ข่าว

รอยฟันกัดที่แก้มขวา...ไขคดี!'พ่อ'ข่มขืน'ลูกวัย4ขวบ'

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รอยฟันกัดที่แก้มขวา...ไขคดี! 'พ่อ'ข่มขืน'ลูกวัย4ขวบ' : คลี่ปมปริศนา csi-thailand โดยทีมข่าวอาชญากรรม

               ภายในห้องพักคนงานของโรงงานไม้แปรรูป บริษัทใหญ่ย่านมีนบุรี เมื่อช่วงเช้าวันที่ 18 กรกฎาคม 2539 คลาคล่ำไปด้วยกำลังตำรวจ และอาสาสมัครกู้ภัย หลังเด็กหญิงวัย 4 ขวบ เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ

               พนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี พร้อมด้วยตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน และแพทย์นิติเวช เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบเด็กหญิงรายนี้เสียชีวิตอยู่ในสภาพนอนหงายหนุนหมอนอยู่ภายในห้อง ใบหน้าและลำตัวเขียวและรอยฟกช้ำหลายแห่ง สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีน้ำเงิน กางเกงขาสั้นสีแดงลายดอก ตามลำตัวไม่พบบาดแผลที่เกิดจากของมีคม

               แพทย์นิติเวชชันสูตรศพเบื้องต้น โดยถอดกางเกงออก พบมีรอยช้ำและมีเลือดไหลออกมาจากช่องคลอดและทวารหนัก ใกล้ศพมียาหม่องวางอยู่ 1 ตลับ และมีเด็กชายวัยไล่เลี่ยกัน ซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่ชายของผู้ตาย นั่งเฝ้าไม่ยอมห่าง จากสภาพศพที่เห็นตำรวจเชื่อว่า เด็กหญิงน่าจะเสียชีวิตเพราะถูกข่มขืน

               พนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี เรียกตัว นายเดชา สุวรรณสุก ซึ่งเป็นพ่อของเด็กมาสอบสวน หลังจากได้เบาะแสจากเพื่อนบ้านว่า นายเดชาชอบดื่มสุรา เมื่อมึนเมามักลงมือทุบตีเด็กหญิงรายนี้อยู่เป็นประจำ

               นายเดชา ปฏิเสธทันทีที่ถูกพนักงานสอบสวนยิงคำถาม โดยอ้างว่า ไม่ใช่ฆาตกรข่มขืนลูกจนเสียชีวิต ส่วนสาเหตุที่มีร่องรอยเขียวช้ำบนเรือนร่างของลูกวัย 4 ขวบ เพราะเด็กตกบันไดบ้าน ส่วนเลือดที่ไหลออกมาจากอวัยวะเพศของหนูน้อยอาจเป็นเพราะถูกลูกชายของตนเอง ซึ่งเป็นเด็กเกเรทำร้าย เพราะเด็กทั้งคู่อยู่ด้วยกันภายในบ้านตามลำพัง เมื่อพยายามสอบถามก็ไม่ได้คำตอบ จึงซื้อยาแก้บวมและแก้อักเสบมาให้กิน และทายาเพื่อรักษาบาดแผล

               ตำรวจ สน.มีนบุรี ให้นายเดชาถอดกางเกงเพื่อตรวจหาร่องรอยบาดแผล พบว่า เครื่องเพศของนายเดชามีรอยถลอก และยังพบรอยขีดข่วนที่มือซ้าย และที่หน้าอก พนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี จึงส่งตัวนายเดชาไปตรวจร่างกายตามหลักนิติวิทยาศาสตร์ ที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ อย่างละเอียด

               ขณะที่ศพเด็กหญิงเคราะห์ร้ายมีการผ่าพิสูจน์อย่างละเอียด โดยแพทย์สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ พบว่า อวัยวะเพศมีร่องรอยถูกข่มขืนจนฉีกขาดถึงทวารหนัก ในช่องคลอดมีน้ำอสุจิขังอยู่ ที่แก้มขวามีรอยฟันกัด ที่ใบหน้าและลำตัวมีรอยเขียวช้ำ เสียชีวิตเพราะสมองบวม มีเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมอง และเสียเลือดมากจากบาดแผลที่อวัยวะเพศ

               ตำรวจชุดพิสูจน์หลักฐานได้หล่อแบบฟันของนายเดชา และบุตรชาย ที่นายเดชาอ้างว่าอาจเป็นผู้ลงมือทำร้ายน้องสาว เพื่อนำไปเทียบกับรอยฟันกัดที่พบที่แก้มขวาของเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย โดยผลการตรวจสอบร่างกายของนายเดชาพบบาดแผลที่อวัยวะเพศ เป็นแผลถลอกที่เกิดขึ้นใหม่ ซึ่งมีลักษณะรอยแดงไปทั่ว ที่แขนซ้ายด้านนอกและใต้ศอกมีรอยเล็บข่วนเล็กเท่ากับเล็บของเด็ก ขณะที่รอยพิมพ์ฟันของนายเดชาเข้ากับรอยฟันกัดที่ปรากฏอยู่บนแก้มขวาของศพผู้เสียชีวิต ที่สำคัญผลการตรวจสอบอสุจิที่พบในตัวศพเมื่อนำมาตรวจเทียบดีเอ็นเอแล้วตรงกันกับดีเอ็นเอของนายเดชา

               ขณะที่ผลการตรวจสอบร่างกายของบุตรชายนายเดชา ซึ่งถูกผู้เป็นพ่อให้การซัดทอดว่าอาจเป็นผู้ลงมือทำร้ายน้องสาวของตัวเองจนเสียชีวิตนั้น ไม่พบร่องรอยบาดแผลใดๆ ตามร่างกาย ตั้งแต่หัวจรดเท้า อวัยวะเพศยังมีลักษณะเติบโตไม่เต็มที่ และไม่พบบาดแผลใดๆ อีกทั้งรอยพิมพ์ฟันก็ไม่ตรงกันกับบาดแผลรอยฟันกัดที่พบบนตัวศพ

               จากหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่พบดังกล่าว ชี้ชัดว่า นายเดชาเป็นคนร้ายที่ข่มขืนหนูน้อยวัย 4 ขวบรายนี้จนเสียชีวิต ขณะที่พี่ชายของเหยื่อเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวโหดร้ายที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด

               หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ดังกล่าวสอดคล้องกับคำให้การของเด็กชาย ที่ยืนยันว่า คืนเกิดเหตุน้องสาวอยู่ในบ้านกับนายเดชาตามลำพัง โดยที่เด็กชายรายนี้อยู่ที่หน้าบ้าน ระหว่างนั้นได้ยินน้องร้องเสียงดังหลายครั้งติดต่อกันว่า “อย่าทำหนู”

               "ตกดึกขณะนอนหลับอยู่บนพื้นข้างเตียง ต้องตกใจตื่น เพราะได้ยินเสียงน้องร้องไห้โดยไม่ทราบสาเหตุ ผมกลัวพ่อจะตื่นขึ้นมาตีน้องอีก จึงบอกให้หยุดร้องไห้ สักพักน้องลุกจากเตียงจะเดินไปเข้าห้องน้ำ ผมเห็นเลือดไหลเปื้อนขาสองข้างของน้อง ซึ่งน้องไม่ทันเดินถึงห้องน้ำก็หมดแรงล้มลง ผมลุกขึ้นไปประคองร่างให้นอนลงและหยิบผ้ามาซับเลือดให้ แล้วนำน้ำมาให้ดื่ม น้องไม่มีแรงแม้แต่จะอ้าปาก ผมต้องใช้หลอดกาแฟหยอดน้ำใส่ปากให้ จนรุ่งเช้าน้องจึงขาดใจตาย" เด็กชายบอกตำรวจชุดคลี่คลายคดี

               สอดคล้องกับคำให้การของมารดาผู้เสียชีวิต ที่ไม่เชื่อว่าบุตรชายจะกระทำต่อน้องสาว เพราะเป็นเพียงเด็กที่ซุกซนตามวัย ไม่มีปัญหาเรื่องการเลี้ยงดู และแทบไม่อยากเชื่อว่า นายเดชาจะก่อเหตุ เพราะเป็นผู้มีการศึกษา ปกติแล้วเป็นคนรักเด็ก ส่วนบาดแผลที่พบบนใบหน้าของบุตรสาว สอบถามก่อนหน้านี้ทราบจากบุตรสาวเพียงว่า ตกบันได ซึ่งได้หายาหม่องและยาแก้ช้ำมาทาให้

               "ตอนเกิดเหตุไม่อยู่บ้าน เพราะไปอยู่กับเพื่อน 3 วัน เพื่อขอยืมเงิน" มารดาของเด็กหญิงเคราะห์ร้ายบอกตำรวจ สน.มีนบุรี หลังเกิดเหตุร้ายกับครอบครัว

               พนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี ได้ตรวจสอบประวัติการก่อคดีอาชญากรรมของนายเดชาย้อนหลัง พบว่าต้องคดีมา 2 ครั้ง ในปี 2510 ถูกตำรวจ สภ.เมืองอุบลราชธานี จับกุมในข้อหาลักทรัพย์ และปี 2513 ตำรวจ สภ.วารินชำราบ จับกุมดำเนินคดีซ้ำในข้อหาชิงทรัพย์

               ซึ่งพยานหลักฐานทั้งจากการสอบปากคำพยานแวดล้อม และหลักฐานสำคัญที่ได้จากกระบวนการพิสูจน์ตามหลักนิติวิทยาศาสตร์ มีน้ำหนักเพียงพอ ชุดคลี่คลายคดีจึงสอบเค้น ซึ่งนายเดชาจำนนต่อหลักฐาน จึงรับสารภาพว่า ลงมือข่มขืนเด็กหญิงวัย 4 ขวบจริง เพราะปักใจเชื่อมาโดยตลอดว่าหนูน้อยรายนี้ไม่ใช่ลูก เพราะพบเห็นเหตุการณ์ภรรยาอยู่กับชายอื่นก่อนการตั้งครรภ์เด็กหญิงรายนี้ และยังโกรธแค้นที่ภรรยาไปอยู่กับชายอื่นทั้งที่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์

               ในการตรวจเทียบดีเอ็นเอ หลังจากเกิดเหตุร้าย พบว่าเด็กหญิงวัย 4 ขวบรายนี้ ไม่ใช่บุตรของนายเดชา

               นายเดชาถูกนำตัวเข้าสู่การพิจารณาในชั้นศาล ซึ่งศาลชั้นตั้นพิพากษาให้ประหารชีวิต และถูกส่งเข้าคุมขังในเรือนจำบางขวาง ซึ่งได้ยื่นอุทธรณ์ และฎีกา แต่ศาลพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น กระทั่งเย็นวันที่ 7 กรกฎาคม 2542 นายเดชา จึงถูกประหารชีวิต ด้วยวิธียิงเป้า

.............................................

(หมายเหตุ : รอยฟันกัดที่แก้มขวา...ไขคดี! 'พ่อ'ข่มขืน'ลูกวัย4ขวบ' : คลี่ปมปริศนา csi-thailand โดยทีมข่าวอาชญากรรม)

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