
ลายมือบนตัวศพ มัดฆาตกรสังหารพริตตี้
30 มี.ค. 2557
ลายมือบนตัวศพ มัดฆาตกรสังหารพริตตี้ : คลี่ปมปริศนา CSI-THAILAND : โดย...ทีมข่าวอาชญากรรม
ย่างก้าวเข้าปี 2556 ได้เพียง 3 วัน เกิดคดีสะเทือนขวัญ พริตตี้สาว วัย 22 ปี ถูกคนร้ายฆ่าปาดคอ ตัดหู และเฉือนอวัยวะเพศ ก่อนจะจุดไฟเผาอำพรางคดี โดยเหตุเกิดภายในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ย่านปากเกร็ด จ.นนทบุรี
ร.ต.ต.วิชิต ผังดี พนักงานสอบสวน สภ.ปากเกร็ด ประสานตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และแพทย์นิติเวช เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบภายในห้องมีร่องรอยถูกไฟไหม้เสียหายทั้งห้อง ขณะที่บนเตียงนอนพบศพ น.ส.อัจฉราณี หรือแอ๋ม รักเชื้อ อายุ 22 ปี ซึ่งมีอาชีพเป็นพริตตี้ นอนหงายเสียชีวิตในสภาพเปลือยกายอ้าซ่า ที่บริเวณลำคอถูกปาดแผลลึกจนเห็นหลอดลม หูซ้ายถูกตัดจนขาด แขนซ้ายถูกกระหน่ำฟันนับสิบแผล และอวัยวะเพศถูกเฉือน ที่ลำตัวมีข้อความเขียนด้วยปากกาเมจิกสีดำ "สำเริง สุวรรณพงศ์" ซึ่งคล้ายกับชื่อของ พล.ต.ต.สำเริง สุวรรณพงษ์ รองผบช.น. (ตำแหน่งขณะนั้น) น่องซ้ายเขียนว่า "ไอ้เปิ้ล ท่าทราย" น่องขวาเขียนว่า "โอบามะ" ตั้งแต่ศีรษะถึงลำตัวมีร่องรอยถูกไฟไหม้ สภาพศพขึ้นอืดคาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 1-2 วัน นอกจากนี้ที่ข้างเตียงพบซากแมวซึ่งถูกปาดคอด้วยอีก 1 ตัว
ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ได้เก็บวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ ทั้งร่องรอยลายพิมพ์นิ้วมือซึ่งคาดว่าจะเป็นของคนร้าย รวมถึงข้อความที่เขียนด้วยลายมือที่พบอยู่บนตัวศพ เพื่อใช้เป็นหลักฐานเปรียบเทียบกับลายมือเขียนของผู้ต้องหากรณีที่สามารถจับกุมได้ เพื่อยืนยันตัวผู้กระทำผิด
ตำรวจสอบปากคำน้องชายผู้ตาย ให้การว่า คืนวันที่ 31 ธันวาคม 2555 นัดกับพี่สาวและ นายไพโรจน์ หรือแบงค์ นันทตันติ อายุ 22 ปี แฟนหนุ่มของพี่สาว จะออกไปฉลองปีใหม่กันนอกบ้าน แต่พี่สาวกับนายไพโรจน์ ทะเลาะกันเรื่องหึงหวง จึงแยกย้ายกันกลับ กระทั่งเวลาประมาณ 03.00 น. วันที่ 1 มกราคม 2556 นายไพโรจน์ เดินทางมาที่บ้านพักของน้องชายผู้ตาย โดยพยายามจุดไฟเผา แต่น้องชายผู้ตายลงจากบ้านมาพร้อมกับมีดดาบ นายไพโรจน์จึงหนีไป
"ผมเชื่อว่าคนร้ายคือนายแบงค์ เพราะก่อนพี่สาวเสียชีวิตทั้งสองคนมีเรื่องทะเลาะกันเกี่ยวกับเรื่องหึงหวง ทำให้การนัดหมายไปฉลองปีใหม่กันต้องยุติลง หลังจากนั้นนายแบงค์ก็เข้ามาพยายามจุดไฟเผาบ้านผมที่ย่านดอนเมือง ถ้าผมไม่เห็นเข้าป่านนี้บ้านคงถูกไฟไหม้ไปแล้ว การเสียชีวิตของพี่สาวผมเป็นฝีมือของนายแบงค์แน่" น้องชายผู้ตาย ให้เบาะแสกับตำรวจ
ตำรวจขยายผลจนทราบว่า "ไอ้เปิ้ล ท่าทราย" ที่ปรากฏชื่อถูกเขียนอยู่ที่น่องซ้ายของผู้ตาย มีตัวตนโดยเป็นเพื่อนสนิทของนายไพโรจน์ เคยเป็นหุ้นส่วนทำธุรกิจร้านเหล้าใกล้มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง ตำรวจชุดสืบสวนได้เชิญตัวมาสอบถาม พร้อมทั้งตรวจสอบในทางลับอย่างละเอียด พบว่าไม่น่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของพริตตี้รายนี้ ขณะที่ พล.ต.ต.สำเริง ปฏิเสธ ไม่รู้จักกับผู้ตาย มาก่อน และเชื่อว่า ชื่อที่ปรากฏอยู่บนตัวของผู้ตายน่าจะเป็นบุคคลที่มีชื่อพ้องกันเท่านั้น
ตำรวจชุดคลี่คลายคดี ขอความร่วมมือจากผู้ดูแลคอนโดมิเนียมที่เกิดเหตุเพื่อขอตรวจสอบภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิด พบว่าในวันที่ 31 ธันวาคม 2555 ผู้ตายเดินกลับเข้าห้องพักไปพร้อมกับนายไพโรจน์ เป็นครั้งสุดท้าย กลายเป็นหลักฐานสำคัญที่ทำให้ตำรวจยิ่งปักใจเชื่อว่า ฆาตกรที่ลงมือสังหารผู้ตายอย่างเหี้ยมโหด คือนายไพโรจน์ ซึ่งเป็นแฟนหนุ่มของผู้ตาย
