
เบื้องลึกรุนแรง'บันนังสตา'สะเทือนถึงผบ.ทบ.
เบื้องลึกรุนแรง'บันนังสตา' สะเทือนถึง ผบ.ทบ. : รายงาน
"หลังจากนี้สถานการณ์ที่บันนังสตาอาจจะแรงขึ้น เพราะความโกรธของ อส.ฮากิม ที่พ่อแม่ต้องตาย อาจมีเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านหนักขึ้น แต่ก็เป็นไปได้ที่เหตุการณ์ครั้งนี้จะทำให้ อส.และน้องชายได้รับรู้ถึงความเจ็บปวด และเข้าใจถึงความสูญเสีย หรืออาจจะเสียสติไปเลยก็ได้"
เป็นคำพูดของชาวบ้านบันนังสตา จ.ยะลา ที่คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ที่บ้านเกิดของพวกเขา หลังเกิดเหตุคนร้ายยิงถล่มรถกระบะของครอบครัว นายอับดุลฮากิม ดาราเซะ อาสารักษาดินแดน (อส.) อ.บันนังสตา จนพ่อแม่และหลานสาววัยเพียง 2 ขวบของเขาต้องสังเวยชีวิต เมื่อเย็นวันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน ที่ผ่านมา
เหตุการณ์นี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่ๆ เพราะถึงขนาดทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) สั่งให้ พล.ท.วลิต โรจนภักดี แม่ทัพภาคที่ 4 ลงพื้นที่เพื่อแก้ปัญหาข้อขัดแย้งภายในท้องถิ่น และออกมาตรการควบคุมอาวุธปืนทุกประเภท เพราะมีเหตุรุนแรงที่กระทำต่อประชาชนและเด็กเกิดขึ้นถี่ยิบ
โดยก่อนหน้ากรณีของครอบครัว อส.ฮากิม ก็มีเหตุคนร้ายยิง นายมุกตาร์ อาลีมามะ อายุ 31 ปี เสียชีวิตพร้อมกับ ด.ช.ลุกมาน อภิบาลแบ บุตรชายวัยเพียง 6 ขวบ บนภูเขาในท้องที่บ้านอูแบ ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 17 เมษายน ซึ่งข้อมูลของฝ่ายทางการระบุว่า นายมุกตาร์เป็นแกนนำผู้ก่อความไม่สงบคนสำคัญของอำเภอนี้ และยังอาจมีปมขัดแย้งเกี่ยวกับธุรกิจค้าไม้เงินล้าน
นี่คือความซับซ้อนของปัญหาที่สะท้อนผ่านเหตุรุนแรงที่ปรากฏ ณ บันนังสตา !
หลัง ผบ.ทบ.มีบัญชา พล.ท.วลิต ก็ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปที่หน่วยเฉพาะกิจยะลา 15 ที่ อ.บันนังสตา ทันทีในวันจันทร์ที่ 21 เมษายน เบื้องต้นหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่สรุปว่าเป็นความขัดแย้งระหว่างคน 2 กลุ่ม 2 ตระกูลที่ตอบโต้ล้างแค้นกันไปมา จึงเตรียมเชิญผู้นำศาสนาจากคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลาไปทำหน้าที่ "คนกลาง" เพื่อพูดคุยทำความเข้าใจ
แต่ประเด็นที่ต้องตั้งคำถามก็คือ ปัญหาความรุนแรงที่บันนังสตาเป็นแค่ความขัดแย้งระหว่างคน 2 กลุ่ม 2 ตระกูลแค่นั้นหรือ ?
