ข่าว

รวบทีมฆ่ายกครัวตระกูล'หอมชง'

รวบทีมฆ่ายกครัวตระกูล'หอมชง'

06 เม.ย. 2557

"พล.ต.ท.คำรณวิทย์" ผบช.น. แถลงจับคนร้าย ฆ่ายกครัว 3 ศพ น้องชายคนเล็กรับสารภาพจ้างฆ่า พร้อมพวกอีก 4

 
 
          วัวันที่ 6 เม.ย.547 เมื่อเวลา 10.30 น.  พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พร้อมด้วยพล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รองผบช.น. พล.ต.ต.ประยนต์ ลาเสือ ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.ชยุต รัตนอุบล ผบก.น.9 พ.ต.อ.พงษ์อานันต์ คล้ายคลึง รองผบก.น.9พ.ต.อ.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผกก.ดส. ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมตัวนายกิตตินันท์ หรือเต้ย หอมชง อายุ 22 ปี นายศักรินทร์ หรือกอล์ฟ พันธกุล อายุ 22 ปี นายฉลาด หรืออาจารย์ป๊อด เที่ยงธรรม อายุ 53 ปี และนายสุระพงษ์ หรือจ่าแอ๊ด ชูพันธ์ อ่ายุ 47 ปี ผู้ต้องหาคดีฆ่าโหดยกครัว 3 ศพ พันเอกนายทหารนอกราชการพร้อมภรรยาและลูกชายที่เป็นนายตำรวจหนุ่ม ซึ่งหนึ่งในผู้ต้องหาคือนายกิตตินันท์เป็นลูกชายแท้ๆของตระกูลหอมชง โดยนายเด่นชัย บุญกระพือ อายุ 50 ปี น้องชายของภรรยา พ.อ.วิชัยหอมชง ผู้ตาย ได้เดินทางมาร่วมฟังการแถลงข่าวด้วย
          
          พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เปิดเผยว่า หลังจากที่มีการประชุมเร่งรัดคดีเพื่อคลี่คลายให้ได้โดยเร็ว โดยทุกสิ่งทุกอย่างต้องชัดเจนตามพยานหลักฐาน ไม่ใช่ผู้ต้องหารับสารภาพแล้วจะปิดคดี ซึ่งคดีนี้สรุปได้ว่านายเต้ย ลูกชายคนเล็กรับสารภาพว่าร่วมกับเพื่อนชื่อนายกอล์ฟ ฆ่าพ่อแม่และพี่ชายของตัวเอง สาเหตุมาจากเรื่องมรดก ต่อมาพนักงานสอบสวนสน.หลักสอง ได้ขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้ทั้งหมด 5 คน ซึ่งเมื่อกลางดึกวันที่ 5 เม.ย. ชุดสืบสวนได้ติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาเพิ่มอีก 2 ราย คืออาจารย์ป๊อด ทำหน้าที่ขับรถพามือปืนไปก่อเหตุ โดยจับกุมได้ที่ซอยรัชดาภิเษก 16 และจ่าแอ๊ดมือปืนที่ลงมือสังหาร โดยตามไปจับกุมได้ที่ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี แต่ยังมีมือปืนอีก 1 คนที่เข้าไปก่อเหตุและยังอยู่ระหว่างการหลบหนี คือนายสิริชัย หรือป้อม เพิ่มพูนศักดิ์ อายุ 39ปี ซึ่งขณะนี้ได้จัดกำลังติดตามตัวแล้ว
          
          พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวอีกว่า สำหรับนายป้อมเคยต้องโทษในคดีฆ่าผู้อื่น เพิ่งพ้นโทษออกมา และมาก่อเหตุสังหารในคดีนี้อย่างอุกอาจและโหดเหี้ยม ทั้งนี้ตนได้ตั้งรางวัลนำจับ 5 แสนบาท ให้กับคนที่แจ้งเบาะแสจนนำไปสู่การจับกุมตัวนายป้อมได้ และขอเตือนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะเข้าจับกุมตัวนายป้อมให้ใช้ความระมัดระวัง เพราะเป็นคนที่มีประวัติในการยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาแล้ว
          
          นายฉลาด หรือป๊อด ให้การรับสารภาพว่า ตนทำหน้าที่ขับรถแท็กซี่ ซึ่งเช่ามาจากคุณไก่ พามือปืนไปลงมือสังหารผู้ตาย โดยวันเกิดเหตุเวลาประมาณ 22.00 น.ขับรถมาจากย่านห้วยขวางไปที่ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์บางแค โดยรออยู่ที่สวนหย่อมใต้สะพานจนถึงเวลา 02.00 น. ก่อนจะขับรถพามือปืนไปที่บ้านของผู้ตาย เมื่อไปถึงได้จอดรถไว้ที่เชิงสะพาน ห่างจากบ้านประมาณ 30 เมตร จากนั้นจ่าแอ๊ดกับอาจารย์ป้อมเป็นคนลงไปยิงผู้ตาย ได้ยินเสียงปืน 3 นัด ผ่านไป10 นาที มือปืนทั้งสองคนก็กลับมาที่รถพร้อมกับบอกว่า “เรียบร้อยแล้ว” ปกติตนเปิดแผงพระอยู่ที่จ.สุพรรณบุรี ต่อมาได้รับการว่าจ้างจากนายเต้ย ลูกชายแท้ๆของผู้ตาย และนายกอล์ฟ โดยบอกว่าพ่อถูกโกงบ้านให้ไปช่วยจัดการหน่อย ถ้ารู้ว่าเป็นพ่อแม่ลูกกันก็คงไม่ทำ
          
