ข่าว

ถึงขั้นเสียชีวิต!ก๊าซพิษบ่อขยะปากน้ำ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ถึงขั้นเสียชีวิต!ก๊าซพิษบ่อขยะปากน้ำ คพ.สรุปยังเกินมาตรฐานสูงถึง 23 เท่า ดีเอสไอจ่อรับเป็นคดีพิเศษ

                ผลการตรวจวัดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์  ในพื้นที่ไฟไหม้บ่อขยะที่ต.แพรกษา จ.สมุทรปราการ วันที่ 19 มี.ค.นี้ ระหว่าง 10.00-12.00 น.จำนวน  10 จุด พบว่ายังมีก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์สูงเกินมาตรฐานที่กำหนดไว้ต้องไม่เกิน 0.2 พีพีเอ็ม  ดังนี้ 1.จุดอพยพองค์การบริหารส่วนตำบลแพรกษา ห่างจากบ่อขยะ 3,00 เมตรท้ายลม ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ 0.95-1.20 พีพีเอ็ม หรือสูงเกินมาตรฐาน 6 เท่า ซึ่งถือว่ามีค่าความเข้มข้นเกิดผลกระทบอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต 
                2.จุดตั้งโมบาย หมู่บ้านปัญฐิญา ห่างจากบ่อขยะไปทางทิศเหนือ 1, 500 เมตร  ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ 0.23-0.35 พีพีเอ็ม 3.หมู่บ้านทรัพย์ธานี ห่างบ่อขยะไปทางทิศเหนือ 1,500 เมตรท้ายลม ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ 0.23-0.35 พีพีเอ็ม 4. หมู่บ้านศุภาลัยวิลล์ ห่างบ่อขยะไปทางทิศเหนือ 1,500 เมตร ท้ายลม ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์  1.1-1.55 พีพีเอ็ม 5.หมู่บ้านสหกรณ์ ห่างบ่อขยะท้ายลมไปทางด้านเหนือ 300 เมตร ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ 1.99-4.51 พีพีเอ็ม

                ส่วนผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศ 4 สถานี ได้แก่ 1.ศาลากลางจัดหวัดสมุทรปราการ ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 7.0 กิโลเมตร 2.สถานีอุตุนิยมวิทยาบางนา ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 16.8 กิโลเมตร 3.สถานีการเคหะชุมชนคลองจั่น ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 31.8 กิโลเมตร 4.สถานีการเคหะชุมชนบางพลี ห่างจากที่เกิดเหตุ ประมาณ 32กิโลเมตร รวมทั้งหน่วยตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบเคลื่อนที่รอบพื้นที่เกิดเหตุ 3 จุด ได้แก่ บริเวณซอยแพรกษา 8 ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 0.3 กิโลเมตร บริเวณหมู่บ้านปัญฐิญา ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 0.7-1 กิโลเมตร และบริเวณ อบต. แพรกษา ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 3.5 กิโลเมตร ผลการตรวจพบปริมาณฝุ่นละอองลดลงจนอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพ เนื่องจากฝุ่นควันลดความหนาแน่นลง ประกอบกับทิศทางลมไม่ได้พัดเข้าสู่จุดตรวจวัดของ คพ.

 


ดีเอสไอจ่อรับเป็นคดีพิเศษ


               ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเข้าสู่วันที่ 4 ของการผจญเพลิงที่ลุกไหม้บ่อขยะที่สมุทรปราการในขณะนี้ ได้มีการนำรถแม็กโคสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกของกลมชลประทานจำนวน 3 คันลงลุยตีกองขยะให้แตกเพื่อดับไฟที่ลุกไหม้อยู่ภายใน ในขณะที่กระทรวงทรัพยากรและธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ได้นำเฮลิคอปเตอร์ดับไฟป่าเข้าช่วยอีก 1 ลำรวมเป็น 2 ลำ เริ่มลงมือปฎิบัติการทิ้งน้ำลงกองขยะแล้ว ขณะเดียวกันกองกำลังทหารบก ร.11 และ ร.12 กว่า 50 นายได้เดินมาถึงและเข้าร่วมในการดับไฟ โดยใช้ยุทธการดับไฟใต้น้ำ ส่วนหนึ่งใช้รถแบ็คโฮ สะเทรินน้ำสะเทรินบก ในการตีกองขยะให้แตก และทำการกดขยะที่มีไฟลุกไหม้อยู่ใต้กองให้จมน้ำเพื่อดับไฟ ในส่งกำลังเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและกำลังทหารใช้บันใดไม้ไผ่ยาว 6 เมตร มาต่อกันหลายท่อนปูเป็นพื้นเดินเข้าไปใช้น้ำจากสายหัวฉีดเข้าทำการผจญเพลิงด้านใน ซึ่งขณะนี้จากการประเมินของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองคาดว่าสามารถดับไฟที่ลุกไหม้กองขยะได้แล้วประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ ทำให้กลุ่มควันสีขาวเพิ่มมากขึ้นมากกว่าเมื่อวันที่ 18 มี.ค. ที่ผ่านมา เข้าปกคลุมหมู่บ้านและถนนหลายสายทางด้านทิศเหนือ เช่นถนนพุทธรักษา และ ถนนเทพารักษ์ ถนนบางนา-ตราด ทำให้ทัศนวิสัยในการมองอยู่ในระยะใกล้ ส่วนผู้ป่วยจากการสูดดมควันพิษ ยังไม่มีเพิ่มเติมแต่อย่างใด