เรื่องราวของ อส.ฮากิม
หากย้อนดูชื่อ "อส.ฮากิม" หรือ "ฮากีม" หรือชื่อเต็มๆ ว่า อส.อับดุลฮากิม ดาราเซะ จะพบว่าชื่อนี้ปรากฏอยู่ในใบปลิวที่คนร้ายทิ้งไว้หลังก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ต่างๆ ของ จ.ยะลา ในห้วงที่ผ่านมาไม่ต่ำกว่า 5 เหตุการณ์ เนื้อหาในใบปลิวคล้ายคลึงกันว่า เป็นการก่อเหตุรุนแรงเพื่อตอบโต้กรณีที่ภาครัฐปล่อยให้ อส.ฮากิม และน้องชาย ระรานชาวบ้านที่บันนังสตา (ใบปลิวบางแผ่นเจาะจงพื้นที่บันนังกูแว)
เหตุรุนแรงล่าสุดที่ตกเป็นข่าวครึกโครมและมีการทิ้งใบปลิวอ้างว่าเป็นการตอบโต้พฤติกรรมของ อส.ฮากิม ก็คือ เหตุสังหารหมู่ 3 ศพคณะผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน นำโดย นายเอียะ ศรีทอง อายุ 47 ปี ผู้ใหญ่บ้านบ้านกาสังใน ต.ตาเนาะปูเต๊ะ อ.บันนังสตา เมื่อบ่ายวันพุธที่ 2 เมษายน โดยหนึ่งในสามเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหญิง ถูกคนร้ายตัดคออย่างโหดเหี้ยม
น่าแปลกที่แต่ละครั้งแม้มีใบปลิวปรากฏ แต่หน่วยราชการทั้งในระดับอำเภอ จังหวัด และสามจังหวัดกลับไม่ได้ขยับเขยื้อนเพื่อตรวจสอบที่มาที่ไป มีเพียงศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ที่ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุรุนแรงทั้งหมดในช่วงที่ผ่านมาของ อ.บันนังสตา แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ที่เป็นรูปธรรม
เรื่องราวพฤติกรรมของ อส.ฮากิม ถูกโจษขานในพื้นที่บันนังสตามานาน แม้ไม่แน่ชัดว่าเป็นเรื่องจริงทั้งหมดหรือถูกปั้นแต่งขึ้น เพราะ อส.ฮากิม มีสถานะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีชาวบ้านจำนวนไม่น้อยไม่ชอบ อส.รายนี้ รวมทั้งน้องชายของเขา คือ นายอับดุลอากัม หรือ อับดุลฮาซัน ดาราเซะ ซึ่งเป็น อส.เช่นกัน ถึงขนาดที่ว่าเมื่อรถของ อส.ฮากิม ถูกลอบวางระเบิดในพื้นที่บันนังกูแว เมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ชาวบ้านถึงขนาดพูดกันว่า "เป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่าพวกเขา (ขบวนการแยกดินแดน) ยื่นมือมาช่วยชาวบ้านแล้ว"
ข้อมูลอีกด้านจากตำรวจ
อย่างไรก็ดี ยังมีข้อมูลบางด้านเกี่ยวกับ อส.ฮากิม และน้องชาย ที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่ชาวบ้านพูดกัน นั่นก็คือข้อมูลจากทางฝั่งตำรวจ
พล.ต.ต.ทรงเกียรติ วาทะกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา (ผบก.ภ.จว.ยะลา) กล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ 21 เมษายน ว่า เหตุการณ์สังหารบิดาและมารดา รวมทั้งหลานสาววัย 2 ขวบของ อส.อับดุลฮากิม นั้น น่าจะเกิดจากความไม่พอใจของฝ่ายขบวนการแบ่งแยกดินแดน เพราะนายอับดุลฮากิม ได้ถอนตัวออกจากขบวนการ และไปทำงานกับเจ้าหน้าที่รัฐในการติดตามไล่ล่ากลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ และอาจจะเกี่ยวข้องกับกรณีที่มีการระบุว่า นายอับดุลฮากิม และน้องชายซึ่งเป็น อส. เป็นผู้ก่อเหตุยิงชาวบ้านในพื้นที่บันนังกูแว
