ข่าว

เปิดหลักฐานพิลึกเอาผิดนักข่าวอัลจาซีรา

เปิดหลักฐานพิลึกเอาผิดนักข่าวอัลจาซีรา

25 มิ.ย. 2557

เปิดหลักฐานพิลึกเอาผิดนักข่าวอัลจาซีรา

                 อียิปต์ที่เพิ่งผ่านการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยมาไม่นาน  กำลังถูกนานาชาติกดดันอย่างหนักให้อภัยโทษทีมนักข่าว 3 คนของสำนักข่าวอัลจาซีรา ได้แก่ ปีเตอร์ เกรสต์ ผู้สื่อข่าวชาวออสเตรเลียประจำแอฟริกา นายโมฮัมเหม็ด ฟาเดล ฟาห์มี ชาวแคนาดาเชื้อสายอียิปต์ หัวหน้าสำนักข่าวอัลจาซีราในไคโร และนายบาเฮอร์ โมฮัมเหม็ด โปรดิวเซอร์ หลังศาลอียิปต์ตัดสินให้ทั้งหมด มีความผิดฐานช่วยเหลือกลุ่มภราดรภาพมุสลิม ที่กองทัพอียิปต์ประกาศเป็นกลุ่มก่อการร้ายหลังยึดอำนาจผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งในปีที่แล้ว และเสนอข่าวเท็จอันเป็นอันตรายต่อความมั่นคง
       
                 นักข่าวสองคนแรกถูกลงโทษจำคุก 7 ปี ส่วนโปรดิวเซอร์ถูกจำคุก 10 ปีเพราะมีกระสุนในครอบครองอีกหนึ่งข้อหา ซึ่งอัลจาซีรายืนยันว่าเป็นปลอกกระสุนที่โมฮัมเหม็ดเก็บได้ระหว่างทำข่าวประท้วง
        
                 ถือเป็นบทลงโทษที่รุนแรง ช็อควงการสื่อสารมวลชนทั่วโลกและจุดกระแสประท้วงทั้งในโลกออนไลน์ สุดขีด เมื่อการทำหน้าที่สื่อกลายเป็นอาชญากรรมร้ายแรงในสายตาของผู้มีอำนาจในอียิปต์ แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับกระบวนยุติธรรมในประเทศนี้ที่กำลังถูกตั้งคำถามอย่างหนัก
      
                 การพิจารณาคดีนี้ถูกจับตาใกล้ชิด มีการอนุญาตให้นักข่าวและผู้สังเกตการณ์จากองค์กรสิทธิมนุษยชนเข้ารับฟังด้วย จึงมีการเก็บข้อมูลพอที่จะสรุปว่า เป็นการพิจารณาคดีที่อาศัยหลักฐานอ่อนปวกเปียก หรืออาจไม่สามารถเรียกว่าเป็นหลักฐานได้เลยด้วยซ้ำ 
        
                 ตลอดการพิจารณาคดี 12 นัดเริ่มจากกุมภาพันธ์  วัตถุพยานส่วนมากที่อัยการนำเสนอ เป็นคลิปวิดีโอ และภาพนิ่งจากเครื่องคอมพิวเตอร์หรือแฟลชไดรฟ์ของนักข่าว โดยที่อัยการไม่เคยเชื่อมโยงให้เห็นได้ว่า วัตถุพยานไม่มีพิษมีภัยและบางชิ้นก็น่าขบขันเหล่านั้น เกี่ยวโยงกับข้อหาร้ายแรงที่ตั้งกับนักข่าวอย่างไร อาทิ       
       
                 มิวสิควิดีโอ "Somebody that I used to know” ของ โกทีเย ( Gotye ) นักร้องลูกครึ่งเบลเยี่ยม-ออสเตรเลีย ที่อ้างว่ามาจากโทรศัพท์มือถือของหนึ่งในนักข่าว แต่เมื่อเปิดชมในศาล วิศวกรที่ช่วยเตรียมหลักฐานชิ้นนี้กลับบอกว่า ยังไม่ได้วิเคราะห์ และไม่อาจชี้ควาผมิดของนักข่าวได้
      
