
'Alright, good night'คำสุดท้าย'MH370'
12 มี.ค. 2557
คำพูดสุดท้ายของนักบิน MH370 'Alright, good night' ปรับแผนค้นหา เครื่องบินเปลี่ยนทิศก่อนหาย เพื่อน 2 หนุ่มใช้พาสปอร์ตปลอมเผยคืนสุดท้ายก่อนบิน
12 มี.ค. 57 สื่อสิงคโปร์เผยคำพูดสุดท้ายของนักบินเที่ยวบิน MH 370 ของมาเลเซียที่บอกว่า 'Alright, good night' ในขณะที่ความพยายามค้นหาเครื่องบินต้องขยายพื้นที่ออกไป เพราะยังสับสนเรื่องตำแหน่งสุดท้ายของเครื่องบิน และเริ่มมีเบาะแสผู้พบเห็นแสงไฟ และเสียงจากเครื่องบิน
เว็บไซต์นังสือพิมพ์สเตรตไทม์ ของสิงคโปร์ รายงานว่า การเปิดเผยคำพูดสุดท้ายของหนึ่งในนักบินสองคนของเที่ยวบิน MH 370 ของมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ที่ขาดการติดต่อไปตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม มีขึ้นในระหว่างการพบะปะของคณะเจ้าหน้าที่มาเลเซียกับญาติชาวจีนของผู้โดยสารประมาณ 400 คน ที่โรงแรมเมโทรพาร์ค ลิโด ในกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการค้นหาเครื่องบินและตอบคำถามต่างๆ กับญาติผู้โดยสาร
คำพูดสุดท้ายนี้เป็นการตอบรับจากห้องนักบิน หลังหอบังคับการบินมาเลเซียแจ้งแก่นักบินว่า เครื่องบินกำลังจะพ้นจากการควบคุมของหอบังคับการบินประเทศมาเลเซีย และจะส่งต่อการควบคุมเครื่องบินแก่หอบังคับการบินเวียดนาม และเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำกรุงปักกิ่ง เปิดเผยว่า นักบินคนหนึ่งพูดเป็นคำพูดสุดท้ายว่า 'Alright, good night'
การเปิดเผยเรื่องนี้มีขึ้นในขณะที่ตำรวจมาเลเซียกำลังพุ่งเป้าสอบสวนใน 4 ประเด็นเกี่ยวกับการหายไปของเครื่องบิน ซึ่งรวมถึงประเด็นสภาพจิตใจและปัญหาส่วนตัวของลูกเรือบนเครื่องบิน และเริ่มมีประเด็นสงสัยมากขึ้นว่านักบินจะตั้งใจทำเครื่องบินตกหรือไม่ แต่ฮิวจ์ ดันเลวี ผู้อำนวยการฝ่ายขายของมาเลเซีย แอร์ไลน์ส บอกว่า ไม่มีเหตุผลที่จะเชื่อว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับเครื่องบินเป็นการกระทำของลูกเรือ
ส่วนความคืบหน้าของการค้นหาเครื่องบินได้ขยายพื้นที่ค้นหาจากบริเวณทะเลจีนใต้ไปทางฝั่งทะเลอันดามันด้วย หลังมีข่าวสับสนเรื่องตำแหน่งสุดท้ายของเครื่องบิน เนื่องจากมีข่าวว่าเครื่องบินที่มุ่งหน้าไปจีน หันวกกลับ แต่ผู้บัญชาการทหารอากาศปฏิเสธข่าวนี้
ถึงอย่างนั้นก็มีข่าวการพบเบาะแสใหม่ๆ เช่น ชาวประมงกลุ่มหนึ่งพบแพชูชีพ ห่างจากเมือง พอร์ต ดิกสัน ราว 10 ไมล์ทะเลเมื่อวาน โดยแพชูชีพอยู่ในสภาพได้รับความเสียหาย และแจ้งให้สำนักงานบังคับใช้กฎหมายทางทะเลของมาเลเซียทันที แต่เมื่อเรือของสำนักงานมาถึง และชาวประมงได้ส่งแพชูชีพให้ โฆษกของสำนักงานกลับแถลงว่า แพชูชีพจมหายไปในทะเลขณะพยายามนำมันขึ้นไปบนเรือ
นอกจากนี้ยังมีข่าวว่ามีผู้ได้ยินเสียงและเห็นแสงไฟจากเครื่องบินในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือใกล้พรมแดนไทย โดยเป็นรายงานการพบเห็นในหลายเมืองของมาเลเซีย เช่น กัวลาเบซาร์ , บูลัน , คาฮายา และเปนาริก โดยพบเห็นระหว่าง 01.30 น. ถึง 01.45 น.
