
รวบแล้ว!2โจ๋ทุบรถ'มิค-เบนซ์'
03 พ.ค. 2557
ตร.ขอหมายศาลจับ 2 โจ๋ทุบรถ 'มิค-เบนซ์' สารภาพตระเวนทุบมาแล้วกว่า 20 คัน ด้าน แม่ 'กวาง' กมลชนก ถูกวิ่งราวกระเป๋าในลานจอดรถห้างดัง สูญ 3 แสน
3 พ.ค. 57 เมื่อเวลา 19.00 น. ที่กองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 (กก.สส.บก.น.1) พ.ต.อ.ทรงพล วัธนะชัย รอง ผบก.น.1 พ.ต.อ.พรชัย ชลอเดช ผกก.สส.บก.น.1 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ร่วมกันแถลงผลจับกุมเยาวชนชาย 2 คน อายุ 18 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 3 พ.ค. 2557 หลังร่วมกันก่อเหตุทุบกระจกรถยนต์ ยี่ห้อ อิซูซุ รุ่นมิวเอ็กซ์ สีน้ำตาล ทะเบียน 1 กฮ 34 กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นรถที่ ร.อ.บรมวุฒิ หิรัณยัษฐิติ และ น.ส.พรชิตา ณ สงขลา หรือมิคกับเบนซ์ ดารานักแสดงชื่อดังที่เพิ่งแต่งงานกัน ขับมาจอดในที่เหตุเกิด ท้องที่ สน.ดินแดง เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา
พ.ต.อ.ทรงพล กล่าวว่า หลังจากก่อเหตุเจ้าหน้าที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในพื้นที่จุดเกิดเหตุ และใกล้เคียง พบรถยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแจ๊ส สีส้ม-แดง ทะเบียน 1 กฮ 2965 กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่สืบสวนจนสามารถขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสอง และจับกุมได้ที่ร้านขายของในหมู่บ้าน ย่านคลอง 3 จ.ปทุมธานี เหลือผู้ต้องหาอีก 1 รายที่ยังหลบหนีอยู่ชื่อ นายนที อินเสาร์ อายุ 23 ปี โดยผู้ต้องหาจะขับรถแจ๊สตระเวนหารถเหยื่อ แล้วลงมือก่อเหตุ โดยแบ่งหน้าที่กัน มีคนเฝ้าต้นทาง และคนขี่รถจักรยานยนต์ตาม
เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ โดยจะขับรถตระเวนไปในย่านอารีย์ ม.หอการค้า อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ บางนา และประเวศ ซึ่งวันเกิดเหตุขับรถตระเวน เห็นรถยนต์ของนักแสดงชื่อดังจอดอยู่ริมถนน ไม่ติดฟิล์ม จึงลงไปดูเห็นกระเป๋าสะพายสีดำวางอยู่ที่หลังเบาะ จึงใช้ไขควงงัดที่ขอบกระจกจนแตก และมุดไปเอากระเป๋าสะพาย โดยที่สัญญาณกันขโมยจะไม่ดัง เนื่องจากรถไม่ได้รับแรงสั่นสะเทือน หลังก่อเหตุได้นำทรัพย์สินมีค่ามาแบ่งกัน ส่วนของอย่างอื่นก็เอาไปโยนทิ้งคลอง ริมถนนวิภาวดีรังสิต ตรงวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร แล้วเอาเงินไปเที่ยวเตร่
ผู้ต้องหาทั้งสองยังให้การอีกว่า หลังก่อเหตุพวกตนยังไปนั่งกินผัดไทยที่ย่านประตูผี โดยไม่รู้ว่ารถคันดังกล่าวเป็นของนักแสดงชื่อดัง จนมาเห็นข่าว ที่ผ่านมาเคยก่อเหตุมาไม่น้อยกว่า 20 ครั้งในพื้นที่ สน.ดินแดง สน.บางซื่อ และสน.พญาไท บางครั้งก็งัดรถแล้วไม่พบทรัพย์สิน ส่วนใหญ่จะเลือกรถที่ฟิล์มโปร่งใส โดยเอาทรัพย์สิน เช่น โทรศัพท์มือถือ ไปขายที่ย่านคลองถม ส่วนเงินสดจะมาแบ่งกันไปใช้เที่ยวเตร่ที่ย่านอาร์ซีเอ และหลังจากเห็นข่าวได้พยายามหลบหนี แต่มาถูกจับกุมเสียก่อน
ด้าน ร.อ.บรมวุฒิ กล่าวฝากเตือนประชาชนให้ระวัง โดยเริ่มที่ตัวเราก่อน อย่าวางทรัพย์สินมีค่าไว้ในรถ ส่วนผู้ต้องหาทั้งสองคนอยากให้ไปหางานทำ ไม่ควรมาสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่นๆ สำหรับทรัพย์สินที่ถูกขโมยไป ตอนนี้มีเพียงแหวน 1 วง กับเงินสดจำนวน 30,000 บาท ที่ยังไม่ได้คืน ที่เหลือได้คืนหมดแล้ว โดยเฉพาะแหวนที่ได้จากวัดกังหัน ที่ฮ่องกง ซึ่งตนได้มาเพื่อจะขออนุญาตแม่เบนซ์ให้ตนกับเบนซ์ได้แต่งงานกัน
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ของผู้อื่นโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ ก่อนควบคุมตัวส่ง สน.ดินแดง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
วิ่งราวกระเป๋าแม่ 'กวาง' กมลชนก สูญ 3 แสน
นางพัชมน โกมลฐิติ อายุ 75 ปี มารดาของอดีตนางเอกชื่อดัง "กวาง" กมลชนก เขมะโยธิน เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.ท.ชนะชัย พันธ์วิไล พนักงานสอบสวน สน.โคกคราม ว่าถูกคนร้ายวิ่งราวกระเป๋าถือ เหตุเกิดที่ลานจอดรถห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านนวมินทร์ แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม
นางพัชมน ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 13.30 น. ตนออกมาซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าดังกล่าว ขณะกำลังจะกลับได้นำของที่ซื้อมาไปเก็บที่ท้ายรถเบนซ์ รุ่นซีดีไอ 220 สีดำ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ซึ่งจอดไว้ที่ลานจอดรถ ระหว่างนั้นได้วางกระเป๋าถือสีดำขนาด 1 ฟุต ไว้ที่กระโปรงหลัง และหันมาหยิบของในรถเข็น ซึ่งเป็นจังหวะที่คนร้ายเข้ามาฉวยกระเป๋าหนีไปอย่างรวดเร็ว
"จังหวะที่กำลังหันหลังหยิบของที่รถเข็นอยู่นั้น จู่ๆ มีชายคนหนึ่ง สวมหมวกกันน็อกสีขาว ขี่รถจักรยานยนต์ไม่ทราบรุ่นและทะเบียนมาจอดเทียบ แล้วเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าที่อยู่บนกระโปรงหลัง ก่อนขี่รถหลบหนีออกไปทางถนนนวมินทร์อย่างรวดเร็ว ซึ่งภายในกระเป๋ามีทรัพย์สินมีค่าประกอบด้วย ต่างหูเพชร 1 คู่ มูลค่า 2.5 แสนบาท สร้อยข้อมือทองคำ หนัก 2 บาท เงินสด 1 หมื่นบาท โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง บัตรเครดิต 2 ใบ เอกสารสำคัญทางราชการ และบัตรโรงพยาบาลต่างๆ รวมมูลค่ากว่า 3 แสนบาท"
นางพัชมน กล่าวว่า หลังเกิดเหตุรู้สึกเครียดและเสียใจมาก เนื่องจากภายในกระเป๋ามีทรัพย์สินมูลค่าสูง และมีเอกสารสำคัญต่างๆ หลายรายการ ซึ่งปกติตนเป็นคนที่ระมัดระวังตัวตลอดเวลา แถมยังคอยสอนลูกในเรื่องนี้เสมอ แต่กลับมาพบเจอเสียเอง เบื้องต้นพนักงานสอบสวนเตรียมประสานกับทางห้างสรรพสินค้า ขอตรวจดูภาพจากกล้องวงจรปิด เพื่อหาเบาะแสของคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป