
จิกขน...กับผลที่ตามมา!
29 มิ.ย. 2557
พิชิตปัญหาสัตว์เลี้ยง : จิกขน...กับผลที่ตามมา! : โดย ... รศ.นสพ.ปานเทพ รัตนากร
ลำพังนกจิกขนจนโกร๋นก็เป็นที่ปวดหัวของผู้เป็นเจ้าของอยู่ไม่น้อย เพราะแน่นอนครับ ความสวยงามของนกนั้นอยู่ที่ขน ซึ่งปกคลุมตัวเป็นหลัก นกที่ไร้ขนจึงดูเหมือนไก่ย่างดีๆ นั่นเอง
แม้นกไร้ขนเพราะจิกทึ้งออกไปจะยังคงมีชีวิตอยู่ แต่มันย่อมผิดปกติและมีผลร้ายตามมา เนื่องจากปกติแล้วขนนกทำหน้าที่จำเป็นในการบิน เป็นฉนวนเก็บความร้อนและปกป้องความหนาวเย็น ป้องกันอันตรายจากภายนอกที่มากระทบกระแทก และยังป้องกันน้ำอีกด้วย (มากบ้างน้อยบ้างก็ขึ้นกับชนิดของนกครับ) ดังนั้นเมื่อไร้ซึ่งขน ผลที่ตามมาเชิงลบก็คือ
-เพิ่มความไวหรือโอกาสเกิดการติดเชื้อได้ง่าย และสูญเสียความสามารถในการควบคุมอุณหภูมิร่างกาย ทั้งนี้เพราะการที่ผลัดขน ขนร่วงหลุดไป ทำให้เกิดความต้องการใช้พลังงานสูงขึ้น เพราะต้องนำพลังงานไปใช้เพื่อสร้างขนใหม่ตลอดเวลาจนร่างกายอ่อนแอ การป่วยด้วยโรคติดเชื้อจึงเกิดง่าย
-สูญเสียเลือดและเกิดความกระทบกระเทือนต่อขุมขน เส้นขน และผิวหนัง จากการกัด ทึ้ง ดึง ถอน ฯลฯ
-บริเวณผิวหนังที่ไร้ขนปกคลุมจึงเป็นพื้นที่อ่อนแอ เปราะบาง เกิดรอยขีดข่วน แผลฉีกขาด ขุยของผิวหนัง สุดท้ายมีการติดเชื้อแทรกซ้อนจนอาการรุนแรงก็ได้
-การทำลายต่อมขุมขนอย่างถาวร เช่น จากแผลถูกกัดจะทำให้ขนนกไม่งอกขึ้นมาตามปกติอีกเลย
ฯลฯ
“นกชนิดใดอ่อนไหวต่อการจิกทึ้งของตนเอง?”
นี่เป็นข้อควรรู้ของผู้เลี้ยงนก จักได้เตรียมการตั้งรับปัญหานกจิกขนตนเองไว้ หรือไม่หานกชนิดนั้นๆ มาเลี้ยงก็ได้ ลองดูนะครับ
1.นกแก้วแอฟริกัน เกรย์
2.นกมาคอว์
3.นกกระตั๊ว
4.นกคอนัวร์
5.นกอิเลคตัส
6.นกแก้วคอแหวน
ส่วนนกชนิดที่ไม่ค่อยพบว่าเกิดปัญหาจิกขนตนเอง คือ
1.นกหงส์หยก
2.นกคอกคาทีล
3. นกแก้วอเมซอน
นกที่พบว่ามีอัตราการจิกทึ้งขนจนเป็นปัญหามากที่สุดคือ นกแก้วแอฟริกัน เกรย์ เพราะเป็นนกเจ้าอารมณ์ที่สุดก็ว่าได้ แม้ว่าจะฉลาดสอนให้พูดจาภาษาคนได้ง่ายกว่านกชนิดอื่นก็ตาม
---------------------------
(พิชิตปัญหาสัตว์เลี้ยง : จิกขน...กับผลที่ตามมา! : โดย ... รศ.นสพ.ปานเทพ รัตนากร)