ข่าว

เสียงจากยายไฮ'หรือประเทศไทยไม่มีรัฐบาล'

เสียงจากยายไฮ'หรือประเทศไทยไม่มีรัฐบาล'

10 ก.พ. 2557

เสียงจากยายไฮ ขันจันทา 'หรือประเทศไทยไม่มีรัฐบาล' : กฤษณะ วิลามาศ , ปัญญาพร สายทองรายงาน

               ทุกข์ของชาวนา ในภาวะที่รอคอยเงินจำนำข้าว เหมือนรอคอยน้ำฝนหล่นจากฟ้า ในฤดูกาลทำนาแต่เกิดภาวะฝนแล้งอย่างหนัก

               แต่ทุกข์ของชาวนาวันนี้ซ้ำร้ายกว่านั้น เพราะเป็นชาวนายุคทุนนิยม ที่ทุกกระบวนการทำนาต้องพึ่งพาเงินทุน ทำให้ผลผลิตจากไร่นาของทุกปี ต้องเอาไปแปรรูปเป็นเงินเพื่อเอามาใช้หนี้จากนายทุนที่รออยู่

               และในกระบวนการต่อสู้ของชาวนาที่ผ่านมา หลายคนคงจำวีรกรรมของยายไฮ ขันจันทา หญิงชาวนาวัยเกือบ 80 ในช่วงนั้น ที่ออกมาต่อสู้กับรัฐ ด้วยการเรียกร้องให้คืนที่นาให้ หลังจากรัฐมาสร้างเขื่อนห้วยละห้า อ.นาตาล จ.อุบลราชธานี ทำให้น้ำท่วมที่นาของยายไฮไปแทบทั้งหมด

               ภาพยายไฮที่ถือจอบ ถือเสียม เพื่อพาลูกหลานไปขุดดินสันเขื่อนเพื่อปล่อยน้ำออกจากเขื่อน เพื่อให้เหลือที่นาของยาย คงยังอยู่ในความทรงจำของหลายคน และหลังจากนั้นไม่นาน ยายไฮก็ได้ที่นากลับมาให้ลูกหลานทำกิน และเลี้ยงครอบครัวเรื่อยมา

               แต่อนิจจา ผลผลิตจากที่นาของยายไฮในวันนี้ ลูกหลานได้นำไปเข้าโครงการจำนำข้าวของรัฐบาล กลับไม่ได้เงินกลับมา ทำให้พวกเธอต้องเดือดร้อนหนัก จนลูกสาวคนเล็ก "เพชร ขันจันทา" ต้องออกไปชุมนุมกับสมาชิกชาวนาทั่วประเทศ เพื่อให้รัฐบาลเร่งดำเนินการเอาเงินค่าจำนำข้าวมาให้

               และวันนี้ ยายไฮ ขันจันทา ในวัย 86 ปี นักต่อสู้เขื่อนห้วยละห้า ชาวนาพันธุ์แท้ ต้องออกมาต่อสู้ร่วมกับชาวนาทั่วประเทศ โดยเรียกร้องรัฐให้เร่งจ่ายเงินจำนำข้าว อย่าโกหกไปวันๆ

               "เอาข้าวเขาไป ต้องจ่ายเงินเขา เกิดมาจนป่านนี้ ยังไม่เคยพบเคยเห็น ชาวนาขายข้าวแล้วไม่ได้เงิน ลูกหลานจะพากินอะไร ขอให้รัฐบาลคิดเห็นใจชาวนาที่เป็นกระดูกสันหลังประเทศชาติ เอาข้าวไปแล้วทำไมไม่จ่ายเงิน หรือประเทศไม่มีรัฐบาล ทำไมรัฐบาลไม่ขายข้าวออกให้นายทุน แล้วนำเงินมาใช้ให้แก่ชาวนา" ยายไฮ บอก

               ยายไฮเล่าอีกว่า ตอนนี้ครอบครัวของชาวนาผู้ขายข้าวให้รัฐบาล ต้องการเงินที่จะนำไปใช้จ่ายในครัวเรือน ไม่ว่าจะเป็นค่าอาหารรายวัน และค่ารถไถนา ก็ยังไม่ได้จ่ายเลย และครอบครัวของตน นำข้าว 4 ตันไปจำนำกับเขาด้วย หากได้เงินก็จะได้ประมาณ 6 หมื่นบาท จะได้ไปจ่ายค่าไถนา พร้อมทั้งค่าปุ๋ย และใช้ต่างๆ ในครัวเรือน

               อาชีพทำนา ก็ต้องรอเงินจากการขายข้าวเท่านั้น ชาวนากว่าจะได้ข้าวมากินนี้ ชีวิตช่างลำบากแสนเข็ญ ต้องตื่นนอนตั้งแต่ตี 1 ผัวลุกขึ้นมาไถและคราดนา ส่วนเมียต้องดูลูก พร้อมกับเตรียมสำรับกับข้าวไว้กิน จากนั้นภรรยาจึงจะได้ออกไปช่วยสามีปักดำนาทำนา จนถึงบ่าย จึงจะได้กินข้าวเที่ยงอีกครั้ง และพอบ่าย 3 โมง ผู้เป็นสามีก็จะต้องเตรียมควายเข้าสู่ไถ เพื่อเป็นการไถไว้ปักดำในวันต่อไป ส่วนผู้เป็นเมียก็จะลงถอนต้นกล้าไปจนถึงมืดค่ำ จึงได้ขึ้นจากแปลงนา เป็นอย่างนี้ทุกวัน ไม่ว่าฝนจะตก แดดจะออก ก็ต้องทน ชนิดหลังสู้ฟ้า และหน้าสู้ดิน ทำทุกวัน จนกว่าจะปักดำกันแล้วเสร็จ ซึ่งจะต้องใช้เวลานานแรมเดือนกว่าจะได้ผลผลิตออกไปขายเพื่อเอาเงินมาใช้จ่ายในครอบครัวและเงินนี้จะต้องเก็บเอาไว้ใช้ทั้งปี

               แต่การทำนาก็จะต้องแล้วแต่ผืนนาใครจะมากน้อย รวมใช้เวลาในการทำนากว่าจะเป็นเมล็ดข้าวรอขึ้นยุ้งฉาง ต้องใช้เวลานานถึง 6 เดือน และหลังจากแบ่งไว้กินในครัวเรือนแล้ว ส่วนที่เหลือก็จะนำไปขาย โดยได้เข้าโครงการตามที่รัฐบาลกำหนด

               ในขณะที่ นายยงยุทธ นวะนิยม วัย 45 ปี ลูกเขยยายไฮเอง ก็รอคอยเงินจากรัฐบาล โดยส่งภรรยาคือ เพชร ขันจันทา ไปต่อสู้เรียกร้องร่วมกับชาวนา

               นายยงยุทธ เล่าว่า การทำนาของชาวนานั้นไม่ได้มาอย่างสบาย แต่ต้องหลังขดหลังแข็งเพื่อให้ข้าวออกมาเป็นรวงข้าว เป็นข้าวเปลือกแล้วนำไปขายใช้เงินในครอบครัว ต้องดูแลตั้งแต่การเตรียมพื้นนา การเตรียมพันธุ์ข้าว การทำนาแต่ละขั้นตอนต้องอาศัยความเอาใจใส่ เพื่อให้ออกมาเป็นข้าวให้ประชาชนได้กิน ชาวนาต้องลงทุนลงแรงไปก่อน อย่างของตนเอง มีค่าใช้จ่ายในการทำนาประมาณ 6 หมื่นบาทกว่าบาท ค่าแรง ค่าปุ๋ย ค่ายา ค่าน้ำมัน ค่าเครื่องสูบน้ำ และยังต้องยืมเงินประมาณ 3 หมื่นจากเงินกองทุนหมู่บ้านเพื่อมาทำนา เป็นครอบครัวเล็กที่นา 20 ไร่ ซึ่งได้ข้าวประมาณ 6 ตัน ขาย 4 ตันกว่า บางคนก็ไปเอาจาก ธ.ก.ส. ทุนหมู่บ้าน สหกรณ์ เพื่อมาลงนากัน

               "ผมยังไม่ได้รับเงินจากโครงการจำนำข้าวตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2556 ก็เป็นเวลา 4 เดือนแล้วที่ยังไม่ได้ ทั้งๆที่มีค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันตลอดเวลา อย่างค่าเล่าเรียนของลูกทั้ง 2 คน ทุกวันนี้ต้องขอพี่น้องมาจุนเจือครอบครัวไปก่อน เฉลี่ยแล้วรายจ่ายประมาณ 1 หมื่นบาทต่อเดือน รัฐบาลนำข้าวของชาวนาไปแต่ไม่ให้เงิน ไม่เคยเห็น เกิดมาเพิ่งพบ ขายข้าวไม่ได้เงิน เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราคงทนไม่ไหวต้องลุกขึ้นมาเรียกร้อง

               และนี่คือเสียงสะท้อนของชาวนา แม้จะเป็นเพียงสองคนที่เดือดร้อน แต่เป็นตัวแทนของชาวนากลุ่มใหญ่ที่เป็นกระดูกสันหลังของชาติ เพราะทุกวันนี้กระดูกสันหลังของชาติกลุ่มนี้ พวกเขากำลังจะอยู่ไม่ได้แล้ว

............................

(หมายเหตุ : เสียงจากยายไฮ ขันจันทา 'หรือประเทศไทยไม่มีรัฐบาล'   : กฤษณะ วิลามาศ , ปัญญาพร สายทองรายงาน)