               ต่อมาเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 มี.ค. กลุ่มชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ภายในหมู่บ้านแสงปัญญาถนนพุทธรักษากว่า 40 คน ที่ได้รับผลกระทบจากหมอกควัน ได้พากันเดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกกับพนักงานสอบสวนที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ให้เอาผิดกับเจ้าของบ่อขยะ โดยมีพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรปราการ ได้รับแจ้งความร้องทุกข์เอาไว้ พร้อมนัดสอบปากคำภายหลัง โดยกลุ่มชาวบ้านได้กล่าวว่า ในช่วงเวลากลางวันกลุ่มควันไม่ค่อยมีเท่าไหร่ แต่พอตกเย็นกลุ่มควันกลับเพิ่มความหนาแน่นมากขึ้นเรื่อยๆจนแสบจมูกแสบตาและคันตามผิวหนัง ไม่สามรถอยู่พักอาศัยในบ้านได้ จนต้องหอบลูกหลานไปนอนตามบ้านญาติที่ไม่ได้รับผลกระทบ ส่วนบางครอบครัวที่ไม่มีบ้านญาติก็ไปพักที่ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสพภัยที่ทางเจ้าหน้าที่จัดเตรียมไว้ เป็นเวลา 4 วันแล้ว สำหรับยอดผู้ได้รับผลกระทบและเข้าแจ้งความรวมสองวันกว่า 70 รายแล้ว

               เวลา 13.00 น. วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้เดินทางมาที่บ่อขยะที่เกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบสภาพขยะที่ถูกทิ้งอยู่ในบ่อที่เกิดเหตุเพื่อนำไปตรวจสอบว่าขยะในบ่อดังกล่าว มีขยะเคมีปะปนอยู่ด้วยหรือไม่เพื่อเตรียมรับเรื่องเป็นคดีพิเศษ

               พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว ผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคง DSI เปิดเผยว่า ในส่วนที่กรมสอบสวนคดีพิเศษมาสอบสวนในวันนี้ ก็เป็นการเพิ่มเติมในกรณีที่เราได้ไปทำการสอบสวนเพิ่มเติมเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องที่ อบต.แพรกษา ข้อเท็จจริงที่เราได้มาบ่อขยะแห่งนี้มีการข้ออนุญาตอยู่ 2 ประเภท ประเภทแรกได้รับอนุญาตเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2554 เป็นการขออนุญาตเกี่ยวกับกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยเป็นเงื่อนไขเกี่ยวกับการกำจัดปฎิกูล หรือขยะมูลฝอย ซึ่งในประเด็นนี้ หลังจากอนุญาตแล้วทาง อบต.ยังได้พบว่าการประกอบกิจการนี้ มีพฤติกรรมเอาขยะมาเททิ้งจึงขอเรียกหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้รับหลักฐานจากผู้ขออนุญาตประกอบกิจการขออนุญาตใบ รง.4 ซึ่งออกเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2555 แต่เป็นการขออนุญาตทำปุ๋ย แต่การดำเนินกิจการอย่างที่เห็นเราพบว่าเป็นการนำขยะมาเททิ้ง และจะมีการดำเนินการเกี่ยวกับการาฝังกลบหรือการกำจัดก็แล้วแต่ แต่สิ่งที่เราเห็นไม่มี ใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องกับการขออนุญาตฝั่งกลบหรือกำจัดขยะแต่อย่างใด อันนี้ก็เป็นประเด็นที่ 1

               ส่วนประเด็นที่ 2 คือประเด็นที่มีข้อกังวนอยู่แล้ว เพราะพบว่าเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2555 เจ้าหน้าที่ อบต.เองสามารถจับกุมผู้ลักลอบนำของเสียอันตรายมาทิ้งที่กองขยะแห่งนี้ อันนี้ก็สามารถสะท้อนได้ว่าบ่อขยะทุกแห่งมีความเสี่ยงต่อการเอาของเสียที่เป็นอันตรายมาทิ้ง ในเบื้องต้นเนื่องจากในคดีนี้มีการร้องทุกข์กล่าวโทษเอาไว้ที่สถานีตำรวจ ก็คงเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เบื้องต้นมีการตรวจพบว่าส่วนหนึ่งมีขยะที่เป็นกากอุตสาหกรรมอยู่ แต่ว่าของเสียที่เป็นกากอุตสาหกรรมจะเป็นวัตถุอันตรายหรือไม่ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ โดยอาศัยผู้เชี่ยวชาญจากกรมควบคุมมลพิษ และกรมโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งก็ต้องรอผลตรงนี้เพื่อที่จะชี้ชัดว่าเข้าเงื่อนไขที่จะเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ในเบื้องต้นเป็นหน้าที่ของตำรวจท้องที่ก่อน ส่วนกรมสอบสวนคดีพิเศษ คงจะรับกรณีการลักลอบทิ้งของเสียอันตรายหรือวัตถุอันตราย

               ส่วนการดับเพลิงที่ยังคงครุกลุ่นในบ่อขยะขณะนี้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงพร้อมด้วยรถแบ็คโฮสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก จำนวน 4 ลำ จากกรมชลประทาน กำลังทหารจากรมพลาธิการทหารบก ร.11 กว่า 50 นาย เจ้าหน้าที่บรรณเทาสาธารณภัยของจังหวัดสมุทรปราการ และกรุงเทพมหานคร กว่า 200 นาย ได้เข้าลุยดับเพลิงใต้น้ำไปได้แล้วกว่า 40 เปอร์เซ็นต์

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