ขณะที่การตรวจสอบการใช้โทรศัพท์ของนายไพโรจน์ พบว่ามีการใช้งานครั้งสุดท้ายที่ จ.ราชบุรี จึงลงพื้นที่กดดันญาติของนายไพโรจน์ กระทั่งทราบว่ามีการเตรียมการจะหลบหนีข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยพบเบาะแสว่านายไพโรจน์และญาติอีก 1 คน วางแผนบวชเป็นพระที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.ราชบุรี เพื่ออำพรางไม่ให้ตำรวจติดตามจับกุมได้ง่าย
หลังจากได้รับเบาะแสดังกล่าว ตำรวจชุดคลี่คลายคดีได้ประสานทหารตามพื้นที่ตะเข็บชายแดนเพื่อให้ช่วยควบคุมตัว เนื่องจากมีข้อมูลชัดเจนว่านายไพโรจน์จะเดินทางหลบหนีออกนอกประเทศแน่ โดยใช้วิธีการบวชเป็นพระแล้วทำทีเป็นธุดงค์ข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน กระทั่งวันที่ 7 มกราคม 2556 หลังพบศพผู้ตายเพียง 4 วัน ทหารกองกำลังผาเมือง ก็ควบคุมตัวนายไพโรจน์ และนายอดิศักดิ์ เครือเอม อายุ 61 ปี ซึ่งเป็นผู้พานายไพโรจน์หลบหนีได้ที่ ดอยสามเส้าใหญ่ ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่
โดยขณะควบคุมตัว ทั้งสองห่มผ้าเหลืองอ้างว่าจะธุดงค์ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ทหารกองกำลังผาเมืองควบคุมตัวนายไพโรจน์ และนายอดิศักดิ์ ส่งตำรวจเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
หลังการจับกุมผู้เชี่ยวชาญการตรวจลายมือจากกองพิสูจน์หลักฐาน ได้ตรวจสอบลายมือเขียนของนายไพโรจน์ พบว่าตรงกันกับลายมือเขียนด้วยเมจิกที่ปรากฏอยู่บนตัวศพ กลายเป็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ มัดแน่นให้ผู้ต้องหารายนี้ดิ้นไม่หลุดมากขึ้น
ขณะที่นายไพโรจน์ ยอมรับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือสังหารแฟนสาวของตัวเองจริง เพราะโมโหที่ผู้ตายด่าทอถึงมารดา
"ผมกับเขาคบหากันมาเป็นปี โดยรู้จักกันตั้งแต่ผมเปิดร้านเหล้า ตอนนั้นเขาเป็นพีอาร์อยู่ที่ร้านในละแวกนั้น หลังคบกันมีเรื่องทะเลาะกันบ่อย เมื่อเมาก็มีลงมือทำร้ายบ้าง วันเกิดเหตุผมดื่มเบียร์และเหล้าไปตั้งแต่บ่ายจนมืดกลับถึงห้องก็โดนเขาด่าทอถึงแม่ ผมขาดสติจึงหยิบใบมีดโกนมากรีดหน้าไปหนึ่งครั้ง ตามด้วยใบหู ท้อง อวัยวะเพศ และส่วนอื่นของร่างกายจนเสียชีวิต จึงจุดไฟเผาเพื่ออำพรางคดี" นายไพโรจน์ สารภาพ
ส่วนรายชื่อที่ปรากฏอยู่บนร่างของผู้ตาย นายไพโรจน์ อ้างว่า ขาดสติจึงไม่รู้ว่าเขียนไปได้อย่างไร ชื่อของ "สำเริง สุวรรณพงศ์" ไม่เคยรู้จักบุคคลคนนี้มาก่อน จำได้เพียงว่าทุกครั้งที่ทะเลาะกัน ผู้ตายมักพูดถึงชื่อนี้
ตำรวจขยายผลทราบว่า นอกจากนายไพโรจน์จะก่อเหตุฆ่าพริตตี้ซึ่งเป็นแฟนสาวแล้ว ยังมีหมายจับอีก 7 คดี ทั้งคดีทำร้ายร่างกาย ครอบครองอาวุธปืน และเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนเองหรือของผู้อื่นโดยทุจริต (สน.พระราชวัง) โดยได้ร่วมกับพนักงานธนาคารกรุงไทย สาขาพระราชวัง ฉ้อโกงเงินจำนวน 21 ล้านบาท เมื่อปี 2552 อีกด้วย
ข้อความเขียนด้วยเมจิก ที่ปรากฏอยู่บนตัวศพ และภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิด รวมทั้งข้อมูลที่ได้จากบุคคลใกล้ชิดผู้ตาย เป็นเบาะแสสำคัญที่ทำให้ตำรวจสามารถปิดคดีนี้ได้ในเวลาเพียง 4 วัน แม้ผู้ต้องหาจะพยายามทำลายหลักฐานโดยการเผา แต่ร่องรอยที่ปรากฏอยู่ในที่เกิดเหตุทำให้ดิ้นไม่หลุด
----------------------
(ลายมือบนตัวศพ มัดฆาตกรสังหารพริตตี้ : คลี่ปมปริศนา CSI-THAILAND : โดย...ทีมข่าวอาชญากรรม)