ขณะเดียวกันทางการเวียดนามกำลังค้นหาสิ่งที่ชาวนิวซีแลนด์อ้างว่าพบเห็นการลุกไหม้ของวัตถุบางอย่างนอกชายฝั่งหวุงเต่า ของเวียดนามไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 300 กม.

'มาเลเซีย' ไม่ยืนยันข่าว MH370 หันหัวกลับก่อนล่องหนปริศนา
หนังสือพิมพ์ เบอริต้า ฮาเรียน ของมาเลเซีย รายงานว่า พลอากาศเอกตัน สรี ร้อดซาลี่ ดาอุด ผู้บัญชาการกองทัพอากาศของมาเลเซีย หรือ อาร์เอ็มเอเอฟ ได้ปฏิเสธรายงานข่าวของสื่อมวลชนก่อนหน้านี้ ที่อ้างคำกล่าวของเขา ว่า เครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 777-200 อีอาร์ / เที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส / ที่ล่องหนปริศนาไปตั้งแต่เช้าตรู่วันเสาร์ ได้หันหัวกลับไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยกำลังมุ่งหน้าสู่ทิศตะวันตกที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตร เพียงแต่ไม่ได้ตัดประเด็นนี้ทิ้งไปเท่านั้น
พลอากาศเอกดาอุด บอกว่า เรดาร์ของทหารได้ตรวจจับเครื่องบินได้ ในขณะบินอยู่ใกล้กับเกาะปูเลา เปรัค ที่อยู่ทางเหนือสุดของช่องแคบมะละกา เมื่อเวลา 02.40 น. ของเช้าวันเสาร์ และบินอยู่บนความสูง 35,000 ฟุต ต่ำกว่าระดับความสูงก่อนหน้านี้ ประมาณ 3,280 ฟุต // นับเป็นเวลา 4 วันแล้ว หลังจากเครื่องบินได้หายสาบสูญไปแบบไร้ร่องรอย พร้อมกับผู้โดยสารและลูกเรือ 239 คน ในบริเวณน่านน้ำระหว่างมาเลเซียกับเวียดนาม ที่มาเลเซียและอย่างน้อย 10 ชาติ ร่วมกันส่งเรืออย่างน้อย 40 ลำ และเครื่องบินอย่างน้อย 30 ลำ ออกค้นหา
ตอนที่เครื่องบินขาดการติดต่อกับหอบังคับการบินพลเรือน เป็นช่วงที่เครื่องบินอยู่กลางทางระหว่างโกตา บารู กับบริเวณตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงกัวลาลัมเปอร์ และตอนใต้สุดของเวียดนาม // ตอนนี้ พื้นที่ค้นหาด้ถูกขยายออกไปทั้งบนบกตลอดแนวแหลมมาลายู น่านน้้ำนอกชายฝั่งตะวันตก และพื้นที่ทางเหนือของเกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย
ตำรวจ ระบุว่า กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่า มีผู้โดยสารหรือลูกเรือคนไหนบนเครื่องบินที่มีปัญหาส่วนตัว หรือมีอาการป่วยทางจิตบ้าง ที่อาจพอจะเอามาตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับการหายไปของเครื่องบิน รวมถึงความเป็นไปได้ว่าจะถูกจี้ไปลงที่อื่น , การถูกก่อวินาศกรรม หรือเครื่องยนต์ขัดข้อง และแม้ว่า อินเตอร์โพลล์ หรือ ตำรวจสากล จะไม่เห็นด้วยกับประเด็นการก่อการร้าย แต่สำนักข่าวกรองกลางของสหรัฐ หรือ ซีไอเอ ไม่อาจตัดความเป็นไปได้ในประเด็นนี้