          ด้านนายสุระพงษ์ หรือจ่าแอ๊ด ให้การรับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างจากนายเต้ย ลูกชายแท้ๆของผู้ตาย และนายกอล์ฟ ระหว่างที่ได้รับการติดต่อตนบอกกลับไปว่าไม่มีปืน ต้องติดต่ออาจารย์ป้อม เพราะเขามีปืน จึงใช้ปืนของป้อมในการก่อเหตุ วันเกิดเหตุเข้าไปกับป้อมสองคน โดยนายกอล์ฟได้ปั๊มกุญแจบ้านเอาไว้ให้ แต่พอไปถึงกลับไขกุญแจไม่ได้ จึงโทรศัพท์ไปถามนายเต้ย เมื่อเข้าไปได้แล้วนายป้อมเข้าไปยิงลูกชายซึ่งดูบอลอยู่ที่ชั้นล่างก่อน จากนั้นก็ยิงป้าที่ชั้นล่าง และขึ้นไปยิงพ.อ.ข้างบน ยิงไป 2 นัด เนื่องจากนัดแรกกระสุนด้าน ระหว่างนั้นลูกชายของผู้ตายลุกขึ้นมา จึงต้องยิงซ้ำไปอีก 1 นัด หลังลงมือเรียบร้อยแล้ว ตนได้หลบหนีไปหาลูกที่จ.สุพรรณ ส่วนค่าจ้างนายป้อมเพิ่งจะโอนให้เมื่อวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา จำนวน 1 หมื่นบาท
         
          เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาร่วมกันใช้จ้างวานฆ่าบุพการีกับนายกิตตินันท์ และแจ้งข้อหาร่วมกันจ้างวานใช้ฆ่าผู้อื่นกับนายศักรินทร์ ส่วนผู้ต้องหาอีก 3 ราย แจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ,ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ทั้งนี้พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ไม่ได้นำตัวนายกิตตินันท์ และนายศักรินทร์ มาแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชน เนื่องจากมองว่าเป็นความรุนแรงในครอบครัว ภาพที่นำเสนอออกไปจะไม่เหมาะสม และผู้ต้องหาอาจจะเกิดความเครียด จึงนำตัวอาจารย์ป๊อดและจ่าแอ๊ดมาแถลงข่าวเท่านั้น ซึ่งหลังจากที่ทำการแถลงข่าวเสร็จพนักงานสอบสวนได้รีบนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญาธนบุรีทันที
 
          จากการสอบถามนายเด่นชัย ญาติของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ที่ตนสงสัย คือ ถ้านายกิตตินันท์ หลานชาย และนายศักรินทร์ ให้การรับสารภาพ ทำไมถึงไม่นำตัวออกมาแถลงข่าวด้วย และทำแผนตามคำให้การทั้งหมด ตนแคลงใจและติดใจในประเด็นนี้ ส่วนจะเชื่อว่าหลานชายร่วมก่อเหตุฆ่าพ่อแม่และพี่ชายหรือไม่นั้น ตนยังไม่ได้คุยกับหลานถ้าหลานบอกว่า ทำก็เชื่อ แต่ถ้าหลานปฏิเสธก็ต้องว่ากันตามกระบวนการยุติธรรม รวมทั้งขณะนี้ก็ยังจับตัวคนยิงยังไม่ได้ ปืนใช้ก่อเหตุยังไม่มี โดยมีแต่คำซัดทอดกันอย่างเดียว หลักฐานการจ่ายเงินโอนเงินก็ยังไม่มีดูแล้วมันยังเชื่อมโยงกันไม่ถึง แต่หลานชายรับสารภาพกับตนก็พร้อมจะยอมรับ ตำรวจน่าจะเอาทั้ง 2 คนที่เหลือออกมาแถลงข่าวด้วย ตนก็เคารพการตัดสินใจของตำรวจและศาล เพราะตำรวจมีหลักฐานเสนอขออนุมัติศาลออกหมายจับแต่ก็ยังถือว่าเป็นผู้ถูกกล่าวหา แต่หลานชายจะมีส่วนเกี่ยวข้องมากแค่ไหนเท่านั้น
          
          เมื่อถามว่า เชื่อหรือไม่ว่าหลานชายจะเป็นผู้ที่ก่อเหตุ นายเด่นชัย กล่าวว่า ตอบไม่ได้ เขาเป็นคนที่มีความคิดเป็นของตัวเอง ชอบสันโดษ ที่ออกไปอยู่กับเพื่อนก็เพราะมีปัญหากับพ่อเขา ก่อนเกิดเหตุเขาก็ไปกับพี่ชาย คนที่จะฆ่าพ่อแม่และพี่ชายตัวเองจะคิดวางแผนทำได้ขนาดนั้นหรือ ปมประเด็นขัดแย้งไม่รุนแรงถึงขนาดต้องฆ่ากัน คนในครอบครัวไม่เคยมีความขัดแย้งกันมาก่อน มรดกระหว่างญาติพี่น้องก็แบ่งกันไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งหากผู้ตายเสียชีวิตทั้งหมด คนที่จะได้รับมรดกก็คือหลานชายคนเดียว ตำรวจจึงตั้งข้อสันนิษฐานไปที่หลานชาย อย่างไรก็ตามต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ช่วยสืบสวนหาเบาะแสจับกุมคนร้าย และทุ่มเททำคดีอย่างเต็มที่ แต่ตนขอให้มีหลักฐานยืนยันชัดเจนจริงๆ ตอนนี้ยังไม่กระจ่างเท่าที่ควร หากหลานชายยอมรับและเป็นไปตามแนวทางการสืบสวน ตนและญาติๆก็พร้อมจะยอมรับ