ข่าว

2ตระกูล'ติยะไพรัช-จงสุทธนามณี'

2ตระกูล'ติยะไพรัช-จงสุทธนามณี'

18 มี.ค. 2557

2ตระกูล'ติยะไพรัช-จงสุทธนามณี'...จ้องเปิดศึกชิงนายกอบจ.เชียงราย : โดย...ณัฐวัตร ลาพิงค์

 
                     ถือเป็นใบแดงที่ 2 ของคนในตระกูล "ติยะไพรัช" หลังจากศาลฎีกามีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2557 ให้จำคุก นางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช นายก อบจ.เชียงราย เป็นเวลา 2 ปี 6 เดือน ปรับ 50,000 บาท และเพิกถอนสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปี แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ก่อนเป็นเวลา 2 ปี ในคดีแจ้งความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานตามมาตรา 137 ประมวลกฎหมายอาญาและกระทำการอันเป็นเท็จตาม พ.ร.บ.เลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือบริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาตรา 114 ซึ่งนางรัตนา จงสุทธนามณี อดีตนายก อบจ.เชียงราย เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง
 
                     คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2547 ในการเลือกตั้ง อบจ.เชียงราย ซึ่งมีนางรัตนา และนางสลักจฤฎดิ์ เป็นคู่ชิงชัย ผลปรากฏว่า นางรัตนา ได้รับการเลือกตั้ง แต่นางสลักจฤฎดิ์ได้ยื่นฟ้องร้องและแจ้งความกล่าวหาว่านางรัตนา พร้อมด้วยสามีคือ นายวันชัย จงสุทธนามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย แจกชิงช้าและกระดานเลื่อนให้ประชาชนที่ชุมชนประตูเชียงใหม่สามัคคี เทศบาลนครเชียงราย เพื่อหวังผลการเลือกตั้ง แต่ศาลสั่งยกฟ้อง ซึ่งนางรัตนาได้ยื่นฟ้องกลับนางสลักจฤฎดิ์ โดยศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อปี 2549 ให้จำคุกนางสลักจฤฎดิ์ป็นเวลา 3 ปี 9 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ปรับเงินจำนวน 75,000 บาท และตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี ขณะที่ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง และล่าสุดศาลฎีกามีคำตัดสินให้คดีถึงที่สิ้นสุดดังกล่าว
 
                     ส่วนใบแดงแรกเป็นของ "ยุทธ ตู้เย็น" นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ส.ส.แบบสัดส่วนและประธานสภาผู้แทนราษฎร สามีของนางสลักจฤฎดิ์ หลังถูกศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี โดยถูกกล่าวหาว่าแจกเงินให้หัวคะแนนกลุ่มกำนัน อ.แม่จัน จ.เชียงราย ไปซื้อเสียงจากประชาชนจนกระทั่งมีการยุบพรรคพลังประชาชนเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2551 ขณะที่น้องสาว น.ส.ละออง ติยะไพรัช อดีตส.ส.เชียงราย 3 สมัย ก็เคยได้รับใบเหลือง เมื่อปี 2551 
 
                     ส่วนเงื่อนเวลาการเลือกตั้งนั้น นายเอกชัย เรือนคำ ผอ.กต.เชียงราย ระบุว่า ขณะนี้ต้องรอให้ อบจ.เชียงราย ดำเนินการด้านธุรการและเอกสารที่เกี่ยวข้องกับคดีความ ซึ่งทางอบจ.จะได้แจ้งมาทาง กกต.เชียงรายอีกครั้งจึงจะดำเนินการให้มีการเลือกตั้งภายใน 60 วัน จะนับตั้งแต่วันที่อบจ.เชียงรายแจ้งความจำนงมา ทำให้อุณหภูมิการเมืองท้องถิ่นร้อนระอุขึ้นมาทันที และถือว่าเป็นศึกสองตระกูลใหญ่ "ติยะไพรัช-จงสุทธนามณี" ที่จะกลับมาฟาดฟันกันอีกครา
 
                     ฟากตระกูล "ติยะไพรัช" ที่มีหัวเรือใหญ่อย่าง "ยุทธ ตู้เย็น" กุมบังเหียน หลายฝ่ายเชื่อว่า การจัดวางตัวผู้เล่นยังไม่นิ่ง อันเป็นผลมาจากคำพิพากษาและกะทันหัน แต่ ณ เวลานี้หากเอกซเรย์ดู ตัวเลือกอันดับ 1 ในกรณีที่ "ยงยุทธ" เลือกที่จะโลดโผนในสนามการเมืองระดับชาติ มากกว่าสนามท้องถิ่น คือ นางบุศริณธญ์ ติยะไพรัช วรพัฒนานันน์ พี่สาวแท้ๆ ดีกรีอดีต ส.ว.เชียงราย ปี 2543 และอดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่ได้เลื่อนตำแหน่งแทนนายสันติ พร้อมพัฒน์ ในเดือนตุลาคม 2544 สำเร็จการศึกษาปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และปริญญาโท รัฐศาสตรมหาบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
 
