'ปั๊ม' ดิศพงษ์ ยกใจให้ฮาเลย์ | คมชัดลึก

 

                           ผมลองนึกภาพตอนตัวเองแก่ๆ แล้วขี่ฮาร์เลย์ก็ยังดูเหมาะอยู่นะ  แล้วถ้ามองอีกมุมเด็กรุ่นใหม่ขับฮ์เลย์ตอนนี้ผมก็ยังว่าเท่อยู่ดี เหมือนเอารถสวยๆ ของคุณพ่อ หรือเอารถคุณปู่มาลองขับในสังคมใหม่ๆ 

 

                           เรื่องราวความรักในสิ่งของคลาสสิกร่วมสมัยยังมีให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ  แม้จะเป็นสิ่งของชิ้นเดียวกันแต่มุมมองที่ชวนหลงใหลก็ไม่เหมือนกันทุกคน ยิ่งพูดคุณแลกเปลี่ยนก็ยิ่งได้เห็นคุณค่าอีกหลายๆ ด้าน เฉกเช่นวันนี้เราพาไปพูดคุยกับคนรุ่นใหม่ที่รักรถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตรุ่นคุณปู่อย่าง "ฮาร์เลย์" แบบหัวปักหัวปำ  และฝันว่าต้องมีไว้ครอบครองให้ได้สักคันหนึ่ง จนวันนี้เมื่อมีงานที่มั่นคงหนุ่ม "ปั๊ม" ดิศพงษ์ ดิศกุล ณ อยุธยา  ก็รีบควักกระเป๋าซื้อรถในฝันเพื่อชื่นชมความเป็นอมตะของดีไซน์ตามสไตล์ที่เขาชื่นชอบ

 

                           เมื่อตกลงจะเปิดตัวลูกชายคันโปรดให้เราดู หนุ่มนักออกแบบตกแต่งภายในแห่ง สตูดิโอ ออฟ ดีไซน์ แอนด์ อาร์คิเทคเชอ จำกัด ก็นัดเรามาที่ร้าน โอล์ด สกุล คอฟฟี่ บริเวณซอยระนอง 1 ที่เกิดขึ้นมาจากความชอบของตัวเองและเพื่อนๆ สมัยมัธยม ร่วมกันสร้างสถานที่พูดคุยหวนรำลึกความหลัง ความฝันต่างๆ กัน โดยรอบยังมีออฟฟิศ แปลงปลูกผัก และกำลังก่อสร้างร้านอาหารใหม่ที่เจ้าตัวบอกว่าค่อยๆ ทำขึ้นมาไว้รวมงาน  กิจการ และกิจกรรมที่เขารักไว้ในที่เดียวกัน แนะนำเสร็จก็พาเราไปที่หลังร้านกาแฟ ค่อยๆ เปิดพาคลุมฮาร์เลย์สีขาวคันโปรด เตรียมวอร์มเครื่องยนต์ พร้อมขับโฉบให้เห็นถึงความพิเศษของรถคันนี้ ในมุมมองของตัวเขาเอง  

 

                           "ผมรู้สึกว่าฮาร์เล่ยเป็นรถที่ไม่ตกยุค ผ่านมาหลายสิบปีก็ยังผลิตหน้าตาเดิมๆ อยู่ ขณะที่เทคโนโลยีก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ผมเลยมองว่ารถรูปแบบนี้ซื้อมาก็คุ้มดี เขาอยู่ได้ทุกยุคทุกสมัย อย่างรถสปอร์ต 1-2 ปี ก็ต้องเปลี่ยนรุ่นใหม่กันแล้ว ที่มีอยู่เป็นรุ่นแฟตบอย เป็นรุ่นที่นิยมสำหรับวัยรุ่นแต่ก็ยังไม่ที่สุด เพราะว่าค่อนข้างหนัก มีราคาค่อนข้างสูง พวกรุ่นโฟร์ตี้-เอท จะเป็นที่นิยมมากกว่า แต่ผมเป็นคนตัวใหญ่เลยรู้สึกเหมาะกันรุ่นแฟตบอยมาก สมรรถนะก็ดีสามารถออกต่างจังหวัดได้คล่องตัวกว่า" หนุ่มปั๊มพูดถึงเสน่ห์ฮาร์เลย์ที่ตัวเองหลงใหล 

 

                           เจ้าแฟตบอยสีขาวคันโตอยู่ในสภาพถูกดูแลอย่างดี ขนาดคันรถพอดีกับโครงร่างสูงใหญ่ของลูกชายผู้การ "คุณกวาง" พ.อ.ม.ล.กุลชาต ดิศกุล  และคุณแม่กรองกาญจน์ ดิศกุล ณ อยุธยา ว่าแล้วหนุ่มปั้มเริ่มสตาร์ทวอร์มเครื่องยนต์ก่อนอมยิ้มบอกเราว่า ตัวเองไม่ใช่คนขับรถแนวโลดโผนผจญภัยจัดๆ แต่อย่างใด กลับสนใจที่ดีไซน์กลไกที่เป็นอมตะมากกว่าจึงหายห่วงเรื่องอันตรายไปได้เยอะ  

 

