ข่าว

ย้อนหลัง1ทศวรรษ...ปรับฮวงจุ้ย'ทำเนียบรัฐบาล'

ย้อนหลัง1ทศวรรษ...ปรับฮวงจุ้ย'ทำเนียบรัฐบาล'

15 ก.ค. 2557

ย้อนหลัง1ทศวรรษ...ปรับฮวงจุ้ย'ทำเนียบรัฐบาล' : จีรพงษ์ ประเสริฐพลกรังรายงาน

                ฤกษ์ดี "11.45 น." ที่ "คุณเหลน" ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี(สปน.) ใช้เป็นฤกษ์ในการนำข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และผู้ปฏิบัติงานในรั้วทำเนียบรัฐบาล ทำพิธีบวงสรวงใหญ่ "องค์ท้าวมหาพรหม" สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล รวมถึงศาลพระภูมิเจ้าที่ ศาลตายาย ในรูปแบบการประกอบพิธีแบบพราหมณ์ฮินดู

                ว่ากันว่าเป็นการทำพิธีใหญ่ เพื่อขจัดปัดเป่าสิ่งอัปมงคลให้พ้นรั้วทำเนียบ หลังจากทำเนียบต้องปิดทำการในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง และอีกนัยหนึ่งคือ การทำพิธีสร้างความเป็นสิริมงคลรอต้อนรับ "รัฐบาลใหม่" ที่จะเข้ามานั่งทำงานเร็วๆ นี้

                ในพิธีบวงสรวง "จัดเต็ม" นำเครื่องสังเวยชุดใหญ่ 19 โตก ประกอบด้วย ดอกไม้ ผลไม้ ขนมหวาน ที่เป็นมงคลใช้ทำพิธีท่ามกลางสิ่งที่น่าอัศจรรย์ กับปรากฏการณ์ "พระอาทิตย์ทรงกลด" บนท้องฟ้าเหนือจุดที่ทำพิธีหน้าตึกไทยคู่ฟ้า

                ทั้งนี้การสักการะ "สิ่งศักดิ์สิทธิ์" ในรั้วทำเนียบไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ เพราะทุกยุคไม่ว่าใครจะเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินก็มักจะทำการสักการะก่อนเข้าหรือระหว่างทำหน้าที่ ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะทำพิธีแบบเล็กหรือใหญ่ๆ ตามความเชื่อของแต่ละบุคคล

                นอกจากการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สิ่งที่ทำเนียบรัฐบาลกำลังดำเนินการควบคู่กันไปด้วยคือ การ "ปรับภูมิทัศน์" ครั้งใหญ่ ด้วยการควักงบประมาณกว่า 300 ล้านบาท ในการซ่อมแซมปรับปรุงอาคารสถานที่ในทำเนียบทั้งหมด ไม่ว่าจะตึกไทยคู่ฟ้า ตึกสันติไมตรี ตึกนารีสโมสร ตึกบัญชาการ

                แต่จุดที่ได้รับความสนใจมากเห็นจะเป็นจุดของตึกนารีสโมสร ที่ใช้เป็นศูนย์แถลงข่าวรัฐบาลมาตั้งแต่สมัยที่ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกฯ อาจจะถูกปรับโฉมให้เป็น "ห้องรับรองแขกวีไอพี" ของรองนายกรัฐมนตรีและคนสำคัญในรัฐบาล ส่วนพื้นที่แถลงข่าวของทีมโฆษกจะไปอยู่ตรงจุดไหน ยังไร้คำตอบ

                รวมทั้งอีกจุดคือ "รังนกกระจอก" หรือห้องพักสื่อมวลชน 1 ด้านข้างตึกไทยคู่ฟ้า ที่สร้างในยุค พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เมื่อปี 2522 ก็มีกระแสข่าวว่าอยู่ในแผน "ทุบทิ้ง" ของการบูรณะใหญ่รอบนี้ เพื่อทำเป็นสวนหย่อมให้ร่มรื่น

                หากย้อนกลับไปดูวิธีการปรับภูมิทัศน์ทำเนียบ รอบ 10 ปีที่ผ่านมาของแต่ละรัฐบาล ก็จะเห็นวิธีการที่แตกต่างกัน แต่สุดท้ายแล้วเป้าหมายหลักคือ "การปรับฮวงจุ้ย" ด้วยความหวังว่า เส้นทางของรัฐบาลจะราบรื่นและอยู่ในอำนาจให้ยาวนานที่สุด