                     ขณะที่ตัวเลือกอันดับ 2 และ 3 ดูจะติดล็อกการเมืองเป็นผู้รับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.พรรคเพื่อไทย คือ น.ส.ละออง ติยะไพรัช ผู้สมัคร ส.ส.เชียงราย เขต 7 พรรคเพื่อไทย วัย 52 ปี ผู้ซึ่งลิ้มลองกับใบเหลือง เป็นอดีตส.ส.เชียงราย 3 สมัย และนายมิติ ติยะไพรัช หรือฮั่น อายุ 28 ปี ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ผู้ก่อตั้งสโมสรเชียงรายยูไนเต็ด และอดีตผู้จัดการฟุตบอลเยาวชนไทย รุ่นอายุ 16 ปี ก็มีรายชื่อเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 63
 
                     เว้นเสียว่าศาลรัฐธรรมนูญชี้การขาดว่า การเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 เป็นโมฆะ จะทำให้มีตัวเลือกมากขึ้น แต่ยี่ห้อ "ติยะไพรัช" ที่มากด้วยอำนาจ บารมี และกระสุนดินดำ รวมถึงฐานเสียงของส.ส.ทั้ง 7 เขต มวลชนคนกลุ่มเสื้อแดง และคนรัก "ทักษิณ" ก็มากพอที่จะหนุนเนื่องให้คนในระบอบสู่ฝั่งฝันได้ไม่ยากเย็น
 
                     ขณะที่ตระกูล "จงสุทธนามณี" เชื่อว่าคงจะส่ง นางรัตนา จงสุทธานามณี ลงล้างตาอีกครั้ง เป็นอดีตนายก อบจ.เชียงราย 2 สมัย คือ ปี 2547 และ 2551 โดยชนะนางสลักจฤฎดิ์ (ชื่อเดิม สลักจิต) ติยะไพรัช ก่อนจะมาปราชัยให้คู่แข่งคนเดิม ในปี 2555 โดยได้ 175,455 คะแนน ขณะที่คู่แข่งได้ 341,523 คะแนน ทิ้งห่างกันถึง 166,068 คะแนน ว่ากันว่า "รัตนา" ช่วงที่ไม่มีตำแหน่งทางการเมือง ทางสามี คือ นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ได้ดึงมาเป็นที่ปรึกษาในการบริหารเทศบาลนครเชียงรายและเป็นที่ปรึกษาในการจัดงานกิจกรรมด้านต่างๆ ของเทศบาลนครเชียงรายเพื่อเรียกคะแนนนิยมในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ซึ่งฐานเสียงของนางรัตนานั้น ส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่ในเขต อ.เมือง และพื้นที่ใกล้เคียง อันเป็นฐานเสียงอันเหนียวแน่นของสามี บวกกับฐานเสียงเดิม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายก อบจ.เชียงราย มา 2 สมัย
 
                     ด้วยกระแสธารของการเมืองที่ไหลเชี่ยวและหลากแรง แม้เกจิการเมืองยังให้ฟากตระกูล "ติยะไพรัช" เป็นต่อหลายช่วงตัว เนื่องจากมีสรรพกำลังและมวลชนในมือค่อนข้างเหนียวแน่น แต่ทุกอย่างย่อมเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ตระกูล "จงสุทธนามณี" อาจจะมีไม้เด็ด พลิกโฉมหน้าการเมืองเชียงราย ก็เป็นได้
 
                     กระนั้นอาจจะมีเซอร์ไพรส์ หาก "ยุทธ ตู้เย็น" มองเห็นการเมืองระดับชาติวุ่นวาย ไร้อนาคตที่จะกลับมาครองอำนาจอีกครั้ง ถึงเวลานั้นอาจจะเปลี่ยนใจให้กระโจนลงมาเป็นผู้เล่นเสียเอง หากเป็นจริง "เผ็ดร้อน" แน่นอน
 
 
 
...........................
 
 
นางรัตนา จงสุทธานามณี 
 
                     เป็นภรรยานายวันชัย จงสุทธนามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลของนายชวน หลีกภัย อดีต ส.ส.เชียงราย ปี 2538 พรรคชาติพัฒนา สมัยแรก และได้รับเลือกตั้งต่อมาอีกหลายสมัย จากนั้นหันไปทำงานการเมืองท้องถิ่นในนามอิสระ โดยได้รับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.เชียงราย ในปี 2547 และ 2551 ชนะนางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาเลขานุการ จากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และปริญญาโท สาขารัฐศาสตร์ (การเมืองการปกครอง) จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปี 2538 
 
 
 
นางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช 
 
                     ภรรยานายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภา สำเร็จการศึกษาปริญญาโท การจัดการอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เคยดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการพัฒนาสตรีภาคเหนือ ประธานคณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัดเชียงราย ประธานชมรมลูกเสือชาวบ้านจังหวัดเชียงราย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ และอดีตนายก อบจ.เชียงราย ปี 2555 
 
 
 
 
..............................
 
(2ตระกูล'ติยะไพรัช-จงสุทธนามณี'...จ้องเปิดศึกชิงนายกอบจ.เชียงราย : โดย...ณัฐวัตร ลาพิงค์)