ตำรวจ ระบุว่า อาจมีใครบางคนบนเครื่องบิน ซื้อประกันไว้ด้วยวงเงินจำนวนมาก และต้องการให้ครอบครัวได้รับสิทธิประโยชน์จากเงินประกันก้อนนี้ หรืออาจจะมีใครบางคนกำลังมีปัญหาติดหนี้สินก้อนโต ซึ่งเป็นประเด็นที่ไม่อาจมองข้ามความเป็นไปได้ รวมถึงมีการตรวจสอบอย่างใกล้ชิดต่อภาพวิดีโอจากกล้องวงจรปิดที่สนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ เพื่อศึกษารูปแบบพฤติกรรมของผู้โดยสารทุกคน

ปรับแผนค้นหา ขยายไปถึงทะเลอันดามัน
นานาชาติปรับแผนการค้นหาเครื่องบินมาเลเซีย หลังมีรายงานว่าเครื่องบินที่มุ่งหน้าไปจีนอาจหันหัวกลับไปยังมาเลเซีย โดยจะขยายพื้นที่ค้นหาไปยังทะเลอันดามัน ขณะที่เวียดนามขอลดการบินค้นหาในวันนี้และระงับภารกิจทางทะเล ท่ามกลางเสียงวิจารณ์มากขึ้นว่ามาเลเซียให้ข้อมูลสับสนและปกปิดรายละเอียดเกี่ยวกับตำแหน่งสุดท้ายของเที่ยวบิน
อาซารุดดิน อับดุล เราะห์มาน อธิบดีกรมการบินพลเรือน แถลงวันนี้ว่า เรือและเครื่องบินของนานาชาติจะขยายการค้นหาไปยังบริเวณตอนใต้ของทะเลอันดามัน เหนือเกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย โดยทะเลอันดามันอยู่นอกชายฝั่งภาคตะวันตกของไทย จุดค้นหาใหม่นี้อยู่ห่างจากจุดเดิมไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือหลายร้อยกิโลเมตร
เจ้าหน้าที่มาเลเซียขยายการค้นหาหลังอ้างข้อมูลจากเรดาร์ว่ามีความเป็นไปได้ที่เครื่องบินอาจเปลี่ยนทิศทางจากเดิมที่มุ่งหน้าไปจีน แต่ไม่ได้ให้รายละเอียด ขณะที่ตลอดการค้นหาตั้งแต่วันที่เครื่องบินหายไปในเช้ามืดวันเสาร์มุ่งเน้นในบริเวณทะเลจีนใต้ระหว่างมาเลเซียและเวียดนาม แต่ยังไม่พบร่องรอยอะไร
แหล่งข่าวทางทหารระดับสูง เปิดเผยว่า กองทัพมาเลเซียเชื่อว่า เครื่องบินยังบินอยู่นานกว่าหนึ่งชั่วโมง หลังหายไปจากจอเรดาร์ โดยเปลี่ยนเส้นทางไปทางตะวันตกเหนือช่องแคบมะละกา สื่อท้องถิ่นรายงานอ้างผู้บัญชาการทหารอากาศ รอดซาลี ดาอุด ว่า เรดาร์ทหารตรวจจับเครื่องบิน MH370 ครั้งหลังสุดเมื่อเวลา 02.40 น.วันเสาร์ ใกล้กับเกาะปูเลา เปรัค ทางเหนือสุดของช่องแคบมะละกา ขณะนั้น บินอยู่ที่ความสูงประมาณ 29,500 ฟุต (9,000 เมตร) ซี่งเวลาดังกล่าวเลยเวลาที่เครื่องบินหายจากจอเรดาร์ของหอบังคับการบินไปแล้ว 1 ชั่วโมง 10 นาที หากรายงานนี้ได้รับการยืนยัน จะหมายความว่าเครื่องบินยังคงลอยลำและบินประมาณ 500 กม. โดยที่น่าจะปิดระบบทรานสปอนเดอร์ (ระบบแจ้งตำแหน่ง) และระบบติดตามอื่นๆ
แต่ผู้บัญชาการทหารออกมาชี้แจงวันนี้ปฏิเสธรายงานข่าวที่้อ้างความเห็นของเขาเรื่องเครื่องบินหันหัวกลับ ถึงอย่างนั้นเขาก็บอกว่าไม่อาจตัดความเป็นไปได้ของประเด็นนี้
ด้านนายฟาม กาย เทือ รัฐมนตรีช่วยคมนาคมเวียดนามและหัวหน้าทีมค้นหา แจ้งวันนี้ว่า จะขอลดจำนวนเที่ยวบินค้นหาในวันนี้และระงับการล่องเรือค้นหาทางทะเลไว้ก่อน ระหว่างรอความชัดเจน หลังจากได้สอบถามมาเลเซียเรื่องข่าวเครื่องบินเปลี่ยนทิศทาง แต่ยังไม่ได้คำตอบ ขณะที่เมื่อวันอังคารเวียดนามเพิ่งเผยว่าจะเตรียมขยายการค้นหาไปทางบกในแถบภูเขาและป่าพร้อมกับเสนอค้นหาบริเวณพรมแดนระหว่างเวียดนาม ลาว และกัมพูชาด้วย ส่วนกองทัพอากาศจีนแจ้งวันนี้ว่าจะเสริมเครื่องบินสองลำเพื่อช่วยค้นหาเที่ยวบิน MH370 โดยจะมุ่งขยายการค้นหาบนบกด้วย