                เริ่มจากสมัยของ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" รื้อต้นไม้เก่าออกแล้วนำไม้ดอกทางภาคเหนือมาปลูกแทน และยังทุบทำลายกำแพงคอนกรีตรอบทำเนียบที่เป็นกำแพงทึบให้เป็นรั้วเหล็กดัด ที่มีความโปร่ง มีรูระบายให้คนภายนอกมองเห็นความสวยงาม รวมทั้งยังย้าย "ศาลพระภูมิและศาลตายาย" ไปอยู่ในมุมอับริมรั้ว ที่ใกล้หม้อแปลงขนาดใหญ่และบ่อบำบัดน้ำเสีย

                ถัดมา หลัง "พ.ต.ท.ทักษิณ" ถูกยึดอำนาจ และ "นายกฯ ขิงแก่" พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ก็ปรับภูมิทัศน์อีกครั้ง แต่ไม่ได้ทำแบบเอิกเกริก นำต้นโมก ต้นโกศล ต้นเข็มอินเดียหลากสี ต้นพุดอินเดียขาว มาตกแต่งตามจุดต่างๆ รวมทั้งติดตั้งหมุดสะท้อนแสงไว้ที่พื้นคอนกรีตหน้าบันไดทางขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า

                วันเวลาผ่านไปถึงสมัย "นายกฯ นักเรียนนอก" อย่าง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ปรับภูมิทัศน์อีกครั้ง หลังจากกลุ่มพันธมิตรยุติการชุมนุมยืดเยื้อภายในทำเนียบรัฐบาล จากการขับไล่รัฐบาลพรรคพลังประชาชน

                ครั้งนั้น "อภิสิทธิ์" ก็บูรณะทำเนียบครั้งใหญ่อีกครั้ง เนื่องจากทรุดโทรมและเสียหายอย่างหนัก เริ่มตั้งแต่การทำบุญใหญ่ 5 ศาสนา นำรูปปั้นพระสังกัจจายน์ไปวางบนยิดตึกไทยคู่ฟ้า นำต้นโกศลที่เชื่อว่าเป็นกุศล จำนวน 6 กระถาง วางบนสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า

                แถมด้วยการนำลูกแก้ววางตามจุดต่างๆ ในตึกไทยคู่ฟ้า และนำ "ไม้บรรทัดสีทอง" ติดไว้ที่เหนือประตูทางเข้าตึกไทยคู่ฟ้า และวาง "เหรียญจีน" อายุกว่า 300 ปี วางตามมุมตึกเพื่อลบเหลี่ยมมุมไม่ให้ทิ่มแทงรัฐบาล ส่วนรอบนอกตึกนำเสาธงชาติ หัวธงสีเขียวด้ามทอง ติดตามรั้วทำเนียบทั้ง 4 ทิศ

                และยังขุดรากถอนโคนต้นไม้เดิมที่แห้งเหี่ยวออกเกือบทั้งหมด แล้วให้ "สวนนงนุชพัทยา" นำต้นปาล์มหลายชนิด 70 ต้น เข้ามาปลูก โดยเฉพาะ "ปาล์มยะวา" จำนวน 13 ต้น ที่ลักษณะของใบเป็นเหมือนใบพัดที่คอยพัดสิ่งชั่วร้ายให้ออกจากทำเนียบ

                ต่อมารัฐบาลของนายกฯ หญิงคนแรก "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ก็ปรับภูมิทัศน์อีกครั้ง โดยเฉพาะการย้าย "ศาลพระภูมิและศาลตายาย" ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พี่ชาย เคยย้ายไปไว้ในมุมอับ ที่เต็มไปด้วยมลพิษ เพราะติดกับถนนพิษณุโลก ติดหม้อแปลงไฟฟ้าขนาดใหญ่และใกล้กับบ่อบำบัดน้ำเสีย

                จึงทำให้ผู้เป็นน้องสาวต้องทำพิธีอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ออกมาไว้ให้ในที่โล่ง ด้วยการสร้างศาลพระภูมิและศาลตายายใหม่ให้เด่นตระหง่านด้านหน้าฝั่งขวาของตึกไทยคู่ฟ้า

                ดังนั้นในรอบ 10 ปี ทุกรัฐบาลล้วน “ปรับภูมิทัศน์” แฝงด้วยการ “ปรับฮวงจุ้ย” กันทั้งนั้น แต่สุดท้ายการอยู่หรือไปของรัฐบาล หลักย่อมอยู่ที่การกระทำของรัฐบาลเองทั้งสิ้น!

................

(หมายเหตุ : ย้อนหลัง1ทศวรรษ...ปรับฮวงจุ้ย'ทำเนียบรัฐบาล' : จีรพงษ์ ประเสริฐพลกรังรายงาน)