ายต่อการค้นหาเวลาเครื่องบินเกิดอุบัติเหตุ กล่องนี้คืออุปกรณ์บันทึกข้อมูลการบิน โดยเครื่องบินโดยสารทุกลำต้องติดตั้งตามระเบียบปฏิบัติ ปัจจุบันเครื่องบินโดยสารแต่ละลำจะมี 2 กล่องด้วยกัน เพื่อเก็บข้อมูลพื้นฐาน 2 ส่วน นั่นคือ

                กล่องแรก ใช้บันทึกเสียงพูด หรือเรียกทั่วไปว่า “เครื่องบันทึกเสียงห้องนักบิน” (The Cockpit Voice Recorder - CVR) ติดตั้งในห้องกัปตัน ทำหน้าที่บันทึกเสียงของนักบินและนักบินผู้ช่วย ไม่ใช่เฉพาะเสียงพูดเท่านั้น แต่สามารถดูดทุกเสียงที่เกิดขึ้น แล้วบันทึกไว้เป็นหลักฐานทั้งหมด เช่น เสียงเครื่องยนต์ เสียงสัญญาณเตือนภัย เสียงกดสวิตช์ เป็นต้น

                กล่องที่ 2 เป็น “เครื่องบันทึกข้อมูลการบิน” (The Flight Data Recorder - FDR) ใช้บันทึกการทำงานของเครื่องยนต์และระบบควบคุมเครื่องบินกว่า 700 รายการ เช่น ละติจูด ลองจิจูด ความเร็ว ความสูง ความดันอากาศ ทิศทาง ซึ่งข้อมูลทั้ง 2 ส่วนจะถูกบันทึกเก็บไว้ใน “ชิพคอมพิวเตอร์” มีระบบป้องกันหลายชั้น และผู้จะอ่านข้อมูลได้ต้องมีซอฟต์แวร์หรือเป็นบริษัทผู้ผลิตกล่องดำเท่านั้น

                สำหรับโศกนาฏกรรม "เอ็มเอช 17" ยังไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่าเป็นอุบัติเหตุ ประมาท โดนโจมตีทางอากาศ หรือโดนสอยด้วยขีปนาวุธจากภาคพื้นดิน ดังนั้นหลายคนจึงฝากความหวังไว้ที่กล่องดำสีส้มๆ 2 กล่องนี้

"อย่าตั้งความหวังไว้มากนัก"


                ผู้เชี่ยวชาญจากทีมสืบสวนอุบัติภัยทางอากาศกองทัพไทย ตั้งข้อสังเกตพร้อมวิเคราะห์ให้ฟังว่า กล่องดำทั้งสองจะบอกได้เพียงว่า เครื่องบินลำนี้บินอยู่ที่ไหนก่อนที่จะร่วงลงมาจากท้องฟ้า เครื่องยนต์ทำงานอย่างไร มีสิ่งใดผิดปกติบ้าง ลักษณะการตกลงมาเป็นอย่างไร ความเร็วเท่าไร ฯลฯ ส่วนกล่องบันทึกเสียงบอกเพียงว่า กัปตันพูดคุยอะไรบ้าง มีเสียงติดต่อกับสถานีพื้นดินอะไรบ้าง ซึ่งที่ผ่านมาเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เสียงของกัปตันจะเป็นเพียงการแสดงความตกใจ และถามกันว่า "เกิดอะไรขึ้นๆๆ" ก่อนเสียงพูดจะเงียบหายไป

                ผู้เชี่ยวชาญประเมินว่า ห้วงเวลาระหว่างเครื่องบินถูกโจมตีแล้วควงสว่านลงมานั้น "รวดเร็วมาก" ใช้เวลาไม่น่าเกิน 2 นาที...

