
ความสุขติดล้อ...'ช้าง'อรวัต ตันติเวชกุล
10 ก.ค. 2557
ขอเวลานอก : ความสุขติดล้อ...'ช้าง' อรวัต ตันติเวชกุล : เรื่อง ชาญยุทธ ปะวะขัง /ภาพ กุลพันธ์ ศิริพิมพ์อัมพร
"หากมีความเชี่ยวชาญในการขับขี่แล้วก็น่าจะผ่อนหนักเป็นเบาได้ นั่นคือทำให้มีสติในการตัดสินใจมากขึ้น..."
ใครบางคนบอกว่าถ้าอยากค้นพบความสุข ต้องรู้จักใช้ชีวิตช้าๆ เนิบๆ กำหนดรู้ทุกลมหายใจเข้าออก...หากในบริบทของคำว่า "สุข" นั้น ยังมีอีกหลายทางเลือก และหนึ่งในนั้นเห็นจะเป็น "การใช้ชีวิตติดสปีด" ยิ่งเร็วสารแห่งความสุขยิ่งหลั่ง เป็นความสุขทางโลกแบบที่หนุ่มแอ๊คทีฟ "ช้าง" อรวัต ตันติเวชกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย วัน เทรดดิ้ง จำกัด ผลิตและจำหน่ายอัญมณีและเครื่องประดับแบรนด์ "TRESOR" กำลังบรรลุเป็นลำดับขั้นผ่านการมองเห็นเสน่ห์ของ "โกคาร์ท" เที่ยวไล้เที่ยวขับจนยกระดับเป็นกิจกรรมโปรดยามผละจากงานเครียดๆ ในแต่ละวันไปแล้ว
ในวันฟ้าฝนเป็นใจ ที่สนามโกคาร์ท มอเตอร์สปอร์ตแลนด์ ถนนพหลโยธิน (แดนเนรมิตเก่า) ผู้บริหารหนุ่มวัย 35 ปี ปรากฏกายพร้อมชุดแข่งรถดูทะมัดทแมง ซึ่งก่อนจะสวมหมวกกันน็อคแล้วพาตัวเองไปประจำรถโกคาร์ทคันคุ้นเคย เขาเปิดบทสนทนาว่า ชอบเล่นกีฬาตั้งแต่เด็กควบคู่การเรียนรู้ชีวิต พอจบชั้น ม.3 ที่โรงเรียนจิตรลดา ก็ไปต่อไฮสคูลที่นิวซีแลนด์ ก่อนจะกลับมาคว้าปริญญาตรีด้านการเงินที่มหาวิทยาลัยสแตมฟอร์ด แล้วเข้าทำงานในธุรกิจจิเวลรี่จำพวกเครื่องเงินประดับพลอยของญาติ แต่ละวันนอกจากงานยุ่งบนโต๊ะ บางครั้งยังต้องออกไปดูแลลูกค้าจากต่างประเทศ
"ที่เครียดมากๆ คงเป็นเรื่องงานออกแบบ เพราะคู่แข่งเยอะ ถ้าเราไม่คิดอะไรใหม่ๆ ก็จะช้ากว่าเขา พอมีเวลาว่างผมชอบหาอะไรทำแก้เบื่ออย่างเล่นเวคบอร์ด ยิงปืน ขับรถดริฟท์ นอกจากกีฬาเอ็กซ์ตรีมพวกนี้ก็มีกีฬาทั่้วๆ ไปอย่างบาสเก็ตบอล ฟุตบอล ระยะหลังที่ชอบรถแข่ง เพราะคิดว่ามันท้าทายดี แล้วเราได้ฝึกหลายอย่าง ตอนอยู่นิวซีแลนด์ก็ขับบนถนนกับพี่ชายเลย ("โต" ณีชศีล ตันติเวชกุล) พอเริ่มรู้สึกว่าอันตรายก็เลยเปลี่ยนไปขับรถดริฟต์ในสนาม แล้วกลับมาเริ่มขับโกคาร์ทที่เมืองไทย โตเป็นคนสอนให้ มีโอกาสตระเวนแข่งบ้าง เขาแบ่งเป็นรุ่นๆ ต่อไปก็จะแข่งรุ่นคนแก่ละ (ขำ) เป็นรุ่นอายุเกิน 32 ปี อารมณ์ของการขับรถบนถนนกับขับในสนามแข่งมันคนละฟิลลิ่ง โกคาร์ทต้องตื่นตัวตลอดเวลา" ลูกชายคนเล็กในจำนวนสองคนของ คุณหญิงจินตนา และ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เท้าความถึงที่มาของกิจกรรมโปรด
กีฬาจำพวกมอเตอร์สปอร์ตอาจมองว่าอันตราย แต่หากมีระบบการป้องกันที่ดีแล้วถือว่าปลอดภัยสูง ซึ่งแต่ละครั้งก่อนลงสนามจะต้องมีอุปกรณ์ป้องกันครบเซ็ต เริ่มตั้งแต่ชุดแข่งได้มาตรฐานคลุมตั้งแต่คอจรดปลายเท้า ถุงมือ รองเท้า ที่กันกระแทกซี่โครง ที่สำคัญคือหมวกกันน็อคได้มาตรฐาน ทั้งนี้ก็พออะลุ่มอล่วยได้บ้างกรณีไม่พร้อมจริงๆ แต่อยากซิ่ง ซึ่งช้างบอกว่าเอาแค่กางเกงยีนขายาว ร้องเท้าผ้าใบ และหมวกกันนอกก็พร้อมลุย!!
"หลักการขับโกคาร์ให้ปลอดภัยคือ หลังต้องติดเบาะ แขนต้องตึงตลอดเวลา เพราะจะช่วยบล็อคไม่ให้เราได้รับแรงกระแทกเวลาเลี้ยวโค้งหรือมีคันอื่นมาชน และสิ่งที่นักขับมือใหม่ต้องรู้ เริ่มจากสนามมีองค์ประกอบอะไรบ้าง ทั้งคนขับรถเป็นหรือไม่เป็นก็ต้องเริ่มจากจุดเดียวกัน เพียงแต่คนขับรถเป็นแล้วอาจช่วยเพิ่มความมั่นใจมากกว่าเท่านั้น ทุกคนมีสิทธิ์ตื่นสนาม ตามอายุที่เขากำหนดแค่ 7 ขวบขึ้นไปก็สามารถขับโกคาร์ทได้แล้ว มีเป็นรุ่นๆ ไป เริ่มจากบีกินเนอร์, แอดวานซ์ และอินเทนซีฟ ผมเคยแข่งระดับสูงสุดคือ "โรแท็ค แม็กซ์ ดีดีทู" 125 ซีซี ใช้รถยี่ห้อซีอาร์จี " สาวกโกคาร์ท อธิบายพร้อมกับแย้มด้วยความภูมิใจว่าเคยคว้าที่ 3 ของรุ่นซีเนียร์ สนามพีระเซอร์กิต และสนามที่สระบุรี ซึ่งแต่ละปีแข่ง 4-5 สนาม จบแล้วจะมีการเอาระดับท็อปของแต่ละสนามไปแข่งระดับนานาชาติต่อไป
นักแข่งหนุ่มบอกด้วยว่า ตอนนี้กำลังสั่งซื้อรถคันใหม่มาเสริมความมั่นใจ โดยสนามโกคาร์ทแดนเนรมิตเก่าที่ตัวเองเป็นสมาชิก และพี่ชายเป็นครูสอนขับขี่อยู่นี้ นอกจากจะเปิดให้ผู้สนใจแวะเวียนมาทดสอบความเร็วแล้วยังใช้เป็นสนามแข่งทัวร์นาเม้นท์ย่อยๆ นอกจากนี้ยังมีการส่งสมาชิกเข้าร่วมแข่งขันรายการต่างๆ อีกด้วย อย่างปีหน้าเขามีโปรแกรมไปแข่งที่สนามเซปัง ประเทศมาเลเซีย