การปรับเปลี่ยนทิศทางการค้นหาของมาเลเซียครั้งนี้และการให้ข้อมูลที่สับสนขัดแย้งกันหลายครั้งยิ่งสะท้อนถึงความบกพร่องของการบริหารจัดการสถานการณ์ ทำให้เกิดกระแสความไม่พอใจและเสียงวิจารณ์ในสื่อและโลกสังคมออนไลน์อย่างกว้างขวางต่อปฏิบัติการค้นหาที่ล้มหลว
เว็บไซต์มาเลเซียน อินไซเดอร์ ระบุว่า อารมณ์ของชาวมาเลเซียเริ่มเปลี่ยนจากความอดทนต่อการค้นหาที่ผ่านไป 4 วันแล้วโดยไม่พบอะไร เป็นความอับอายและความโกรธเคืองต่อการปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งสุดท้ายของเครื่องบิน
สั่งสอบกรณีนักบินผู้ช่วยพาผู้หญิงเข้าห้องกัปตัน
สายการบินมาเลเซีย แอร์ไลนส์ กำลังสอบสวน ภาพที่ปรากฏออกมาตามสื่อต่างประเทศ ที่แสดงให้เห็นผู้ช่วยนักบิน MH370 ถ่ายรูปกับสาวชาวออสเตรเลียภายในห้องนักบิน และตามรายงานบอกว่า นายฟาริก อับดุล ฮามิด ผู้ช่วยนักบิน วัย 27 ปี ได้เชิญผู้โดยสารสาวชาวออสเตรเลียมาโดยสารในห้องนักบินตลอดทั้งเที่ยวบินระหว่างกัวลาลัมเปอร์ ไปจังหวัดภูเก็ต เมื่อปี 2554
สายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ระบุในแถลงการว่า ตกใจกับรายงานข่าวที่ปรากฏในรายการทีวี A Current Affair ของออสเตรเลีย ที่ว่า ผู้โดยสารสาวที่อยู่ในภาพ มีชื่อว่า จอนที รูส และเพื่อนสาวของเธอ ได้รับเชิญจากนายฟาริก ขณะที่กำลังรอขึ้นเครื่อง ให้เข้าไปในห้องนักบินตลอดระยะเวลาการเดินทาง แต่มาเลเซีย แอร์ไลน์ส ระบุว่า ยังต้องรอการตรวจสอบภาพนี้
ภาพที่ปรากฏออกมา ทำให้เกิดคำถามถึงความเหมาะสมของผู้ช่วยนักบินคนนี้ หากว่าเขาเชิญผู้โดยสารสาวให้เข้ามาในห้องนักบินจริง ซึ่งเป็นเหตการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า มันจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายไปของเที่ยวบิน MH370
นับตั้งแต่เกิดเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน / ผู้โดยสารจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปยังห้องนักบินโดยเด็ดขาดบนเที่ยวบินระหว่างประเทศ / และกฎระเบียบของสายการบินในมาเลเซีย ก็ระบุไว้ว่า ประตูของห้องนักบินจะต้องถูกล็อก และจะเปิดได้จากด้านในเท่านั้น
'ผู้นำมาเลย์' ขอให้ทุกฝ่ายอดทนในระหว่างรอการค้นหา
นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ของมาเลเซีย ได้วิงวอนให้ทุกฝ่ายอยู่ในความสงบและอดทน ในขณะที่กำลังใช้ปฏิบัติการค้นหาเครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 777-200 เที่ยวบิน MH 370 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ที่สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย พร้อมกับผู้โดยสารและลูกเรือ 239 คน