                           "คันนี้ผมซื้อมาได้ 5-6 เดือน ล่าสุดเพิ่งขับไปอุทัยธานี ไปแบบไม่เชิงเป็นแก๊งฮาร์เลย์ เป็นกลุ่มเพื่อนๆ ที่ขับมาคนละยี่ห้อ คนละสไตล์เลย แต่จุดหมายเดียวกัน บางคนก็ขับรถโฟล์กโบราณ บางคนก็ขับเวสป้า ขับกันสนุกๆ ไม่เร่งรีบ แวะพักไปเรื่อยเพราะอยากไปเที่ยวกันมากกว่าครับ  บางทีก็ขับลองเครื่องยนต์ไปแถวพระราม 2 บ้าง ตอนนี้อยากขับออกต่างจังหวัดไปอีกครับ กำลังคุยกับเพื่อนๆ อยู่ว่าจะไปไหนกันต่ออีก ก็คงไปไม่ไกลมากน่าจะประมาณโคราช  ผมก็โอเคแล้ว ที่จริงผมก็เพิ่งมารู้ตัวเองทีหลังว่าเราไม่ชอบขับรถนานๆ  เดินทางนานๆ แต่ก็ชอบขับรถมากนะ เพราะชอบสมรรถนะ ชอบรูปทรงมอเตอร์ไซค์มากกว่า  ถ้าให้ขับลุยจริงๆ ผมมีบ้านอยู่ที่เชียงใหม่ จะมีรถอยู่ที่นั่นอยู่แล้ว เราบินไปแล้วไปขับขึ้นเขาหรือเข้าเมืองเลยจะสบายกว่า"  เจ้าตัวเล่าถึงสไตล์การขับขี่  

 

                           รถพร้อม คนพร้อมก็เริ่มสวมเสื้อ ถุงมือ รองเท้า และหมวกกันน็อก พร้อมพาฮาร์เลย์คันโปรดไปขับวนในถนนละแวกบ้านประมาณ 30 นาที  เป็นการซ้อมเครื่องยนต์แล้วตัวคนขับให้ชินกันมากขึ้นสักหน่อย ตามที่นักบิดคนนี้บอกหลังจากขับกลับมาว่า ก่อนหน้านี้ห่างมือจากการขับมอเตอร์ไซค์มาตั้งแต่ตอนอายุประมาณ 19 ปี ที่รวมกลุ่มกับเพื่อนๆ พากันไปลงเรียนขับรถสองล้อคันใหญ่เป็นจริงเป็นจัง จนได้เทคนิคที่ถูกต้องมาใช้ในการขับจริงๆ ในอนาคต และตอนนี้นอกจากจะมีลุงฮาร์เลย์คันโตเป็นของตัวเองแล้ว หนุ่มปั๊มยังแวะพาเวสป้าคันจิ๋วจากบ้านมาแนะนำให้รู้จักกัน  ภูมิใจนำเสนอบอกว่าเป็นคันแรกในชีวิตจริงๆ ที่เพิ่งซื้อมาตอนเปิดร้านกาแฟให้เป็นสีส้มคู่กับร้าน และมีไว้ใช้ขับในเมืองในช่วงเวลารถติดช่วยให้เดินทางสะดวกขึ้นมาก 

 

                           "คันนี้ตั้งใจไว้ก่อนว่าจะมีไว้ใช้จากบ้านมาที่ร้าน หรือไปไหนมาไหนใกล้ๆ เพราะผมไม่ชอบขับรถนาน เดี๋ยวนี้บางทีที่เราจะไปก็ไม่ไกลมาก แต่รถติดเป็นชั่วโมง เลยแก้ปัญหาด้วยการขับมอเตอร์ไซค์ดีกว่า ซื้อสีเดียวกับตัวร้านติดชื่อเรียบร้อยจอดคู่กันแล้วดูกลมกลืน  ส่วนรถฮาร์เลย์เป็นความชอบมานาน คันนี้หาซื้อยากมากครับแล้วกว่าจะมั่นใจว่าจะซื้อรุ่นอะไรก็ต้องศึกษานาน แต่ละรุ่นก็มีหลายสีหลายแบบ มีดีเทลให้ต้องเลือกว่ารุ่นนี้ตรงนี้จะเป็นโครเมี่ยมสีขาว หรือ สีดำ บางทีมีองค์ประกอบที่เราอยากได้แต่หายากมาก คันนี้ได้มาก็เป็นมือ 2 ครับ เพราะถ้าซื้อในเมืองไทยข้อจำกัดเยอะ มีแบบให้เลือกน้อย ถ้าสั่งคันใหม่ในแบบที่เราต้องการก็รอประกอบนานเป็นปีเลยครับ โชคดีที่มีน้องไปหารุ่นนี้ให้ผมจนเจอพอเห็นก็ตกลงซื้อต่อมาเลย เพราะเราอยากขับตอนนี้ ถ้ารอเป็นปีๆ คงรอไม่ไหวแน่ครับ" นักบิดหัวใจคลาสสิกบอกเล่าที่มาของรถคันโปรด 

 