"มอเตอร์สปอร์ตค่อนข้างใช้ทุนในการเล่นสูง ยิ่งสนุกก็อยากมีรถเป็นของตัวเอง เพราะฉะนั้นต้องตั้งใจที่จะมาเล่นจริงๆ คงไม่มีใครลงทุนเทียวเข้าออกจากสนามเสียค่าใช้จ่ายครั้งละหลายพัน หรือซื้อหารถแข่งที่มีประสิทธิภาพสูงราคาเป็นแสนมาขับเล่นโดยไม่มีเป้าหมาย อย่างผมรถคันแรกที่ซื้อเป็นมือสองคันละ 3 หมื่น อายุใช้งานจริงๆ 2 ปีแต่ผมใช้มา 8 ปีแล้ว ผมว่าเสน่ห์ของโกคาร์ทอยู่ที่แรงเหวี่ยงที่เกิดขึ้นขณะขับขี่ พูดง่ายๆ ขนาดวัตถุเท่าเดิม แต่พอเหวี่ยงจะมีแรงเพิ่มขึ้นสองเท่า ตรงนี้ทำให้สนุก ทำให้เราเรียนรู้ที่จะบังคับให้ได้ ตั้งแต่ขับมาก็มีอุบัติเหตุชนกันบ้าง ชนขอบถนนบ้างพอฟกช้ำดำเขียว หนักสุดก็ซี่โครงร้าว แต่ไม่ถึงกับรถตีลังกา" หนุ่มผู้พิสมัยความท้าทาย เล่าปนอารมณ์ขัน
แน่นอนว่านอกจากความมัน สิ่งที่เขาค้นพบอีกนั่นคือ ทักษะในการขับขี่ ยกกรณีขับรถบนถนนหลวงอาจจะไม่เกิดอุบัติเหตุ แต่บังเอิญมีรถเกิดอุบัติเหตุเข้ามาหาจะปะทะ แล้วรถเสียหลัก ถ้าเป็นคนทั่วไปอาจจะตกใจ ซึ่งเวลาตกใจก็มีสองอย่างไม่แตะเบรคก็แตะคันเร่ง จากที่ไม่น่าจะเกิดความเสียหายก็ยิ่งรุนแรง แต่หากมีความเชี่ยวชาญในการขับขี่แล้วก็น่าจะผ่อนหนักเป็นเบาได้ นั่นคือทำให้มีสติในการตัดสินใจมากขึ้น
"ขณะขับเราต้องโฟกัสกับสิ่งที่ทำอยู่ ขับไปมองวิวไปชนแน่นอน เชื่อมโยงกับการทำงานอย่างพอเวลาเราเครียด หงุดหงิด คุยกับลูกค้าแล้วไม่เข้าใจกัน พอคิดถึงการใช้สติก็ทำให้เราใจเย็นขึ้น ค่อยๆ ปรับไปเดี๋ยวก็ดีเอง สมมติผมขับไล่คันหน้าอยู่ ทำไงก็แซงไม่ได้ ถ้าถอดใจ ไม่สู้ ขับแบบไม่มีสติ เขาก็จะค่อยๆ ทิ้งห่างไปเรื่อยๆ เวลาขับต้องคำนวณหลายๆ อย่างเยอะมาก ที่สำคัญข้อห้ามสำหรับนักแข่งเลยคือห้ามเมา ห้ามสูบบุหรี่จัดก่อนลงสนาม เพราะหัวใจจะเต้นแรง ประสิทธิภาพการตัดสินใจต่ำ อาจน็อคได้" ผู้บริหารหนุ่มหัวใจเอ็กซ์ตรีม บอกพร้อมเผยเป้าหมายว่าอยากขับโกคาร์ทไปจนกว่าไม่มีเรี่ยวแรง และคว้าแชมป์ต่างประเทศให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต แต่กว่าจะบรรลุจุดนั้นคงต้องทุ่มเวลาให้เป็นสองเท่า ด้วยทุกวันนี้ลำพังงานประจำก็รัดตัวจนแทบไม่มีเวลาให้อยู่แล้ว...