
"ตาสับปะรด"สะกดโจรใต้
จากเหตุการณ์ลอบวางระเบิดในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ตั้งแต่ปี 2544 จนถึง 2551 นั้น เป็นเหตุให้เกิดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน ทำให้ส่งผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ ถือเป็นหัวเมืองหลักที่เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของภาคใต้ตอนล่าง จึงตกเป็นเป้าหมายหนึ่งของกลุ่มก่อค
อย่างไรก็ตาม การก่อเหตุของคนร้ายคงไม่สามารถทำได้ง่ายดาย หากได้รับความร่วมมือแจ้งเบาะแสสิ่งผิดปกติของคนในพื้นที่ ดังนั้น โครงการตาสับปะรด จึงเกิดขึ้นเพื่อเป็นเครือข่ายแจ้งเบาะแสสิ่งผิดปกติในพื้นที่เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
พล.ต.กิตติ อินทศร ผู้บังคับการมณฑลทหารบกที่ 42 กล่าวถึงที่มาของโครงการนี้ว่า โครงการตาสับปะรดวิทยุเครื่องแดง หรือโครงการเครือข่ายประชาชนเฝ้าระวังเหตุร้ายใน อ.หาดใหญ่ เป็นแนวคิดของ พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 (มทภ.4)
เจตนาของ มทภ.4 ต้องการเน้นมาตรการรักษาความปลอดภัยในเขตเมือง โดยส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแจ้งเหตุสิ่งผิดปกติเพื่อสร้างเป็นเครือข่ายเฝ้าระวังเหตุร้ายที่จะกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตของประชาชน และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวม
โครงการนี้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2551 โดยแจกจ่ายวิทยุไปประจำตามจุดสำคัญต่างๆ ทั่วเมืองหาดใหญ่ เช่น ศูนย์การค้า ตลาดนัด โรงแรม ธนาคาร วินรถจักรยานยนต์ ฯลฯ โดยมีลูกข่ายคอยแจ้งเหตุประมาณ 500 กว่าคน
สำหรับลูกข่ายในแต่ละโซนจะมี "นามเรียกขานเฉพาะ" ในการแจ้งเหตุต่อเจ้าหน้าที่ โดยมีแม่ข่ายในการควบคุม และรับแจ้งเหตุที่ สถานีสารวัตรทหาร มทบ.42 เป็นศูนย์กลางในการรับแจ้งเหตุ เรียกว่า "ศูนย์มณโฑ"
ส่วนหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกลูกข่ายที่จะคอยสังเกตสิ่งผิดปกติ และแจ้งเหตุให้แก่เจ้าหน้าที่นั้นจะเริ่มจากการตรวจสอบประวัติ และดูว่ามีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ที่จะแจ้งเหตุจริงหรือไม่ จากนั้นถึงจะนำมาฝึกอบรมการสังเกตสิ่งผิดปกติ และฝึกการใช้วิทยุสื่อสารเบื้องต้น
นอกจากนี้ การทำงานของเครือข่ายตาสับปะรดจะมีการเชื่อมโครงข่ายกับ "นักวิทยุสมัครเล่น" ในพื้นที่ที่มีจิตอาสาในการทำงานเพื่อสังคม คอยแจ้งข้อมูลข่าวสารหรือสิ่งผิดปกติร่วมด้วยอีกทางหนึ่ง
ทั้งนี้ผลงานในรอบที่ผ่านมา สมาชิกได้แจ้งเหตุสิ่งผิดปกติจนสามารถระงับเหตุร้ายได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเหตุประทุษร้ายต่อทรัพย์ และเหตุไฟไหม้ที่สามารถแจ้งเหตุได้อย่างรวดเร็วจนสามารถบรรเทาความสูญเสียได้บ่อยครั้ง
เมื่อถามถึงการแจ้งเบาะแสผู้ก่อความไม่สงบ พล.ต.กิตติ ระบุว่า จากการเฝ้าระวังยังไม่พบสิ่งผิดปกติของกลุ่มก่อความไม่สงบ แต่มีการแจ้งสิ่งผิดปกติ เช่น รถจักรยานยนต์ที่จอดไว้นานผิดสังเกต ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ดีในการป้องกัน และเฝ้าระวังเหตุร้าย
นอกจากการสร้างเครือข่ายวิทยุสื่อสารเพื่อเฝ้าระวังเหตุร้ายแล้ว มทบ.42 ยังจัดกำลัง "ชุดตรวจวัตถุระเบิดเคลื่อนที่" เพื่อตรวจหาวัตถุระเบิดที่อาจมีการซุกซ่อนในพาหนะ หรือพื้นที่ล่อแหลมต่างๆ เป็นประจำทุกวันอีกด้วย
การทำงานของชุดตรวจวัตถุระเบิดดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากนักธุรกิจในการบริจาคเพื่อจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิด "จีที 200" เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานของเจ้าหน้าที่อีกแรงหนึ่ง
ด้วยความร่วมแรงร่วมใจของทั้งเจ้าหน้าที่และประชาชนในพื้นที่จึงทำให้หาดใหญ่ในวันนี้ปลอดภัยจากเหตุความไม่สงบมานานแล้ว
แต่คนหาดใหญ่ก็ "ไม่ประมาท" และยังทำหน้าที่เป็น "ตาสับปะรด" คอยสังเกตสิ่งผิดปกติที่อาจนำมาสู่การสูญเสียทั้งชีวิต ทรัพย์สิน และความสูญเสียทางเศรษฐกิจที่มิอาจประเมินค่าได้ หากมีเสียงปืนสักนัด หรือระเบิดสักลูกหนึ่งปะทุขึ้นมาที่นี่อีกครั้ง
ทีมข่าวความมั่นคง