เรื่องราวจากแฟ้มข้อมูลของฝ่ายเจ้าหน้าที่ยังขยายรายละเอียดเพิ่มเติมว่า นายอับดุลฮากิม ปัจจุบันอายุราว 25 ปี เคยเข้าร่วมขบวนการก่อความไม่สงบที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ อ.บันนังสตา แต่อยู่ในขบวนการได้เพียงระยะหนึ่ง พ่อกับแม่ทราบเรื่องและไม่เห็นด้วย ฝ่ายขบวนการจึงบังคับให้ นายอับดุลฮากิม ทำบางเรื่องโดยไม่เต็มใจ นายอับดุลฮากิมไม่ยอมทำ และตัดสินใจออกจากขบวนการ
ต่อมา นายอับดุลฮากิม ได้เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่รัฐ และอาสาปฏิบัติงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ จึงได้รับการบรรจุเป็น อส.บันนังสตา เพื่อติดตามไล่ล่ากลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ จนทำให้กลุ่มขบวนการไม่พอใจอย่างมาก จึงก่อเหตุลอบวางระเบิดรถยนต์ที่ อส.ฮากิม นั่งมากับน้องชาย (นายอับดุลฮาซัน หรือ อับดุลอากัม) และเพื่อนจนรถพังยับเยิน แต่ทั้ง 3 คนได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย เหตุเกิดบนถนนในหมู่บ้านบันนังกูแว หมู่ 4 ต.บันนังสตา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2557
หลังจากนั้นอีก 7 วัน คือ วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ ได้เกิดเหตุคนร้ายบุกยิง นายดอเลาะ ผดุง อายุ 66 ปี และ นางมารีแย ผดุง อายุ 60 ปี สองสามีภรรยาจนเสียชีวิตในบ้านเลขที่ 67/1 หมู่ 4 บ้านบันนังกูแว จากนั้นคนร้ายยังได้จุดไฟเผาบ้านและทรัพย์สินจนได้รับความเสียหาย
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ครอบครัวของ นายดอเลาะ คิดว่าเป็นการกระทำของ อส.ฮากิม และน้องชาย เพื่อล้างแค้นที่ตนเองถูกลอบวางระเบิดรถยนต์จนเกือบสิ้นชื่อ เนื่องจากเชื่อว่าคนในครอบครัวของนายดอเลาะอยู่ในขบวนการก่อความไม่สงบและวางแผนปองร้ายตน
หลังจากนั้นฝ่ายขบวนการก็เปิดปฏิบัติการก่อเหตุรุนแรงถี่ยิบ และทิ้งใบปลิวประณามว่าเป็นการตอบโต้พฤติกรรมของ อส.ฮากิม กับน้องชายที่กระทำการระรานชาวบ้าน เช่น เหตุขว้างระเบิดเข้าไปในร้านขายกวยจั๊บ อ.เมืองยะลา เมื่อวันจันทร์ที่ 3 มีนาคม แต่โชคดีที่ระเบิดไม่ทำงาน หรือเหตุสังหาร ด.ต.เอกพงษ์ ศักดายุทธ อดีตตำรวจสันติบาลวัย 65 ปี เสียชีวิตคาปั๊มน้ำมันใน อ.ยะหา จ.ยะลา เมื่อวันจันทร์ที่ 17 มีนาคม
กระทั่งปิดเกมด้วยการสังหารบิดามารดาของ อส.ฮากิม เมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน รวมทั้งหลานสาววัยเพียง 2 ขวบ !
ทางสามแพร่งบันนังสตา
ข้อมูลจากทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ แม้จะมีเค้าโครงใหญ่ๆ ตรงกับเรื่องราวที่ชาวบ้านรับรู้ แต่ในรายละเอียดแล้วแตกต่างกันแทบจะสิ้นเชิง...
