
อาถรรพณ์ 'เหยี่ยวลิสบอน' กับคำสาปของ 'กัตต์มันน์'
17 พ.ค. 2557
อาถรรพณ์ 'เหยี่ยวลิสบอน' กับคำสาปของ 'กัตต์มันน์' : โดย...ลุงหวานเย็น
ในที่สุด "เหยี่ยวลิสบอน" เบนฟิกา ยักษ์ใหญ่แห่งลีกโปรตุเกส ก็ยังไม่พบกับความสำเร็จบนเวทีลูกหนังยุโรปมานานถึง 52 ปี เพราะยังคงทำได้ดีที่สุดเพียงแค่ "รองแชมป์" จากการพลาดท่าแพ้ เซบีญา ทีมดังจากสเปน ช่วงดวลจุดโทษตัดสิน 2-4 หลังเสมอกันจากเวลา 120 นาที 0-0 ในศึกยูฟ่า ยูโรปาลีก รอบชิงชนะเลิศ ประจำฤดูกาล 2013/14 ซึ่งอาจเป็นเพราะ "อาถรรพณ์" จาก "คำสาป" ของ เบลา กัตต์มันน์ ยอดกุนซือของสโมสร ระหว่างปี 1959-1962 จึงทำให้ เซบีญา ผงาดคว้าแชมป์รายการนี้เป็นสมัยที่ 3 ได้สำเร็จ ต่อจากที่เคยป้องกันแชมป์ได้ถึง 2 สมัยซ้อนในช่วงปี 2006 และ 2007
ก่อนหน้านี้ เบนฟิกา เคยขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในยักษ์ใหญ่แห่งวงการฟุตบอลยุโรปในช่วงต้นทศวรรษ 60 เนื่องจาก เบลา กัตต์มันน์ ยอดกุนซือชาวฮังการี นำทัพ "เหยี่ยวลิสบอน" ผงาดยึดบัลลังก์ "เจ้าสโมสรยุโรป" ในฐานะแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ ซึ่งเป็นไปตามการแข่งขันในยุคสมัยนั้นได้ถึง 2 สมัยซ้อน เริ่มจากการเฉือนชนะ "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลนา มหาอำนาจลูกหนังจากสเปน 3-2 ในเกมรอบชิงชนะเลิศเมื่อปี 1961 และสามารถป้องกันตำแหน่งแชมป์เอาไว้ได้อีกหนึ่งสมัยในช่วงปีถัดมา เพราะเป็นฝ่ายไล่ต้อนชนะ รีล มาดริด อีกหนึ่งยักษ์ใหญ่จากเมืองกระทิงดุ 5-3 ในเกมรอบชิงชนะเลิศเมื่อปี 1962
แม้จะดูเหมือนว่า "เหยี่ยวลิสบอน" กำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งความยิ่งใหญ่บนเวทีลูกหนังยุโรป แต่ทุกอย่างกลับต้องพังทลายลงแบบไม่เป็นท่า หลังจากที่ กัตต์มันน์ มีปัญหาขัดแย้งกับบอร์ดบริหารสโมสรในเรื่องของเงินๆ ทองๆ อย่างรุนแรง เนื่องจากยอดโค้ชชาวฮังการีได้มีการเรียกร้องขอเงินค่าเหนื่อยเพิ่มขึ้น ทว่าบรรดาผู้บริหาร เบนฟิกา กลับตอบปฏิเสธแบบไร้เยื่อใย จึงทำให้ กัตต์มันน์ เลือกที่จะตัดสินใจยื่นใบลาออกจากตำแหน่งนายใหญ่แห่งถิ่นเอสตาดิโอ ดา ลุซ ในช่วงปี 1962
ด้วยความแค้นที่สุมอยู่ในหัวอกจากเหตุที่ไม่ได้รับการตอบสนองในเรื่องดังกล่าว จึงเปล่งวลีอมตะที่เหมือนกับ "คำสาปแช่ง" ช่วงที่เดินออกจากทีมในทำนองที่ว่า "เบนฟิกา จะไม่ได้แชมป์ยุโรปในช่วง 100 ปีหลังจากนี้อีกเลย" และดูเหมือนว่าคำพูดที่เป็นเหมือนกับคำสาปของกัตต์มันน์ จะกลายเป็นจริงเสียด้วย เพราะหลังจากนั้น "เหยี่ยวลิสบอน" ผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศในศึกฟุตบอลสโมสรยุโรปได้ถึง 7 ครั้ง แต่กลับต้องเดินออกจากสนามในฐานะ "ผู้ผิดหวัง" ที่ทำได้ดีที่สุดเพียงแค่ตำแหน่ง "รองแชมป์" เท่านั้น
