
ขึ้นอยู่กับสายป่าน'ใครสั้น ใครยาว'
27 ก.พ. 2557
สวัสดีเศรษฐกิจ : ขึ้นอยู่กับสายป่าน 'ใครสั้น ใครยาว' : โดย...สุรพล โอภาสเสถียร
มีข่าวสารอยู่เรื่องหนึ่งที่ผมเห็นว่าเป็นประเด็นที่น่าสนใจและควรเป็นอะไรที่คนที่ทำธุรกิจค้าขายต้องเร่งสำรวจตรวจสอบตนเอง รวมไปถึงลูกค้าและคนที่เราต้องติดต่อค้าขายกันด้วยนะครับ นั่นคือเรื่องของเช็คเด้ง จากรายงานข่าวระบุว่า ตัวเลขของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ระบุว่า เช็คคืนที่ระบุเหตุผลว่าไม่มีเงิน ภาษาคนค้าขายเรียกว่า "เช็คเด้ง" ในเดือนมกราคม 2557 อยู่ที่ 12,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,300 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 37% สูงสุดในรอบ 20 เดือน
ข้อมูลจากฝั่งนายธนาคารระบุว่า
1. สัญญาณด้านภาวะเศรษฐกิจในประเทศมีลักษณะหดตัวลง นั่นอาจเป็นการแสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการบางรายเริ่มมีปัญหาความสามารถในการชำระหนี้และขาดสภาพคล่อง โดยธุรกิจที่เริ่มมีความเสี่ยงเกิดปัญหาดังกล่าว แนวทางแก้ปัญหาเบื้องต้นนั้น ผู้ประกอบการจะต้องมีการลดต้นทุนการผลิต ต้องลดธุรกรรมหรือเรื่องที่ไม่จำเป็นลงให้มากที่สุด หากจำเป็นแล้วก็ต้องลดเวลาการทำงาน หรือแม้แต่ชั่วโมงการทำงานเพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดได้
2. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็ได้รับผลกระทบเพราะกำลังซื้อลูกค้าลดลง การชะลอนี้จะส่งผลเสียต่อไปยังอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่มีความเกี่ยวพัน เช่น อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ และการออกแบบตกแต่งภายในที่จะได้รับผลกระทบตามไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ธุรกิจผู้รับเหมารายเล็กได้รับผลกระทบจากโครงการภาครัฐ เพราะเป็นผู้รับเหมาช่วง เมื่อรัฐบาลไม่มีโครงการลงทุนใหม่ตามแผนงาน ย่อมทำให้ไม่มีงานใหม่เข้ามา
3. ประเด็นปัญหาสภาพคล่อง ในบางเรื่องบางมุมในแง่ของสถาบันการเงินเวลาลูกค้ามีปัญหา ธนาคารจะส่งทีมงานเข้าไปดูรายละเอียดและค้นหาสาเหตุที่แท้จริงด้วยว่าปัญหาเกิดจากอะไร ต้องไม่ลืมว่าการที่ผู้ประกอบการไม่มีวินัยทางการเงินนั้นก็จะส่งผลด้วย ในเรื่องของการเบิกเงินเกินบัญชีหรือการใช้ O/D ของลูกค้ารายย่อยนั้น ธนาคารจะระมัดระวังด้วยเกรงว่าจะมีการนำเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์การขอกู้เงิน
4. สภาพคล่องในระบบยังอยู่ในระดับสูงและเพียงพอรองรับการปล่อย โดยในส่วนของธนาคารยังเชื่อว่า เติบโตประมาณ 2 เท่าของการเติบโตทางเศรษฐกิจหรือจีดีพี ถ้าเราคิดว่าจีดีพีจะโต 3% สินเชื่อก็น่าจะโตได้ 6-7% ตามการขยายตัวเศรษฐกิจ
5. ในมุมของเครดิตบูโรเมื่อเทียบไตรมาสที่ 4 ของปี 2555 กับ 2556 ก็เห็นตัวเลขจำนวนบัญชีที่มีลักษณะเริ่มค้างชำระแต่ยังไม่เป็นหนี้เสีย คือยังค้างชำระไม่เกิน 90 วัน หรือยังไม่ค้างชำระเกิน 3 เดือน จำนวนบัญชีลักษณะนี้ เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ในมุมสุดท้าย นายธนาคารท่านหนึ่งระบุว่าในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจและอุตสาหกรรมที่ถูกประเมินว่ามีความเสี่ยง ต่างมีการเบิกใช้วงเงินเบิกเกินบัญชีเพิ่มขึ้น แต่ในทางตรงข้าม ลูกค้าในกลุ่มที่มีสภาพคล่องดีกลับดำเนินการในทางตรงข้าม คือ มีการคืนเงินที่เบิกมาใช้ เพราะต้องการเก็บวงเงินไว้เป็นกระสุนสำรองในช่วงที่เกิดปัญหาธุรกิจ ทั้งนี้ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับสายป่านว่าใครสั้น ใครยาว...โปรดคำนึงประเด็นนี้ไว้ให้มากนะครับ
-----------------------
(สวัสดีเศรษฐกิจ : ขึ้นอยู่กับสายป่าน 'ใครสั้น…ใครยาว' : โดย...สุรพล โอภาสเสถียร)