นายนาจิบ ได้เรียกร้องให้ชาวมาเลเซีย ให้กำลังใจรัฐบาลและร่วมกันสวดมนตร์ขอพรให้ได้รับข้อมูลที่สามารถนำไปสู่การค้นพบเครื่องบินในเร็วๆ นี้ เขาให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ว่ารัฐบาลกำลังทำทุกอย่างทั้งเพิ่มเครื่องไม้เครื่องมือ , เครื่องบิน และเรือที่ติดตั้งอุปกรณ์ที่ทรงประสิทธิภาพ ซึ่งเขามั่นใจว่าจะต้องพบเครื่องบินในไม่ช้า แต่ปัญหาก็คือ เมื่อเราตกอยู่ภายใต้สถานการณ์กดดัน เราต้องอดทน และสวดมนตร์

เพื่อนชาย 2คน ที่ใช้พาสปอร์ตปลอม เล่าเหตุการณ์คืนสุดท้ายก่อนบิน
นายโมฮัมหมัด มัลลาไอบาซีร์ นักศึกษาวัย 18 ปี เปิดเผยต่อสถานีโทรทัศน์ เอบีซี นิวส์ ว่า เขาเป็นเพื่อนของชาวอิหร่าน 2 คน ที่ใช้พาสปอร์ตปลอมโดยสารเครื่องบินโบอิ้ง 777-200 เที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส และทั้ง 2 คน ได้นอนค้างที่บ้านของเขา ก่อนจะขึ้นเครื่องบินที่ล่องหนหายไปอย่างไร้ร่องรอย
นายโมฮัมหมัด บอกว่า เขาเป็นนักศึกษาที่อาศัยอยู่ในมาเลเซีย และเคยไปเรียนไฮสกูลกับหนึ่งในชาวอิหร่าน ที่เชื่อว่าถือพาสปอร์ตปลอมเดินทางไปกับเที่ยวบินที่สูญหาย ส่วนชายคนที่ 2 เป็นเพื่อนของเพื่อน // เขาบอกด้วยว่า คนที่เป็นเพื่อนของเขา คือ นายพูเรีย นูร์ โมฮัมมาดี วัย 19 ปี ส่วนเพื่อนของเพื่อน คือ นายเรซา เดลาวาร์ วัย 29 ปี // นายโมฮัมหมัด บอกอีกว่า เขาไม่พบหน้านายพูเรียมานาน 2 ปี ก่อนที่นายพูเรียจะพานายเรซา ไปค้างคืนกับเขาเมื่อวันศุกร์ และเขาเป็นคนขับรถไปส่งทั้งคู่ที่สนามบิน ซึ่งพวกเขาใช้พาสปอร์ตปลอมที่ขโมยมาจากชาวอิตาเลียน และชาวออสเตรีย เพื่อขึ้นเครื่องบินในเช้าตรู่วันเสาร์ // นายโมฮัมหมัด บอกว่า ตอนนั้นเขาไม่ทราบเรื่องพาสปอร์ตปลอม จนกระทั่งมีข่าวออกมาและมารดาของนายพูเรีย ได้โทรศัพท์ไปเล่าให้เขาฟัง เขาจึงได้โทรศัพท์แจ้งไปยังสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส
เครื่องบินได้ขาดการติดต่อกับหอบังคับการบิน และหายไปจากจอเรดาร์ประมาณ 1 ชั่้วโมง จนเกิดปฏิบัติการค้นหาครั้งใหญ่ ด้วยความหวังว่าจะพบร่องรอยของเครื่องบินในน่านน้ำระหว่างมาเลเซียกับเวียดนาม // แหล่งข่าวด้านการบังคับใช้กฎหมาย เปิดเผยต่อเอบีซี นิวส์ว่า ตั๋วเครื่องบินของชายทั้งสองคน ถูกซื้อโดยชายชาวอิหร่านชื่อ อาลี
นายโมฮัมหมัด บอกว่า ตอนที่นายพูเรียกับนายเรซา พักอยู่ที่บ้านเขา เขาได้ยินพวกเขาคุยกับคนชื่ออาลีทางโทรศัพท์ และพูดภาษาเปอร์เซีย // นอกจากนี้ยังพบว่า ตอนแรกทั้งสองคนตั้งใจจะอยู่มาเลเซียเพียง 3 วัน แต่แล้วก็อยู่นานหนึ่งสัปดาห์ และที่พวกเขาไปหานายโมฮัมหมัด ก็เพราะเห็นว่ามีรถ และต้องการให้ไปส่งพวกเขาที่สนามบิน
