
ปูมหลัง'คณะรัฐบุคคล'
ปูมหลัง'คณะรัฐบุคคล'
ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว กลุ่มทหารเก่าและนักวิชาการปีก "ไม่เอาระบอบทักษิณ" ขยับขับเคลื่อนขายแนวคิด "พึ่งพระบารมี" ซึ่งสื่อส่วนใหญ่ไม่สนใจ เพราะตัวละครกลุ่มนี้ไม่ได้มีบทบาทโดดเด่นอะไร จนกระทั่ง พล.อ.สายหยุด เกิดผล อดีต ผบ.ทสส. ในนาม "คณะรัฐบุคคล" ได้เข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว จึงมีคนปรายตามองคณะรัฐบุคคล
ผู้ก่อการคณะรัฐบุคคลได้เปิดตัวครั้งแรกเมื่อ 28 มกราคม 2557 ณ ร้านอาหาร ภายในราชกรีฑาสโมสร โปโลคลับ โดยมี ปราโมทย์ นาครทรรพ กับ พล.อ.สายหยุด เกิดผล เป็นแกนหลัก ซึ่งได้ชักชวนอดีตนายทหาร และปัญญาชนสยามระดับหัวแถวมาถกหาทางออกของประเทศ
40 ปีที่แล้ว นักวิชาการหนุ่ม ปราโมทย์ นาครทรรพ มีบทบาททางการเมืองมากมาย ทั้งหน้าม่านและหลังม่าน
หลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 "ปราโมทย์" ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกสมัชชาแห่งชาติ ได้รับเลือกเป็นสมาชิกนิติบัญญัติ และเป็น 1 ใน 18 อรหันต์ร่างรัฐธรรมนูญ
ในวัยสี่สิบต้นๆ สมัยรัฐบาลสัญญา ธรรมศักดิ์ "ปราโมทย์" เป็นมือประสานระหว่าง "ปัญญาชนหัวก้าวหน้า" กับกลุ่มขุนศึก ที่ค้ำบัลลังก์นายกรัฐมนตรีพระราชทาน ได้แก่ พล.อ.อ.ทวี จุลละทรัพย์, พล.อ.อ.กมล เตชะตุงคะ ผบ.ทอ., พล.อ.กฤษณ์ สีวะรา ผบ.ทบ. และ พล.ต.อ.ประจวบ สุนทรางกูร อธิบดีกรมตำรวจ
40 ปีที่แล้ว พล.อ.สายหยุด เกิดผล ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการประสานงานกองอำนวยการการป้องกันและปราบปรามคอมมิวนิสต์ (กอ.ปค.)
เมื่อปี 2504 พล.อ.สายหยุด ในตำแหน่งเจ้ากรมยุทธการทหารบก เป็นผู้ร่วมจัดตั้ง "กองอำนวยการป้องกันและปราบปรามคอมมิวนิสต์" แล้วก็เปลี่ยนเป็น "กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน" (กอ.รมน.)
ปี 2518 รัฐบาลสัญญา ธรรมศักดิ์ ได้แต่งตั้ง พล.อ.เล็ก แนวมาลี เป็นประธานคณะกรรมการปรับปรุง กอ.ปค. จนกลายมาเป็น กอ.รมน. โดยมี พล.อ.สายหยุด เป็นผู้อำนวยการ กอ.รมน.
พล.อ.สายหยุด มีชื่อเสียงโด่งดังอีกครั้ง เมื่อมีการจัดตั้ง "องค์กรกลางการเลือกตั้ง" ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 3/2535 เพื่อเป็นองค์กรที่เข้าร่วมตรวจสอบการเลือกตั้ง โดยได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ
จากนั้นได้มีการจดทะเบียนเป็น "มูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย" พร้อมจัดตั้ง "เครือข่ายประชาชนเพื่อการเลือกตั้ง" (People Network for Election in Thailand - P-NET) ขึ้นในเวลาต่อมา
พ.ศ.โน้น พล.อ.สายหยุด เข้ามารับตำแหน่งประธานเครือข่ายประชาชนเพื่อการเลือกตั้ง และเป็นคอหอยลูกกระเดือกกับ สมชัย ศรีสุทธิยากร เลขานุการมูลนิธิองค์กรกลางฯ
วันนี้ พล.อ.สายหยุด กับปราโมทย์ โคจรมาพบกันอีกครั้ง ในนามคณะรัฐบุคคล
พล.อ.สายหยุด พยายามอธิบายว่า คณะรัฐบุคคลได้ย้อนดูประวัติศาสตร์และอำนาจหน้าที่ของส่วนต่างๆ ตั้งแต่เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 และพฤษภา 2535
"ประเทศเราผ่านวิกฤติมาได้ด้วยพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังนั้นวิกฤติทางการเมืองในครั้งนี้ ก็เห็นว่า ด้วยพระบารมีจะทำให้ประเทศไทยผ่านไปได้.."
นอกจาก "ปราโมทย์" กับ "สายหยุด" คณะรัฐบุคคลยังประกอบไปด้วยอดีตนายทหารใหญ่หลายคน
พล.อ.วิมล วงศ์วานิช อดีต ผบ.ทบ. เคยเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในสมัยรัฐบาลอานันท์ ปันยารชุน (ครั้งที่ 1 ในปี 2534)
พล.อ.อ.กันต์ พิมานทิพย์ อดีต ผบ.ทอ. มีบทบาททางการเมือง โดยเป็นแกนนำของกลุ่มนายทหารนอกประจำการที่ภักดีต่อสถาบันฯ และยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (นกปภ.)
พล.ร.อ.วิเชษฐ การุณยวนิช อดีต ผบ.ทร. เคยเป็นหนึ่งในสมาชิกพรรคไทยรักไทยในระบบปาร์ตี้ลิสต์อันดับที่ 87 และถือเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่ม นกปภ.
พล.ร.อ.สุรวุฒิ มหารมณ์ อดีต เสธ.ทร. และ พล.อ.อ.เทอดศักดิ์ สัจจะรักษ์ อดีตรอง ผบ.ทอ.
ฝ่ายพลเรือน ได้แก่ อมร จันทรสมบูรณ์ เป็นนักกฎหมายชั้นครู เคยเป็นเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านรัฐธรรมนูญมากคนหนึ่งของประเทศไทย
ชัยอนันต์ สมุทวณิช นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ อดีตผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หลังจากเหตุการณ์วิกฤติการเมืองปี 2553 ศ.ชัยอนันต์ ได้เข้ามาเป็นหนึ่งในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ (ชุดของอานันท์ ปันยารชุน) ที่แต่งตั้งในรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
สุรพงษ์ ชัยนาม อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ มีศักดิ์เป็นหลานลุงของดิเรก ชัยนาม อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหลายสมัย