ข่าว

มะกันแนะ"ต้องถอนทหาร"ดับไฟใต้

มะกันแนะ"ต้องถอนทหาร"ดับไฟใต้

24 มิ.ย. 2552

อาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ยกหนังสือมะกันเปรียบ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ชี้ “ควรถอนทหาร” เลิกวิธีคิดดับไฟ ด้วยความรุนแรง "แม่ทัพภาค 4ควง พญ.คุณหญิงพรทิพย์พบญาติผู้เสียชีวิตที่ถูกยิงกราดในมัสยิด ทหารร่วมชาวบ้าน300ละหมาดฮายัดหลังคนร้ายยิงอาคารโรงงานฮาลาลปัต

 (24 มิ.ย.) ที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้มีการจัดงานเปิดตัวหนังสือ “รัฐศาสตร์ไม่ฆ่า” เขียนโดย ศ.เกล็น ดี.เพจ นักวิชาการชาวสหรัฐอเมริกา โดยนายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ นักวิชาการอิสระ เป็นผู้แปล นายชัยวัฒน์ สถาอานันท์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มธ. กล่าวว่า หนังสือเล่มนี้ได้รวบรวมข้อมูลไว้ว่ามี 20 ประเทศทั่วโลกที่ไม่มีกองกำลังทหาร หรือกองทัพ ซึ่งอาจารย์สอนวิชารัฐศาสตร์ในประเทศไทยบางคนและคนไทยทั่วไปอาจไม่รู้

 อย่างไรก็ตามการปราศจากกองกำลังทหารมีอยู่ 2 รูปแบบ คือ ไม่มีกองทัพเลย หรือการมีสนธิสัญญาป้องกันไว้ ทั้งนี้ที่ผ่านมาเราไม่เคยตั้งคำถามว่าประเทศไทยจะไม่มีกองทัพได้หรือไม่ ประเทศอื่นเขาทำมาแล้ว ถ้าเราเอาสถาบันโครงสร้างบางอย่างออกไปจากสังคม ทรัพยากรที่มีในระบบที่เคยถูกนำไปใช้ในกองทัพ เช่น งบประมาณ ซึ่งแต่ละปีเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ก็จะสามารถถูกนำไปใช้ในเรื่องอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ได้ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องสุขภาพอนามัย หรือการแก้ปัญหาความยากจนของประชาชน

 นายชัยวัฒน์ กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ขอตั้งคำถามว่าจะนำไปสู่การถอนกำลังทหารของจากพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้หรือไม่ แต่ตนไม่ได้หมายถึงให้ถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ทั้งหมดในเวลานี้ ซึ่งสถานการณ์ยังมีความรุนแรงเป็นอย่างมาก แต่โจทย์ใหญ่คือในอนาคตจะคิดวิธีการอื่นในการจัดการปัญหานี้ได้หรือไม่ เพราะที่ผ่านมาการมีกำลังทหารและการใช้ความรุนแรงในพื้นที่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาให้จบลงได้ ทั้งนี้สำหรับความรุนแรงที่เกิดขึ้นอีกในระลอกนี้ ตนคิดว่าเป็นเพราะในพื้นที่มีการซ่องสุมอาวุธไว้มาก โดยมีอาวุธปืนเป็นแสนกระบอกในมือของผู้คนมากมาย ไม่เฉพาะเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ซึ่งแต่ละฝ่ายล้วนขาดวินัยในการใช้กำลังและอาวุธ

 ด้านนายศิโรตม์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีการใช้งบประมาณ และกำลังทหารทุ่มลงไปมาก แต่ไม่ก็ไม่เกิดผลใดๆ ตนคิดว่าใช้ความรุนแรงตลอดไปก็ไม่ได้ผล ที่ผ่านมาเราจะเห็นว่าเกิดความสงบขึ้นในพื้นที่ ในช่วงที่เราใช้มาตรการทางการเมืองนำการทหาร ดังนั้นเห็นว่ารัฐควรจะทบทวนเรื่องนี้หรือไม่

"แม่ทัพภาค 4ควง พญ.คุณหญิงพรทิพย์พบญาติผู้เสียชีวิตที่ถูกยิงกราดในมัสยิด 

ที่มัสยิดอัลฟุรกอน จ.นราธิวาส เมื่อเวลา 15.00 น. พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมด้วย แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และพล.ต.ธีระชัย นาควานิช ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ลงพื้นที่มัสยิดอัลฟุรกอน เพื่อพบปะญาติผู้เสียชีวิต จากเหตุการณ์คนร้ายใช้อาวุธสงครามกราดยิงระหว่างทำพิธีละหมาด จนเสียชียวิตกว่า 10 คน

 แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ กล่าวว่า การเดินทางมาวันนี้ตนเดินทางมาพร้อมกับแม่ทัพภาคที่ 4 เพื่อพบกับประชาชน และแสดงความจริงใจในการทำงาน โดยเฉพาะการคลี่คลายคดีดังกล่าว ซึ่งอยากจะขอความร่วมมือญาติผู้เสียชีวิตในการแจ้งเบาะแส ในหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันเกิดเหตุอย่างละเอียด เพราะเพียงแค่ปลอกกระสุนปืนที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุเป็นเรื่องที่ยากที่จะตรวจสอบ แต่มีหนทางหนึ่ง คือ การตรวจสอบหากระสุนปืนที่ฝังตัวอยู่ในตัวผู้ตาย " การตรวจสอบกระสุนสามารถตรวจสอบไปยังตัวคนร้ายได้ " ที่ผ่านมาตนเคยเดินทางไปประเทศอินโดนีเซีย เพื่อนำศพกบฎอาเจะ ที่ถูกเจ้าหน้าที่รัฐยิงเสียชีวิต เพื่อขึ้นมาตรวจพิสูจน์กระสุนดังกล่าวที่ฝังอยู่ในตัวผู้ตาย ซึ่งสามารถทำความจริงให้ปรากฏ ดังนั้นกระสุนที่อยู่ในตัวผู้ตายที่มัสยิดอัลฟุรกอน จะเป็นอีกหนทางหนึ่งในการหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดี ดังนั้นตนขอแสดงความจริงใจในการแก้ไขปัญหา ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พยามยามดำเนินการในเรื่องนี้อยู่แล้ว

 แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ กล่าวอีกว่า ยอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่จะหาตัวคนร้าย แต่ยืนยันว่าจะทำให้ดีที่สุด ดังนั้นญาติผู้ตายจะต้องให้ความร่วมมือและไว้ใจ และแจ้งเบาะแสให้กับทางตน ถ้าไม่บอกก็จะช่วยไม่ได้จริงๆ พร้อมกันนี้แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ ได้นำนามบัตรของตนให้กับญาติผ้เสียชีวิตทั้ง 10 คนเพื่อขอความร่วมมือในการแจ้งแบะแสมาให้ตนโดยตรง และขอให้กล้าบอกตน ซึ่งตนจะได้ทำเรื่องนี้ให้ความกระจ่าง แต่เงื่อนไขสุดท้ายคงต้องเอาศพขึ้นมาตรวจสอบ เนื่องจากมีกระสุนปืนฝังตัวอยู่ในตัวผู้ตาย ซึ่งถือเป็นหนทางออกที่ดีที่สุด ที่จะหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้

ทหารร่วมชาวบ้าน300ละหมาดฮายัดหลังคนร้ายยิงอาคารโรงงานฮาลาล

ที่บริเวณมัสยิดบ้านท่าสู หมู่ 3 บ.ท่าสู ต. น้ำบ่อ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี พล.ต ศักดิ์ศิลป์ กลั่นเสนาะ ผู้บัญชาการหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี พ.ต.ท นฤชา สุวรรณลาภา พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ได้เดินทางปลอบขวัญให้กำลังใจประชาชนชนในพื้นที่ หมู่ 3 โดยมีอิหม่าม 5 มัสยิด ผู้นำศาสนาและประชาชนจาก 5 หมู่บ้านประมาณ 300 คน ร่วมทำพิธีละหมาดฮายัดขอพรจากพระเจ้าเพื่อประทานความสงบสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่

 หลังจากเกิดเหตุการณ์คนร้ายไม่ต่ำกว่า 5 คนใช้อาวุธสงครามยิงถล่มอาคารสถานที่ที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างโรงงานฮาลาล ตั้งอยู่บริเวณหลังหมู่บ้าน เมื่อคืนวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา ทำให้ตัวอาคาร กระจก และฝาผนังได้รับความเสียหาย แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ

 โดยสาเหตุการก่อเหตุในครั้งนี้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบต้องการสร้างความหวาดกลัวให้แก่ประชาชนในพื้นที่ บ้านท่าสู และพื้นที่ไกล้เคียง เพื่อไม่ให้ประชาชนเข้าไปสมัครงานในโรงงานฮาลาล และการแสดงกำลังในครั้งนี้ทำให้เห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ที่สร้างความแตกแยกให้กับประชาชนในพื้นที่

 หลังจากเกิดเหตุการณ์ทางเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ได้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่เข้าให้การคุ้มครองดูแลประชาชนพร้อมจัดกำลังลาดตระเวน เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นอีกซึ่งเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในพื้นที่ ส่วนกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุเป็นกลุ่มของนายฮูไซฟะ หะยีสาเมาะ เป็นระดับแกนนำในการเคลื่อนไหวก่อเหตุในพื้นที่ อ.สายบุรี อ.ปะนาเระ มีหมายจับความมั่นคงหลายคดี