
คลื่นถล่มภาคใต้รีสอร์ท-ร้านค้าเสียหาย
16 มิ.ย. 2557
คลื่นถล่ม"หาดปากเมง"เริ่มสงบแต่ยังเฝ้าระวัง ส่วนจ.กระบี่คลื่นซัดเขื่อนกันคลื่นเสียหาย นักท่องเที่ยวบางตาลดลง20-30%ด้านพังงาชายฝั่งเขาหลัก-รีสอร์ท-ร้านค้าเสียหาย
วันที่ 16 มิ.ย.57 ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตรังว่า จากเหตุการณ์คลื่นลมแรงความสูง 3 เมตร ที่พัดถล่มชายหาดปากเมง ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม อ.สิเกา นับตั้งแต่วันที่13 มิ.ย.ที่ผ่านมา จนทำให้สิ่งก่อสร้างริมชายหาด เช่น บ้านเรือน ร้านค้า รีสอร์ท ที่พัก หรือโรงแรม เกิดความเสียหายบางส่วน และยังส่งผลกระทบต่อการสัญจรไปมาจากบนถนนริมชายหาด เพราะบางช่วงมีน้ำทะเลและโคลนซัดเข้ามาสูง 10-30 ซม. พร้อมกับเศษใบไม้กิ่งไม้เป็นจำนวนมาก จนทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวต้องปิดให้บริการเพื่อความปลอดภัยนั้น
อย่างไรก็ตาม แม้ล่าสุดในวันนี้จะตรงกับช่วงที่มีน้ำทะเลหนุนขึ้นสูงสุดในรอบเดือน แต่จากการที่มรสุมในทะเลอันดามันเริ่มมีกำลังอ่อนลง และไม่มีฝนตกลงมาอีกแล้ว ทำให้สถานการณ์คลื่นลมแรงสงบลงไป จนเหลือความสูงแค่ 1 เมตร เฉพาะในบางจุดที่อยู่ติดกับพนังกันคลื่น และยังมีน้ำทะเลไหลขึ้นมาบนถนนบางช่วงเพียงแค่เล็กน้อย แต่ยังคงต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์ในระยะ 1-2 วันนี้ต่อไป ซึ่งหน่วยงานและธุรกิจท่องเที่ยวต่างช่วยกันทำความสะอาดชายหาดปากเมง หวังกลับคืนมาสู่ความสวยงามและเตรียมจะเปิดให้บริการอีกครั้ง
กระบี่-คลื่นซัดเขื่อนกันคลื่นกระบี่เสียหาย นักท่องเที่ยวบางตาลดลง 20-30%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คลื่นลมแรงพัดเข้าฝั่งต่อเนื่องกว่า 6 วันที่ผ่านมา ทำให้แนวเขื่อนป้องกันคลื่นกัดเซาะชายฝั่ง ที่บริเวณชายหาดนพรัตน์ธารา ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ ตะแกรงเหล็กถูกคลื่นกัดเซาะขาดเสียหายตลอดแนว กว่า 300 เมตร องค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวนาง เตรียมลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย เพื่อซ่อมแซมต่อไป ด้านผู้ประกอบร้านค้าย่านอ่าวนาง ทำความสะอาดบริเวณทางเท้าหน้าร้านเก็บกวาดใบไม้ ที่กูกลมพัดแรงร่วงหล่นเป็นจำนวนมาก ขณะที่บรรยากาศการท่องเที่ยวเงียบเงา มีนักท่องเที่ยวบางตา ลดเหลือ ประมาณ ร้อย 20-30 จากช่วงปกติ
นายเถลิงศักดิ์ ภูวญาณพงศ์ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่า ยังคงประกาศเตือน ประชาชน นักท่องเที่ยวห้ามลงเล่นน้ำทะเล เรือโดยสารขนาดเล็ก ห้ามออกจากฝั่ง เนื่องจากทะเลมีคลื่นลมแรงต่อเนื่อง ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัย ระวังอัตรายน้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม ในระยะ 1-2 นี้
พังงา-คลื่นยักษ์ถล่มชายฝั่งเขาหลัก-รีสอร์ท-ร้านค้าเสียหาย
ช่วงเย็นของวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา บริเวณชายหาดบางเนียง ม.5 ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ได้เกิดคลื่นยักษ์ความสูงไม่น้อยกว่า 5 เมตร ซัดเข้าถล่มตลอดแนวชายฝั่งเขาหลัก ทำให้รีสอร์ทหรูรวมถึงร้านค้าตลอดแนวชายหาดได้รับผลกระทบจากคลื่นยักษ์ รวมทั้งลมพายุที่พัดกระหน่ำทำให้บ้านเรือนและร้านค้าเสียหายหลังคาแตกกระจายเป็นจำนวนมาก จนต้องเร่งซ่อมแซมตลอด 24 ชม.หลังกำแพงกั้นคลื่นเริ่มมีการแตกร้าวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
นายเซ คมกล้า ผู้ประกอบการรีสอร์ทชาบาลา กล่าว ตนได้ประกอบธุรกิจโรงเรมในพื้นที่เขาหลักมาตั้งแต่ก่อนสึนามิ และได้มีการปรับปรุงและซ่อมแซมมาโดยตลอด หลังจากเกิดภายุฝนพัดกระหน่ำกระกอบกับน้ำทะเลหนุนสูงกว่า 3 เมตร ทำให้เกิดคลื่นยักษ์ซัดเข้าถล่มกำแพงกั้นคลื่นที่ได้ทำการก่อสร้างเอาไว้ ซึ่งปีนี้พบว่าคลื่นและระดับน้ำมีความสูงสุดในรอบ 10 ปี ซึ่งปีที่แล้วนั้นพบคลื่นได้มีขนาดใหญ่ขึ้นจึงได้มีการเตรียมการทำกำแพงกั้น คลื่นเพื่อป้องกันความเสียหายแต่ก็ไม่คิดว่าในปีนี้หาดทรายได้ต่ำล่งไปจากปี ที่แล้วกว่า 3 เมตรจากพื้นดิน ปกติ ทำให้มวลน้ำมหาศาลพุ่งเข้ากระแทกกำแพงกั้นคลื่นที่ได้ลงทุนไปไม่น้อยกว่า 3.5 ล้านบาท ได้เกิดการแตกร้าวเพิ่มขึ้นและมีการไหลออกของพื้นดินอย่างต่อเนื่องจนต้องเร่งซ่อมแซมอุดรอยร้าว และรอยรั่วตลอดเวลา
นายเซ ยังกล่าวต่อว่า ในขณะที่ยืนห่างจากกำแพงกั้นคลื่นไม่น้อยกว่า 5 เมตร ยังรู้สึกเหมือนแผ่นดินไหวเมื่อคลื่นพุ่งเข้ากระทบกำแพง รวมทั้ง น้ำที่กระจายพุ่งขึ้นสูงกว่าต้นมะพร้าวที่มีความสูงมากกว่า 10 เมตร จากพื้นดิน
นายจำรัส หลีเจี้ย กล่าวว่า หลังจากทราบข่าวเกิดคลื่นยักษ์พัดเข้าถล่มชายฝั่งเขาหลักจึงได้เชิญ นายดำรง ฉิมทับ ปลัดอำเภอตะกั่วป่า เข้าตรวจสอบพื้นที่จากภัยธรรมชาติในช่วงฤดูมรสุมคลื่นลมในทะเลสูงจนทำให้ ทรัพย์สินของผู้ประกอบการท่องเที่ยวตลอดแนวชายหาดเขาหลักได้รับความเสียหาย ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากคลื่นความสูง 3-5 เมตร ซัดใส่กำแพงสำหรับป้องกันคลื่นกัดเซาะชายฝั่งซึ่งแต่ละโรงแรมได้สร้างให้มี ความสูงไม่น้อยกว่า 3 เมตร จนทำให้เกิดการแตกร้าวและน้ำทะเลกัดเซาะจนกระทั่งเจ้าของรีสอร์ทหลายสิบแห่ง ต้องเร่งนำกระสอบทรายมาวางเป็นแนวป้องกันรวมทั้งเร่งอุดรอยรั่วเพื่อไม่ให้ มีความเสียหายเพิ่มขึ้นจากการแตกร้าวเป็นการชั่วคราวรวมทั้งมีแนวโน้มที่จะมีความเสียหาเพิ่มมากขึ้นหากพายุยังไม่สงบ ประกอบกับช่วงเวลาดังกล่าวเป็นวัน แรม 2 ค่ำจึงทำให้ปริมาณน้ำมีมากกว่าปกติ ซึ่งการเข้าตรวจสอบในครั้งนี้ยังไม่สามารถประเมินเป็นจำนวนเงินได้ แต่คาดการว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นกับกำแพงกั้นคลื่นตลอดแนว 1 กิโลเมตรนั้นไม่น้อยกว่า 5 ล้านบาท ก่อนจะรายงานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อหาทางแก้ไขแบบบูรณาการต่อไป
นายกริช สิทธิบุตร อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11/14 ม.3 ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา เปิดเผยว่า ตนเองได้เข้ามาลงทุนเลี้ยงปลาในกระชังบริเวณปากอ่าวบ้านในไร่ ม.7 ต.นาเตย อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา มากว่ายี่สิบปีแล้ว ไม่เคยเจอเหตุการณ์ที่น้ำทะเลหนุนสูงมากถึงระดับนี้มาก่อน ทำให้แท่งโฟมพร้อมกับไม้กระดานที่นำมาเตรียมไว้ทำกระชังเลี้ยงปลาลอยหายไปออกทะเลใหญ่ และด้วยความแรงกระแสน้ำได้พัดพาเศษไม้ต่างๆ มากระแทกกระชัง สร้างความเสียหายทำให้ปลากระพงขาวที่เลี้ยงมาประมาณ 11 เดือน หลุดจากกระชังหายไป ทั้งที่ตนเองมีนัดกับพ่อค้าจะมาซื้อปลาทั้งหมดในวันพรุ่งนี้ คาดว่าความเสียหายเบื้องต้นไม่น้อยกว่า 1 แสนบาท ส่วนปลาที่เหลืออยู่นั้นชาวบ้านในพื้นที่ได้มาช่วยกันจับออกจากกระชังจนหมด ส่วนสาเหตุที่น้ำทะเลหนุนสูงมากนั้น น่าจะเป็นเพราะช่วงน้ำใหญ่ แต่ที่ผ่านมาตนเองไม่เคยเห็นขึ้นสูงถึงระดับนี้มาก่อน
นายสมเกียรติ อินทรคำ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพังงา กล่าวว่า คลื่นยักษ์ที่เกิดในจังหวัดพังงานั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการแผ่นดินไหว ที่เกิดขึ้นในหมาสมุทรดินเดียแต่อย่างใด เป็นเพียงร่องมรสุมพัดผ่านภาคใต้ตอนล่างประกอบกับน้ำทะเลหนุนสูง ซึ่งไม่เพียงแต่คลื่นที่ซัดเข้าชายฝั่งจนเกิดความเสียหาย แต่ยังพบลมกรรโชกแรงเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเรือนในพื่นที่ตลอดแนวชายฝั่ง ของจังหวัดพังงาอีก 4 อำเภอ ทำให้บ้านเรือนเสียหายกว่า 100 หลังคาเรือน รวมทั้งพืชผลทางการเกษตร ไม่น้อยกว่า 20 ไร่ โดยขณะนี้ทางจังหวัดได้มีการสั่งการให้ องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น อำเภอ ได้ให้การช่วยเหลือ มอบอุปกรณ์เพื่อนำไปซ่อมแซมเป็นการเบื้องต้น พร้อมทั้งประสานไปยัง องค์การบริหารส่วนจังหวัด สำนักงานทางหลวงชนบท เพื่อเตรียมความพร้อมด้านเครื่องจักรและอุปกรณ์ให้พร้อมรับสถานการณ์ต่อไป