ข่าว

ตรวจแถวขุมกำลัง'ชุดจู่โจม'ตำรวจ

ตรวจแถวขุมกำลัง'ชุดจู่โจม'ตำรวจ

29 ม.ค. 2557

ตรวจแถวหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ขุมกำลัง'ชุดจู่โจม'ตำรวจ : ทีมข่าวอาชญากรรม

             ทันทีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบ (ผอ.ศรส.) ประกาศขีดเส้นตายให้กลุ่มผู้ชุมนุมออกจากสถานที่ราชการภายใน 72 ชั่วโมง หากยังคงฝ่าฝืนจะจัดส่งกำลังหน่วยจู่โจม บุกเข้าจับกุมผู้ชุมนุมเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาว่า ร.ต.อ.เฉลิม จะมีกองกำลังไว้ปฏิบัติหน้าที่รองรับท่าทีที่แข็งกร้าวของ ผอ.ศรส. หรือไม่

             เป็นที่ทราบกันดีในหมู่ผู้ปฏิบัติว่า ศูนย์รักษาความสงบ ซึ่งเกิดขึ้นตามประกาศของรัฐบาลรักษาการชุดนี้ ไม่ได้รับการยอมรับจากกองทัพมากนัก เห็นได้จากรายชื่อที่ปรากฏอยู่ในคณะกรรมการ ศรส. ในส่วนของผู้นำเหล่าทัพ แทนที่จะระบุชื่อผู้บัญชาการเหล่าทัพต่างๆ อย่างที่ควรเป็น กลับมีระบุเพียงผู้แทนผู้บัญชาการเหล่าทัพเท่านั้น แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า "หน่วยจู่โจม" ที่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวถึง คงไม่ใช่กองกำลังที่มาจากฝ่ายทหารเป็นแน่

             ดังนั้น หน่วยงานที่พร้อมในการขับเคลื่อนปฏิบัติการ "จู่โจม" จับผู้ชุมนุม ให้บรรลุตามเป้าหมายของ ร.ต.อ.เฉลิม คือ หน่วยงานที่อยู่ในสังกัดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

             พิจารณาตามคำสั่งกองกำลังรักษาความสงบ ฉบับที่ 1/2537 ว่าด้วยเรื่องมอบหมายหน้าที่และความรับผิดชอบในกองกำลังรักษาความสงบ ซึ่งลงนามโดย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบ เมื่อเร็วๆ นี้ หน่วยงานที่มีศักยภาพที่จะปฏิบัติภารกิจ "จู่โจม" จับกุมผู้ชุมนุมได้ มีการเตรียมความพร้อมไว้เรียบร้อยแล้ว

             หน่วยกำลังที่ถูกวางไว้สำหรับปฏิบัติภารกิจ "จู่โจม" จับกุมกลุ่มผู้ชุมนุมมีอยู่ 5 หน่วยงาน คือ 1.ชุดปฏิบัติการพิศษนเรศวร 261 สังกัดกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน, 2.ชุดปฏิบัติการพิเศษอรินทราช 26 สังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล, 3.ชุดปฏิบัติการสยบไพรี ของกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด, 4.ชุดปฏิบัติการสยบริปูสะท้าน สังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ 5.ชุดปฏิบัติการพิเศษปราบไพรีอริศัตรูพ่าย สังกัดกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ซึ่งกองกำลังทั้ง 5 หน่วย พล.ต.อ.อดุลย์ มีคำสั่งให้เตรียมพร้อมปฏิบัติหน้าที่มาระยะหนึ่งแล้ว

             กองกำลังหน่วยปฏิบัติการพิเศษดังกล่าว อยู่ในความควบคุมของ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผบ.ตร. ซึ่งรับบทบาทหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษ มี พล.ต.ท.ปริญญา จันทร์สุริยา ผบช.ประจำสำนักงานผบ.ตร. ทำหน้าที่เชี่ยวชาญด้านสืบสวน เป็นรองหัวหน้า และมี พล.ต.ต.ศรกฤษ แก้วผลึก ผบก.ฝรก. เป็นประจำชุด 