นายโมฮัมหมัด บอกว่า เขาไปเรียนไฮสกูลที่กรุงเตหะรานกับนายพูเรียเมื่อ 2 ปีก่อน แต่เขากลับมาศึกษาต่อด้านเทคโนโลยีสารสนเทศธุรกิจที่มาเลเซีย ส่วนนายเรซา เขาเพิ่งรู้จักตอนที่มาบ้านเขาพร้อมกัาบนายพูเรีย ซึ่งบอกกับเขาว่า อาจจะไปเยอรมนีหรือไม่ก็กรุงโคเปนเฮเก้น เพื่อไปเยี่ยมมารดา เนื่องจากมีปัญหาในครอบครัว
นายโมฮัมหมัด ได้บรรยายสภาพการเดินทางของนายพูเรียว่า สะพายเป้แบบนักไต่เขา และแล็ปท็อป ส่วนนายเรซา ถือกระเป๋าเดินทางและแล็ปท็อป // เมื่อไปส่งที่สนามบินแล้ว นายโมฮัมหมัด ได้โทรเข้าโทรศัพท์มือถือของทั้งสองคน และพบว่า นายพูเรียรับแต่รีบวางหู และเขาได้คุยกับนายเรซาราว 3 นาที

ญาติผู้โดยสารจีนไม่รับเงินช่วยเหลือจากสายการบิน
ญาติผู้โดยสารชาวจีนบางคนบนเที่ยวบิน MH 370 ปฏิเสธที่จะรับเงินช่วยเหลือเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายระหว่างรอติดตามข่าวการค้นหาเครื่องบิน หลังจากไม่พอใจที่การค้นหาเครื่องบินไม่มีผลคืบหน้า และไม่มีการให้ข้อมูลอย่างละเอียด
สายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ได้เสนอให้เงินช่วยเหลือแก่ครอบครัวผู้โดยสารรายละ 31,000 หยวน หรือราว 1 แสน 5 หมื่น 5 พันบาท เพื่อสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นระหว่างรอในกรุงปักกิ่งเพื่อติดตามความคืบหน้าของการค้นหาเที่ยวบิน MH 370 ที่มีผู้โดยสารชาวจีนมากถึงกว่า 150 คน
แต่มีรายงานว่าญาติบางคนไม่ยอมรับเงินจำนวนนี้ โดยญาติของผู้โดยสารคนหนึ่งจากมณฑลซานตง บอกว่า ไม่ได้สนใจเรื่องเงิน แต่ตอนนี้ต้องการอยากรู้เรื่องชะตากรรมของผู้โดยสารบนเครื่องบิน และอยากให้พวกเขากลับมาอย่างปลอดภัย
ขณะที่อิกเนเชียส อ่อง หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่จากสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ที่เป็นหนึ่งในคณะเจ้าหน้าที่ชุดประสานงานจากมาเลเซียในจีนขณะนี้ ปฏิเสธข่าวที่ระบุว่ามีญาติผู้โดยสารบางคนไม่รับเงิน
ทั้งนี้มาเลเซีย แอร์ไลนส์ เสนอจัดเที่ยวบินให้ให้ญาติสองคนของผู้โดยสารแต่ละรายไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์เพื่อให้ใกล้กับจุดค้นหาเครื่องบินด้วย
ตลอดหลายวันที่ผ่านมาญาติหลายคนรวมตัวกันที่โรงแรมใกล้สนามบินในกรุงปักกิ่ง เพื่อรอฟังข่าวด้วยความกระวนกระวายใจท่ามกลางการจับตามองของสื่อมวลชน และบางคนยอมรับว่าบุคคลที่เป็นที่รักอาจไม่รอดชีวิตแล้ว โดยคนหนึ่งบอกว่า พร้อมทำใจยอมรับสิ่งที่เลวร้ายที่สุด แต่ตลอดหลายวันนี้ไม่สามารถนอนหลับได้เลย ขณะที่บางคน บอกว่า หวังให้เหตุการณ์นี้เป็นเพียงการก่อการร้ายเพราะหมายความว่าพวกเขาจะยังมีชีวิตอยู่ ขณะที่ชายวัย 20 ปีเศษคนหนึ่งที่กังวลเกี่ยวกับชะตากรรมของพี่ชาย บอกว่า การรอคอยเป็นสิ่งที่ทรมานที่สุด
-----------------------------
(หมายเหตุ : ที่มาภาพ : EPA , AFP)