โดยแบ่งออกเป็น ศึกยูโรเปี้ยน คัพ ทั้งหมด 5 ครั้ง เริ่มจากปี 1963 แพ้ "ปีศาจแดงดำ" เอซี มิลาน ยักษ์ใหญ่แห่งอิตาลี 1-2, ในปี 1965 แพ้ "งูใหญ่" อินเตอร์ มิลาน ยักษ์ใหญ่จากอิตาลี 0-1, ในปี 1968 แพ้ "ปีศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด ยักษ์ใหญ่แห่งเกาะอังกฤษ 1-4, ในปี 1988 แพ้ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟน ยักษ์ใหญ่จากฮอลแลนด์ ในช่วงดวลจุดโทษตัดสิน 5-6 หลังเสมอกันจากช่วงลงเตะครบ 120 นาที 0-0 และในปี 1990 แพ้ เอซี มิลาน ยักษ์ใหญ่แห่งอิตาลี 0-1 ส่วนอีก 2 ครั้งเป็นเกมฟาดแข้ง ศึกยูฟ่า คัพ หรือที่ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อมาเป็น ศึกยูฟ่า ยูโรปาลีก เริ่มจากในปี 1983 แพ้ อันเดอร์เลชท์ ยักษ์ใหญ่จากเบลเยียม ด้วยสกอร์รวม 2 นัด 1-2, และในปี 2013 แพ้ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ยักษ์ใหญ่แห่งเกาะอังกฤษ 1-2 รวมถึงนัดล่าสุดที่เพิ่งแพ้ เซบีญา ในช่วงดวลจุดโทษ
แม้ว่า กัตต์มันน์ จะจากโลกใบนี้ไปนานแล้ว เพราะเสียชีวิตลงด้วยวัย 82 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่ใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่ในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เมื่อช่วงปี 1981 แต่คำสาปแช่งดังกล่าวยังคงเป็นเหมือนอาถรรพณ์ของ "เหยี่ยวลิสบอน" ต่อไปจนถึงปัจจุบันนี้ แม้ก่อนหน้านี้ เบนฟิกา จะเคยพยายามแก้เคล็ดด้วยการให้ "เสือดำแห่งโมซัมบิก" ยูเซบิโอ อดีตยอดกองหน้าผู้ล่วงลับที่เป็นตำนานของสโมสร ไปนั่งสวดมนต์อ้อนวอนขอขมา กัตต์มันน์ ที่หลุมศพในเมืองหลวงของประเทศออสเตรียเมื่อ 24 ปีก่อน เนื่องจาก "เหยี่ยวลิสบอน" มีโปรแกรมต้องลงสนามพบ เอซี มิลาน ในศึกยูโรเปี้ยน คัพ รอบชิงชนะเลิศ ที่พราเกอร์ สเตเดี้ยม กรุงเวียนนา เมื่อปี 1990 แต่ก็ไม่สามารถลบล้างคำสาปดังกล่าวสำเร็จ เพราะเป็นฝ่ายแพ้ "ปีศาจแดงดำ" 0-1 นั่นเอง
สงสัยว่า "เหยี่ยวลิสบอน" อาจจะรอคอยต่อไปอีก 48 ปี หรือจนถึงช่วงปี 2062 โน่นเลย เพื่อให้คำสาปของ กัตต์มันน์ ที่มีอายุนานถึง 100 ปีเสื่อมมนต์ลงไปตามกาลเวลา หลังจากที่ เบนฟิกา ต้องเผชิญหน้ากับอาถรรพณ์จากเรื่องดังกล่าวที่ทำให้ร้างราจากตำแหน่ง "แชมป์สโมสรยุโรป" มานานถึง 52 ปีแล้ว
-------------------------
(อาถรรพณ์ 'เหยี่ยวลิสบอน' กับคำสาปของ 'กัตต์มันน์' : โดย...ลุงหวานเย็น)