             แหล่งข่าวระดับสูงในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ข้อมูลว่า หากพิจารณาจากกองกำลังหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่จะถูกเลือกมาปฏิบัติหน้าที่หน่วยจู่โจมในลำดับแรกๆ คือ หน่วยปฏิบัติการพิเศษอรินทราช 26 ซึ่งมีความเชี่ยวชาญการใช้อาวุธและยุทธวิธีพิเศษ ได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี มีขีดความสามารถในการปฏิบัติการพิเศษต่อภัยคุกคามที่เป็นอาชญากรรม และการก่อการร้าย ด้วยการแย่งชิงตัวประกัน การจับกุม ตามแนว “การบริหารวิกฤติการณ์” ซึ่งการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่ม กปปส. ในครั้งนี้อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของหน่วยอรินทราช 26 โดยตรง เพราะอยู่ในพื้นที่เมืองหลวง และปริมณฑล

             หน่วยอรินทราช 26 เป็นหน่วยปฏิบัติการพิเศษระดับกองร้อย สังกัดกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (191) ขึ้นตรงกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งปัจจุบันมี "บิ๊กแจ๊ด" พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง เป็นผบช.น. หน่วยงานนี้ได้รับการฝึกอบรมอย่างเข้มข้นเป็นระยะ มีอุปกรณ์ครบมือ เช่น ปืนยิงแห, ปืนไฟฟ้า, ปืนพก, ปืนลูกซอง, ปืนกลเบา, ปืนไรเฟิล, ระเบิดมือ, รวมถึงอุปกรณ์ต่อต้านการจลาจล

             นอกจากสถานการณ์อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบแล้ว การเลือกหน่วนอรินทราช 26 เป็นชุดปฏิบัติการลำดับแรกๆ เนื่องจาก ทั้ง พล.ต.อ.วรพงษ์ และ พล.ต.ท.ปริญญา เคยเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของหน่วยอรินทราช 26 มาก่อน ทั้งในตำแหน่งผบช.น. ซึ่ง พล.ต.อ.วรพงษ์ เคยทำหน้าที่ และในตำแหน่งรองผบช.น. ที่ พล.ต.ท.ปริญญา เคยทำหน้าที่ ทำให้มีความคุ้นเคยกับทีมปฏิบัติการเป็นอย่างดี
 
             ถัดมาคือหน่วยปฏิบัติการพิเศษนเรศวร 261 เป็นหน่วยที่มีขีดความสามารถในการยุทธ์เคลื่อนที่ทางอากาศ การยุทธส่งทางอากาศ การรบพิเศษ และการปฏิบัติการพิเศษ เพื่อตอบโต้ต่อภัยคุกคามที่เป็นทหาร และไม่ใช่ทหาร ในการสงครามพิเศษ และการแก้ไขปัญหา การก่อความไม่สงบ, การก่อการร้าย ทุกรูปแบบ ด้วยการปฏิบัติการปกปิด มีพื้นที่รับผิดชอบปฏิบัติการทั่วประเทศ มีความเชี่ยวชาญในการจู่โจมทางอากาศ ซึ่งเหมาะกับภารกิจจู่โจมชิงตัวแกนนำโดยวิธีการโรยตัวจากที่สูง ซึ่งหน่วยงานนี้มีการฝึกฝนภารกิจดังกล่าวเป็นระยะ

             นเรศวร 261 ประกอบกำลังในลักษณะกองร้อยปฏิบัติการพิเศษ (ร้อย.ปพ.) จำนวน 3 กองร้อย, กองร้อยกู้ชีพ และงานเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด ขึ้นตรง บก.สนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ขณะที่ทางยุทธการ ขึ้นตรงกับศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้าย กองบัญชาการกองทัพไทย

