นอกบ้านผ่านเมือง : ยุคมืดของยากูซา (1) | คมชัดลึก

 

                          คนรุ่นใหม่จำนวนไม่ใช่น้อย อาจจะแยกไม่ออกถึงความต่างระหว่างแก๊งอั้งยี่ ยากูซา และมาเฟีย เหมารวมง่ายๆ ว่าหมายถึงอภิมหาเจ้าพ่อหรือแก๊งอันธพาลครองเมืองที่หากินกับธุรกิจมืด ธุรกิจผิดกฎหมาย บ่อนการพนัน การกรรโชกทรัพย์ เรียกค่าคุ้มครอง ฟอกเงิน ค้าประเวณีและยาเสพติด หรืออาจจะรู้ว่าต่างกันตรงที่อั้งยี่เกิดขึ้นที่จีน ยากูซาอยู่ที่ญี่ปุ่นและมาเฟียอยู่ที่อิตาลี เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป คำว่าอั้งยี่และยากูซาก็ค่อยๆ เลือนหาย เหลือแต่เพียงคำว่า "มาเฟีย" แทนคำว่าแก๊งอันธพาลครองเมืองจากตะวันตกและตะวันออก อาทิ มาเฟียจากแดนมังกร มาเฟียจากแดนปลาดิบ เป็นต้น 

 

                          ยิ่งมาเฟียเติบใหญ่มากขึ้นเท่าใด โดยเฉพาะมาเฟียกลุ่มเอนรันเกตา แห่งเมืองเมืองคาลาเบรีย ทางตอนใต้ของอิตาลีซึ่งแผ่ขยายอาณาจักรผิดกฎหมายไปยัง 30 ประเทศทั่วโลก สามารถทำรายได้เมื่อปีที่แล้วจากการค้ายาเสพติด การขู่กรรโชก การปล่อยเงินกู้นอกระบบ ฯลฯ มากกว่ารายได้ของบรรษัทข้ามชาติอย่างแม็คโดนัลด์และธนาคารดอยช์ แบงก์ รวมกันเสียอีก ก็ยิ่งตอกย้ำถึงความตกต่ำของอั้งยี่และยากูซามากขึ้นเท่านั้น อันเนื่องจากวิถีการเมือง สังคมและเศรษฐกิจในทวีปผิวเหลืองเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด  

 

                          โดยเฉพาะในแดนดินถิ่นลูกหลานซามูไร ซึ่งคนรุ่นใหม่นับวันมีแต่เสื่อมศรัทธาในแก๊งยากูซา โดยมองว่าเป็นองค์กรที่สุดแสนล้าสมัยแล้ว แม้จะไม่ใช้กลุ่มแก๊งนอกกฎหมายก็ตาม แต่การที่มีภาพลักษณ์ของอันธพาลกวนเมือง นิยมใช้แต่ความรุนแรง สร้างแต่ปัญหาและความขัดแย้ง จมปลักอยู่กับธุรกิจเถื่อน การจ่ายส่วยและผลประโยชน์ตางๆ ให้ตำรวจแลกกับการเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ทำให้คนรุ่นใหม่ไม่สนใจที่จะสมัครเป็นสมาชิก แก๊งยากูซาเหมือนในอดีต ไม่มองว่าการมีรอยสักเต็มตัวตามแบบฉบับของสมาชิกยากูซาเป็นเรื่องเท่อีกต่อไป มิหนำซ้ำ สมาชิกยากูซาบางส่วนก็ถอนตัวออกไปเพื่อประกอบสัมมาชีพเหมือนคนทั่วไป

 

                          จากข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติญี่ปุ่นเผยแพร่เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาบ่งบอกว่าเมื่อปีที่แล้ว สมาชิกแก๊งยากูซาทุกแก๊งรวมกันมีแค่ 58,600 คนเท่านั้น ลดลงจากปีก่อนหน้าที่มีอยู่ราว 63,200 คน นับเป็นครั้งแรกที่สมาชิกยากูซามีต่ำกว่า 60,000 คน ถือว่าต่ำสุดเท่าที่เคยมีมา โดยเฉพาะกลุ่ม ยามากูจิ-กูมิ แก๊งยากูซาใหญ่สุดของแดนปลาดิบสูญเสียสมาชิกมากถึง 2,000 คนเมื่อปี 2555 ทำให้เมื่อปีที่แล้วเหลือสมาชิกแค่ 25,7000 คนเท่านั้น  ส่วนกลุ่มสุมิโยชิ-ไก คู่แข่งใหญ่ มีสมาชิกหายไปประมาณ 1,100 คน ขณะนี้เหลือสมาชิก 9,500 คน

 

 

 

 

-----------------------

 

(นอกบ้านผ่านเมือง : ยุคมืดของยากูซา (1) : โดย...บุญรัตน์ อภิชาติไตรสรณ์)