ชาวบ้านบันนังกูแวหลายครอบครัวรู้จัก อส.ฮากิม ดี เพราะเขามีพื้นเพอยู่ที่บ้านกูแบยีงอ ซึ่งเป็นบ้านย่อยของบ้านบันนังกูแว บิดาเคยเป็นครูสอนโรงเรียนปอเนาะ
"ชาวบ้านทุกคนที่นี่รู้ดีว่า อส.ฮากิม กับน้องชายทำอะไรไว้บ้าง แต่ชาวบ้านก็ไม่อยากมีปัญหา ก็ได้แต่อดทนไปวันๆ โชคดีที่มีกลุ่มขบวนการเข้ามาช่วยเหลือ ทำให้ชาวบ้านพอจะมีที่พึ่งบ้าง ไม่ได้แค่นั่งรอเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้นกับตัวเอง" เป็นคำบอกเล่าจากคนพื้นที่ซึ่งฟังแล้วน่าใจหายสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐ
ชาวบ้านหลายรายบอกตรงกันว่า บันนังสตาเหมือนดินแดนถูกสาป เพราะต้องตกอยู่ภายใต้อิทธิพลมืดของคนถืออาวุธ 2 กลุ่มใหญ่มาตลอด โดยฝ่ายหนึ่งคือขบวนการแบ่งแยกดินแดน กับอีกฝ่ายคือเจ้าหน้าที่รัฐและเครือข่ายกองกำลังติดอาวุธในนามเจ้าหน้าที่รัฐ
"ช่วงหลายปีก่อนหน้านี้ ชาวบ้านก็เดือดร้อนกับพฤติกรรมของผู้ใหญ่ ล. ซึ่งอ้างตัวเป็นเครือข่ายของนายตำรวจคนดัง ต่อมาเมื่อนายตำรวจรายนั้นถูกระเบิดจนเสียชีวิต กลุ่มผู้ใหญ่ ล. ก็ลดระดับการเคลื่อนไหวลง แต่ก็มีกลุ่ม อส.ขึ้นมาสร้างปัญหาใหม่ และปัญหามีมาก่อนที่จะเกิดเหตุสังหารครอบครัวนายดอเลาะแล้วเผาบ้านซ้ำ ที่ผ่านมาชาวบ้านก็อดทนมาตลอด แต่เหตุการณ์ฆ่านายดอเลาะและภรรยา ชาวบ้านรับไม่ได้จริงๆ เนื่องจากเป็นการกระทำกับคนแก่ และเป็นอิสลามด้วยกัน"
ดูเหมือน อส.ฮากิม ก็ทราบดีว่าตัวเองและครอบครัวกำลังตกเป็นเป้าสังหาร จึงย้ายครอบครัวไปพักอยู่ที่ตัวเมืองยะลา แต่ก็ยังตัดไม่ขาดจากบ้านเกิดเสียทีเดียว กระทั่งถูกดักยิงจนเสียชีวิตทั้งพ่อและแม่ในที่สุด
เรื่องราวร้ายๆ ที่บันนังสตาจึงไม่ใช่แค่ความขัดแย้งระหว่าง 2 กลุ่ม 2 ตระกูลดังที่ฝ่ายความมั่นคงประเมิน แต่ยังมีมิติที่ซับซ้อนกว่านั้น และสถานการณ์นับจากนี้ยังเป็นเสมือนทางสามแพร่ง คือ อาจเป็นการนับหนึ่งความรุนแรงรอบใหม่จากไฟแค้นที่สุมกันทั้งสองฝ่าย หรือ อส.ฮากิม อาจลดบทบาทตัวเองลงไป หรืออาจเกิดอะไรที่คาดเดาไม่ได้
แต่ที่แน่ๆ คืออำเภอเกือบปลายสุดแดนใต้ของ จ.ยะลา แห่งนี้ ยังคงเป็นแดนสนธยาที่เต็มไปด้วยอิทธิพลมืดและมีอำนาจอื่นซ้อนอำนาจรัฐ !
----------------------
(หมายเหตุ : เบื้องลึกรุนแรง'บันนังสตา' สะเทือนถึง ผบ.ทบ. : รายงาน)