ข่าว

แนะวิธีเลือกซื้อ "ลิ้นจี่"

แนะวิธีเลือกซื้อ "ลิ้นจี่"

29 มิ.ย. 2552

ตอนที่เขียนต้นฉบับเรื่องนี้อยู่ ลิ้นจี่ก็ใกล้จะวายไปจากตลาดแล้ว และอีกไม่นานก็จะมีลำไยเข้ามาแทน แต่ก็คงไม่เสียหายอะไร เพราะถ้าทำความรู้จักกับลิ้นจี่ให้ดีขึ้น ก็อาจทำให้ปีหน้ามีโอกาสกินลิ้นจี่อร่อยขึ้นได้

รสนิยมในการกินลิ้นจี่ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังนั้นการที่มีลิ้นจี่หลากหลายพันธุ์ให้เลือก จึงเป็นเรื่องที่ดีสำหรับผู้บริโภค แต่บางคนยังแยกไม่ออกว่าลิ้นจี่แต่ละพันธุ์แตกต่างกันอย่างไร นอกจากจะมีลักษณะพิเศษที่เห็นได้ชัด เช่น พันธุ์จักรพรรดิ ที่มีลูกขนาดใหญ่โตเป็นพิเศษ แต่หลายคนแยกไม่ออกว่าลิ้นจี่ที่ซื้อมานั้นเป็นพันธุ์อะไร เลยนึกว่าเหมือนๆ กันหมด ก่อนอื่นลองทำความรู้จักลิ้นจี่พันธุ์หลักๆ ที่มีการปลูกมากในเมืองไทยก่อน

เริ่มแรกของปี คือประมาณเดือนมีนาคมถึงเมษายน ก็จะเริ่มมีลิ้นจี่พันธุ์ค่อมออกมาวางขายก่อน เพราะว่าลิ้นจี่พันธุ์นี้ปลูกในแถบภาคกลางคือแถวสมุทรสงครามเป็นหลัก จึงออกดอกเร็วกว่าลิ้นจี่ในเขตภาคเหนือ ลิ้นจี่ค่อมมีลักษณะสังเกตได้คือผิวสีแดงเข้มคล้ำปนดำ เห็นหนามชัดเจน ขนาดลูกไม่ใหญ่นัก รสชาติก็หวานอร่อยใช้ได้ แต่อาจติดรสฝาดเล็กน้อยพอสังเกตได้ ขึ้นอยู่กับว่าผลแก่จัดมากน้อยแค่ไหน แต่ก็นับว่าเป็นโชคดีของคนปลูกลิ้นจี่พันธุ์นี้ที่ออกตลาดได้ก่อนพันธุ์อื่น ทำให้ขายได้ในราคาสูง เพราะถ้าออกมาชนกับลิ้นจี่ภาคเหนือโดยตรงอาจมีปัญหาเพราะรสชาติยังสู้ลิ้นจี่ภาคเหนือไม่ได้

นอกจากนี้ในช่วงใกล้ๆ กันอาจมีลิ้นจี่จากปากช่องออกสู่ตลาดบ้าง แต่เป็นพันธุ์แห้ว ซึ่งรสชาติหวานหอมและอร่อยดีเหมือนกัน เสียแต่ว่ามีการปลูกกันน้อย เลยไม่ค่อยได้พบเห็นมาวางขายในกรุงเทพฯ หลังจากนั้นประมาณเดือนเมษายานและพฤษภาคม ก็จะมีลิ้นจี่ภาคเหนือเริ่มออกสู่ตลาด โดยช่วงแรกก็จะเป็นพันธุ์ฮงฮวย ซึ่งสังเกตลักษณะผลได้ง่ายนั่นคือมีผิวสีชมพูสวยมาก และหนามไม่ค่อยแหลม ขนาดผลโตกว่าพันธุ์ค่อมพอสมควร ลิ้นจี่พันธุ์นี้เมื่อก่อนอาจเรียกได้ว่าเป็นพันธุ์หลักก็ว่าได้ เพราะมีวางขายกันเกลื่อนไปหมด รสชาติก็ดีใช้ได้ หวานหอม แต่ติดที่อมเปรี้ยวบ้าง ซึ่งบางคนก็ชอบ บางคนก็ไม่ชอบ แต่ในระยะหลังถูกพันธุ์อื่นเบียดตลาดไปจนเริ่มหาซื้อได้ยากขึ้น

 ปัญหาก็คือว่าในช่วงต้นฤดูตอนที่ลิ้นจี่พันธุ์ค่อมเริ่มหมด บางครั้งพันธุ์ฮงฮวยจากภาคเหนือยังไม่แก่จัดแต่รีบเก็บมาขาย สังเกตได้คือสีอาจไม่ใช่ชมพูสดสวย แต่ยังอมเหลืองหรือซีด และที่สำคัญสังเกตได้คือหนามยังค่อนข้างคมไม่ราบเรียบเหมือนลิ้นจี่แก่จัด ผลก็คือหากรีบซื้อตอนนั้นจะได้ลิ้นจี่ที่รสชาติยังไม่ได้ที่ และอาจเริ่มเข็ดกับการซื้อลิ้นจี่ก็เป็นได้ และลิ้นจี่พันธุ์นี้เองที่มีปัญหาเรื่องราคาเมื่อเร็วๆ นี้ สาเหตุหนึ่งก็คงเป็นเพราะเรื่องคุณภาพนั่นแหละครับ

ถัดมาอีกไม่นานก็มีลิ้นจี่สองพันธุ์ออกมาใกล้เคียงกันคือจักรพรรดิและกิมเจ็ง ข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดคือขนาดลูกของจักรพรรดิโตกว่ามาก แต่นอกจากลูกโตแล้ว เมล็ดยังโตอีกด้วย ส่วนรสชาติก็ใช้ได้แต่ว่าฉ่ำน้ำ ส่วนอีกพันธุ์หนึ่งคือกิมเจ็ง ซึ่งหากถามหลายๆ คนแล้วจะได้คำตอบเหมือนกันว่าอร่อยที่สุดในบรรดาพันธุ์ต่างๆ ที่กล่าวมา เพราะรสชาติทั้งหวานหอมและเมล็ดเล็กมาก คำว่าหอมในที่นี้คือจะได้กลิ่นกุหลาบชัดเจน ซึ่งต่างจากพันธุ์อื่น แต่หลายคนไม่รู้จักลิ้นจี่พันธุ์นี้จีงถูกหลอกได้ง่ายๆ หมายความว่าต้องซื้อในราคาที่สูงกว่าพันธุ์อื่น แต่ได้ลิ้นจี่ที่ไม่ใช่กิมเจ็งมาแทน เพราะเราไม่รู้จักว่าพันธุ์กิมเจ็งนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร หรือมีข้อสังเกตเด่นชัดได้อย่างไร ไว้คราวหน้าจะมาเล่าให้ฟังต่อเกี่ยวกับการเลือกซื้อลิ้นจี่โดยเฉพาะอย่างยิ่งพันธุ์นี้ครับ

รศ.ดร.พีระเดช ทองอำไพ