                           ส่วนเวลาที่จะได้อยู่กับรถคันโปรดนี้เจ้าตัวบอกว่า มีให้ได้เหลือเฟือ เพราะเมื่อเรียนจบ คณะสถาปัตยกรรม สาขาตกแต่งภายใน ม.กรุงเทพ ก็เตรียมงานทำที่เข้ากับไลฟสไตล์ตัวเองไว้เรียบร้อย โดยเปิดบริษัทออกแบบตกแต่งภายในเล็กๆ อยู่ใกล้กับร้านกาแฟของตัวเอง พร้อมทำงานให้สิ่งที่เขารักควบคู่กันไปได้เต็มที่ 

 

                           "ตอนเรียนอยู่ผมเริ่มอยากทำร้านกาแฟ เพราะวาดรูปออกแบบร้านอยู่ในกระดาษจนเบื่อแล้วครับ พอใกล้จะเรียนจบก็ทำร้านเลย ไว้ตอนทำทีสิสก็มาทำงานในนี้กันได้สบายๆ คือผมไม่ได้ชอบทำธุรกิจ แต่ ผมชอบทำที่ให้คนได้มาเจอกันมากกว่า ลูกค้าประจำหลายคนจากเป็นคนแปลกหน้า แต่ตอนนี้ก็สนิทกันมาก ไปไหนมาไหนด้วยกัน ที่ขับรถออกต่างจังหวัดเขาก็ไปกันด้วย ผมว่าแบบนี้ก็ดีที่เราได้เพื่อนใหม่ๆ  ตอนนี้เลยตั้งใจทำงานเป็นฟรีแลนซ์เลยครับ  ทำงานได้ทุกวันเวลาไหนก็ได้ มาที่ร้านนั่งคุยงานเดินกลับไปออฟฟิศก็ทำงาน วันเสาร์-อาทิตย์ วันหยุดต่างๆ ผมไม่ชอบออกไปไหนก็ทำงานไปเรื่อยๆ แต่ไม่ได้อยู่ในลักษณะคนทำงานหนักนะเหมือนกับว่างานเข้ากับไลฟสไตล์เราแบบนี้พอดี ผมเลยไม่ได้คิดว่าวันไหนคือวันหยุด เมื่อไหร่จะถึงวันหยุดนะ?  แต่กลายเป็นทุกวันของผมคือวันหยุดมากกว่า มีเวลาเหลือเยอะจะทำอย่างอื่นได้ ส่วนมากจะรอเย็นๆ แล้วเอามอเตอร์ไซค์ออกมาขับ ไม่ก็ล้างดูแลรถไป ช่วงนี้ต้องเลี่ยงขับตอนกลางวันหน่อย กลางวันคงไม่ขับไปไหนไกล เพราะอากาศร้อนมากจริงๆ ฮาร์เลย์คันนี้หนัก 300 กว่ากิโลกรัม ถ้าร่างกายเราไม่ไหวก็ล้มได้ง่ายๆ เลย เอาขึ้นมายากด้วย" นักออกแบบไฟแรงวัย 24 ปี บอกเล่าถึงชีวิตการงานที่ลงตัว 

 

                           ขณะหยุดถ่ายรูปกับรถคันโปรด หนุ่มอินทีเรียรักความคลาสสิกบอกว่า เมื่อก่อนชอบรถสปอร์ตคาร์มากเพราะเร็วแรง แต่โตขึ้นกลับมองว่าฮาเล่ย์ได้ใจที่ความคลาสสิกไปเต็มๆ ชี้ชวนให้ดูอะไหล่ เบาะ เครื่องยนต์ และองค์ประกอบสุดประณีตเป็นเอกลักษณ์ ที่แน่นอนว่าเจ้าตัวต้องเต็มใจดูแลไปอีกนาน   

 

                           "ผมลองนึกภาพตอนตัวเองแก่ๆ แล้วขี่ฮาร์เลย์ก็ยังดูเหมาะอยู่นะ  แล้วถ้ามองอีกมุมเด็กรุ่นใหม่ขับฮาร์เลย์ตอนนี้ผมก็ยังว่าเท่อยู่ดี เหมือนเอารถสวยๆ ของคุณพ่อ หรือเอารถคุณปู่มาลองขับในสังคมใหม่ๆ  ไม่ตกยุคน่ามองไปอีกแบบ แล้วในอนาคตผมกำลังมองหาฮาร์เลย์อีกรุ่นเป็นแบบทัวร์ริ่ง มีเบาะใหญ่นั่งสบายเหมือนโซฟามาลองขับอีกสักคันน่าจะขับสนุกมากขึ้น กำลังอยู่ในช่วงศึกษาให้มั่นใจรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อครับ" หนุ่มฮาร์เลย์ทิ้งท้ายถึงภาพรถสุดรักกับตัวเองในอนาคต 

 

 

 

 

------------------------

 

(ขอเวลานอก : 'ปั๊ม' ดิศพงษ์ ยกใจให้ฮาเลย์ รถรุ่นเก๋า...แต่เข้าทุกสมัย : เรื่อง...ณุวภา ฉัตรวรฤทธิ์ // ภาพ...กุลพันธ์ ศิริพิมพ์อัมพร)