             ขณะที่ชุดปฏิบัติการพิเศษสยบไพรี ของ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) น่าจะเป็นชุดปฏิบัติการถัดมาที่ ศรส. เลือกใช้ เนื่องจากเป็นหน่วยงานในสังกัดซึ่งเป็นที่ตั้งของ ศรส.ในขณะนี้ เดิมชุดปฏิบัติการพิเศษสยบไพรี ก่อตั้งขึ้นเพื่อทำหน้าที่กวาดล้างคดีอาชญากรรมและยาเสพติด มีขีดความสามารถในการต่อสู้และปราบปรามผู้ก่อการร้าย ผ่านการฝึกอบรมจากหลายหน่วยงาน อาทิ ศูนย์สงครามพิเศษกองทัพบก กรมนาวิกโยธิน กองทัพเรือ กรมปฏิบัติการพิเศษ หน่วยบัญชาการอากาศโยธินกองทัพอากาศ และหน่วยรบพิเศษจากต่างประเทศ ดีอีเอ ของหน่วยงานยาเสพติดประเทศสหรัฐอเมริกา

             ถัดมาคือ หน่วยปฏิบัติการพิเศษปราบไพรีอริศัตรูพ่าย สังกัดกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 อาจจะถูกเรียกใช้เช่นกัน แม้หน่วยนี้จะยังไม่ค่อยคุ้นชื่อ แต่กองกำลังมีศักยภาพในปฏิบัติภารกิจจู่โจมไม่แพ้กัน ทั้งการจู่โจมทางอากาศ มีความเชี่ยวชาญในการโรยตัวเข้าอาคาร และปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็วในการรักษาความสงบเรียบร้อย ที่ผ่านมามีการฝึกฝนจำลองเหตุการณ์สถานการณ์ความวุ่นวายจากการชุมนุมทางการเมืองมาเป็นระยะ หน่วยนี้มีกำลังประมาณ 2 กองร้อย ปัจจุบันขึ้นตรงต่อ พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ ผบช.ภ.1 ซึ่งมีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับฝ่ายการเมืองขั้วอำนาจในปัจจุบัน

             อีกชุดคือ ชุดปฏิบัติการพิเศษสยบริปูสะท้าน ประกอบกำลังจากหน่วยคอมมานโดกองปราบปราม เป็นหน่วยงานที่มีขีดความสามารถในการต่อสู้สูง มีขอบเขตการปฏิบัติงานทั่วประเทศ เหมาะกับภารกิจจู่โจมเพื่อระงับเหตุฉุกเฉิน หรือปราบจลาจล การก่อวินาศกรรม การจับกุมคนร้ายที่มีอาวุธร้ายแรง แต่มีการคาดการณ์ว่าหน่วยนี้น่าจะถูกเรียกใช้ในลำดับท้ายสุดของชุดปฏิบัติการพิเศษทั้ง 5 หน่วย เนื่องจากระยะหลังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางมีนโยบายเน้นงานมวลชน มีการนำทฤษฎีตำรวจผู้รับใช้ชุมชนมาใช้ปฏิบัติงานใกล้ชิดกับประชาชน การปฏิบัติภารกิจจู่โจมที่มีเป้าหมายที่สุ่มเสี่ยงกับการกระทบกระทั่งกับมวลชน หน่วยนี้อาจลดบทบาทลง

             อย่างไรก็ตาม มีกระแสข่าวหนาหู สะพัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า ภารกิจ "จู่โจม" จับกุมผู้ชุมนุม ที่ ร.ต.อ.เฉลิม ประกาศด้วยท่าทีที่แข็งกร้าวอาจเป็นหมัน เนื่องจากตำรวจระดับผู้ปฏิบัติไม่มั่นใจในสถานะของรัฐบาลรักษาการ อีกทั้งภารกิจการ "จู่โจม" จับกุมผู้ชุมนุม ท่ามกลางมวลชนจำนวนมากนั้น เสี่ยงจะเกิดเหตุการณ์บานปลายจนนำไปสู่ความสูญเสีย

             อีกทั้งมีการประเมินว่า ในกลุ่มผู้ชุมนุมเองมีหน่วยงานบางหน่วยที่มีขีดความสามารถในการต่อสู้ พร้อมต่อต้านปฏิบัติการต่างๆ ของตำรวจ หากเกิดปฏิบัติการขึ้นจริง อาจเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรง ซึ่งจะนำไปสู่ความสูญเสียทั้งสองฝ่าย


            ................

(หมายเหตุ : ตรวจแถวหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ขุมกำลัง'ชุดจู่โจม'ตำรวจ : ทีมข่าวอาชญากรรม)