                ดังนั้น หากอยากรู้ว่าเครื่องบินลำนี้ตกด้วยสาเหตุอะไร ต้องสืบสวน 4 ด้านประกอบกัน คือ 1.ข้อมูลกล่องดำ 2.ข้อมูลจากเศษชิ้นส่วนเครื่องบิน 3.ข้อมูลจากสภาพพื้นที่เครื่องบินตก และ 4.ข้อมูลจากสิ่งแวดล้อมรอบด้าน เช่น ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ ข้อมูลเรดาร์ ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียม เป็นต้น

                แต่การที่มีทีมสืบสวนกว่า 14 ทีมเข้าไปในพื้นที่ขัดแย้งภัยสงครามกลางเมือง แต่ละทีมไม่ได้ทำงานประสานกันอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่มีเจ้าภาพกำหนดหน้าที่และบทบาทให้ชัดเจนตั้งแต่แรก เป็นไปได้ที่หลักฐานสำคัญหลายชิ้นได้ถูกทำลายไปโดยไม่รู้ตัวหรือรู้ตัวแล้ว

                ผู้เชี่ยวชาญข้างต้น อธิบายต่อว่า ข้อมูลจากกล่องดำที่ไม่เสียหายหรือถูกทำลายนั้น สามารถแกะข้อมูลอ่านได้ภายในเวลาไม่กี่เดือน แต่จะเผยแพร่ออกมานั้นอาจใช้เวลาเป็นปี เพราะต้องประสานหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ระหว่างนี้ทีมสืบสวนจะทำการรวบรวมชิ้นส่วนทั้งหมดเข้ามาเก็บรวมกันในพื้นที่พิเศษ แล้วค่อยๆ ประกอบร่างต่อเป็นจิ๊กซอว์ขึ้นมาให้คล้ายกับเครื่องบินโบอิ้ง 777 มากที่สุด

                ล่าสุด มาเลเซียได้มอบกล่องดำให้แก่ "หน่วยสอบสวนอุบัติเหตุทางอากาศของอังกฤษ" (เอเอไอบี) เพื่อนำไปวิเคราะห์ในห้องแล็บเมืองฟาร์นโบโรห์ อังกฤษ โดยวันที่ 24 กรกฎาคม เจ้าหน้าที่บอกว่ากู้ข้อมูลออกมาได้บางส่วนเรียบร้อยแล้ว

                แม้ว่าหลักฐานทั้งหมดจากกล่องดำจะชี้ไม่ได้ว่าใครเป็นเจ้าของขีปนาวุธร้าย แต่ก็พอทำให้ทราบว่าอาวุธพิฆาตถูกยิงมาจากพื้นดินหรือจากเครื่องบินขับไล่ หรือข้อมูลต่างๆ ที่อาจเป็นประโยชน์ต่อบริษัทประกันภัยผู้ต้องจ่ายเงินมหาศาล

                ระหว่างที่ยังไม่มีทีมเจ้าภาพ หากใครได้หลักฐานชิ้นสำคัญไป จะกลายเป็นผู้ถือไพ่เหนือกว่าทันที...


14 ทีมสืบสวน "นานาชาติ"

                1.ทีมกบฏแบ่งแยกดินแดน "โดเนตสค์"

                2.ทีมกู้ภัย "รัสเซีย"

                3.สำนักงานความมั่นคง "ยูเครน"

                4.องค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (โอเอสซีอี)

                5.ทีมกู้ภัย "เนเธอร์แลนด์" 

                6.ทีมกู้ภัยพิเศษ "มาเลเซีย" 

                7.ผู้เชี่ยวชาญ "อังกฤษ"

                8.ทีมคณะมนตรีฯ "ยูเอ็น"

                9.สำนักงานความปลอดภัยทางอากาศยุโรป

                10.ทีมจากบริษัทโบอิ้ง

                11.องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอซีเอโอ)

                12.สำนักงานความปลอดภัยด้านขนส่งแห่งชาติสหรัฐ (เอ็นทีเอสบี)

                13.สำนักงานสอบสวนกลางแห่งสหรัฐ (เอฟบีไอ)

                14.องค์การตำรวจสากล (อินเตอร์โปล)

................

(หมายเหตุ : เปิดศึกชิง'หลักฐาน เอ็มเอช17'  : โต๊ะรายงานพิเศษ)