                 ภาพถ่ายพ่อแม่- หนังสือพิมพ์ ดิ ออสเตรเลียน รายงานว่า คนในห้องพิจารณาคดียากจะกลั้นหัวเราะได้ เมื่อมีการนำภาพถ่ายจากคอมพิวเตอร์แลปท็อปของปีเตอร์ เกรสต์มาวิเคราะห์ในศาล เป็นภาพพ่อแม่ของเขาขณะไปท่องเที่ยวในลัตเวียและเยอรมนี โดยไม่ความเห็นเพิ่มเติมว่าเหตุใดภาพเหล่านี้จึงเป็นหลักฐานเอาผิดได้ 
      
                 สารคดีว่าด้วยเรื่องราวของประเทศอื่น-อัยการเปิดสารคดีบีบีซีเกี่ยวกับโซมาเลียและเคนยา เรื่อง แลนด์ ออฟ เดอะ แบนดิต  ที่ส่งให้
ปีเตอร์ เกรสต์ คว้ารางวัลด้านสารคดี "พีบอดี้"
      
                 งานแถลงข่าวในประเทศอื่น - คลิปวิดีโองานแถลงข่าวในเคนยา กรณีกลุ่มก่อการร้าย บุกโจมตีและสังหารหมู่ห้างสรรพสินค้า เวสต์ เกต
เมื่อปีที่แล้ว
      
                 ภาพตัดต่อ - ภาพถ่ายของฟาห์มี ยืนอยู่ด้านหลัง พล.อ.โมฮัมเหม็ด ฮุสเซน ตันตาวี อดีตผู้บัญชาการทหารอียิปต์ ที่เคยรักษาการผู้นำอียิปต์หลังยุคฮอสนี มูบารักเมื่อปี 2554 ซึ่งแค่มองเผินๆก็ดูออกว่ามีการตัดต่ออย่างชัดเจน แต่ถึงจะตัดต่อหรือไม่ ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคดี เพราะภราดรภาพมุสลิมขึ้นมามีอำนาจหลังจากนั้น 
     
                 สารคดีเกี่ยวกับฟุตบอลในอียิปต์ ที่ปีเตอร์ เกรสต์ ถ่ายทำทำให้กับสำนักข่าวอัลจาซีรา ซึ่งเกรสต์บอกกับศาลว่าวิดีโอนี้สะท้อนอียิปต์ที่มีเสถียรภาพต่างหาก สวนทางกับข้อหาเขาที่ว่ากำลังทำลายภาพลักษณ์ประเทศ
     
                 นอกจากหลักฐานประหลาดๆเหล่านี้แล้ว ปรากฎว่าไม่มีการเปิดคลิปข่าวที่ทั้งสามผลิตเลย และมีครั้งหนึ่งที่ทนายจำเลยถูกร้องขอให้จ่าย"ค่าธรรมเนียม"ประมาณ 1.5 แสนดอลลาร์ เพื่อนำเสนอหลักฐานอีกด้วย
      
                 และเมื่อผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค 3 คนถูกเรียกมาเป็นพยานฝ่ายโจทก์ ก็ให้การสวนทางกับคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรก่อนการพิจารณาคดีเริ่มขึ้น โดยพวกเขาต่างปฏิเสธที่จะลงความเห็นว่า คลิปวิดีโอ-ภาพนิ่งของนักข่าว เป็นภัยคุกคามความมั่นคงหรือไม่ ขณะพนักงานสอบสวนหลายคนยอมรับด้วยว่า พวกเขาไม่เข้าใจความแตกต่างระหว่างอัลจาซีรา มูบาเชอร์ มิสร์ ซึ่งเป็นเครือข่ายข่าวภาษาอาหรับท้องถิ่น ช่องโปรดของภราดรภาพมุสลิม กับอัลจาซีรา ภาษาอังกฤษ ที่นักข่าวทั้งสามทำงานอยู่