
ค้นตึกร้าง'บรรทัดทอง'พบอาวุธอื้อ
17 ม.ค. 2557
'ทหาร-การ์ด' เข้าตรวจตึกร้างย่าน'บรรทัดทอง' พบอาวุธอื้อ
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 17 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเหตุปาระเบิดถล่มขบวนกปปส. นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส.บนถนนบรรทัดทอง ว่า ล่าสุดขบวนของนายสุเทพ เคลื่อนขบวนไปถึงสวนลุมพินีแล้ว ท่ามกลางการคุมเข้มของการ์ดกปปส.ที่ดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวดขึ้น
ขณะที่ พล.ต.ต.วัลลภ ประทุมเมือง ผบก.น. 6 และสารวัตรทหาร ได้เข้าพื้นที่เกิดระเบิดในอาคารร้าง 3 ชั้น ในซอยจุฬา 4 ที่เคยเป็นอาคารพาณิชย์และถูกจุฬาฯ เข้ายึดตึกดังกล่าว โดยพบสลักระเบิดตกอยู่ กำลังรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานและหน่วยตรวจสอบวัตุระเบิดเข้ายืนยันชนิดของระเบิด นอกจากนี้ ยังพบรถกระบะดีแมกซ์ ทะเบียน ฒฉ 3679 กรุงเทพมหานคร ที่เป็นรถขยายเสียง ซึ่งถูกระเบิดปาใส่ทำให้ยางแตก
ล่าสุด เมื่อเวลา 14.50 น. หน่วยตรวจสอบวัตถุระเบิดสรรพวุธทหารบกได้เข้าพื้นที่อาคารร้าง เพื่อตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้ว โดยไม่มีตำรวจร่วมตรวจสอบ เนื่องจากผบก.น.6 เดินทางกลับไปก่อน ภายหลังฝ่ายแกนนำกปปส.ระบุต้องการให้ทหารเข้าตรวจสอบเพียงหน่วยเดียว เพราะไม่ไว้วางใจตำรวจ
ผู้สื่อข่าวรายงานล่าสุด เมื่อเวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่สรรพาวุธทหารบกได้ตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุเสร็จแล้ว โดยอนุญาตให้ผู้สื่อข่าวโทรทัศน์ 2 ช่องเข้าไปบันทึกภาพเท่านั้น โดยหลังบันทึกภาพออกมาแล้ว ช่างภาพให้ข้อมูลกับเพื่อนผู้สื่อข่าวว่า ในการตรวจสอบของทหารนอกจากพบสลักระเบิดแล้ว ยังพบอาวุธสงครามและกระสุนปืนจำนวนหนึ่ง ส่วนรายละเอียดทหารจะขอให้ผู้บังคับบัญชาเป็นผู้แถลง
"อีโอดี"ระบุ ระเบิดที่บรรทัดทองเป็นของจีน ไม่มีใช้ในไทย
พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผกก.กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจสอบพิสูจน์วัตถุระเบิด บช.น. เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบในจุดเกิดเหตุ พบหลุมระเบิดขนาดกว้างประมาณ 15 เซนติเมตร ลึกประมาณ 3 นิ้ว เจ้าหน้าที่สามารถเก็บหลักฐานซึ่งเป็นชิ้นส่วนระเบิดคือ กระเดื่องนิรภัย เศษสะเก็ดระเบิด สามารถระบุได้ว่า เป็นระเบิดสังหาร แบบขว้าง ชนิด RGD5 อนุภาพทำลายล้างรัศมี 6 เมตร เป็นระเบิดที่ผลิตและใช้ในประเทศจีน ซึ่งระเบิดดังกล่าวไม่มีใช้ในราชการทหารหรือตำรวจของประเทศไทย
"สาธิต-เชน"ตรวจสอบอาวุธที่พบในตึกร้าง
เมื่อเวลา 16.00 น.นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายเชน เทือกสุบรรณ อดีตส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งมีการพบอาวุธสงครามในตึกร้าง ถ.บรรทัดทอง หลังจากมีเหตุปาระเบิดขบวนนายสุเทพ ท่ามกลางกลุ่มผู้ชุมนุมที่มารอดูเหตุการณ์เป็นจำนวนมาก
ต่อมาเวลา 17.30 น.นายเชน ได้ให้การ์ดกปปส.ขนอาวุธและอุปกรณ์ต่างๆ ออกมาตั้งโต๊ะด้านหน้าตึกเตรียมแถลงข่าวพร้อมทหารและตำรวจอีโอดี โดยอาวุธและอุปกรณ์ที่นำมาเตรียมแถลงข่าวประกอบด้วย เสื้อสีแดง หมวกสีแดง เขียนข้อความหน่วยปฏิบัติการจู่โจม เสื้อแจ็คเก็ตขาวปักชื่อพรรคการเมืองหนึ่ง อาวุธปืนเอ็ม 16 ชนิด A1 ถอดเป็นชิ้นส่วน มีดสปาต้ายาว มีดทำครัวจำนวนหนึ่ง ถังดับเพลิง เสาอากาศ วิทยุสื่อสาร ป้ายผ้าเขียนข้อความ police แท่งเหล็กจำนวนหนึ่ง สายไฟ และอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ ท่ามกลางมวลชนที่มารอฟังการแถลงข่าวเป็นจำนวนมาก
โดยนายเชน กล่าวว่า อุปกรณ์ที่ยึดได้ทั้งหมดบางส่วนเป็นอุปกรณ์และอาวุธ เราจะไม่เก็บไว้ จะมอบให้ตำรวจไปทำการตรวจสอบทั้งหมด เราจะไม่แถลงข่าว เนื่องจากผบก.น.6 ไม่มาร่วมแถลงข่าวด้วย
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวพยายามขอให้เจ้าหน้าที่ชี้แจงถึงความชัดเจนของอาวุธที่พบ แต่ไม่มีใครให้รายละเอียด โดยบอกเพียงว่า อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบ จากนั้นตำรวจอีโอดีได้เก็บหลักฐานทั้งหมดกลับไปตรวจสอบ ส่วนผู้ชุมนุมต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน
"วรพงษ์"สงสัยอาวุธที่พบอาจเป็น "บีบีกัน"
เมื่อเวลา 18.00 น. พล.ต.อ. วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. เปิดเผยภายหลังเข้าพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ร่วมกับ พล.ต.อ. อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ. ตร.ว่า นายกรัฐมนตรี ได้ย้ำว่า อย่าใช้ความรุนแรง ส่วนการสืบสวนสอบสวนเหตุคนร้ายปาระเบิด ใส่ผู้ชุมนุม บริเวณถนนบรรทัดทองนั้น ในส่วนของการตรวจสอบตึกร้างริมถนนบรรทัดทอง ที่พบอาวุธนั้น เบื้องต้น เจ้าหน้าที่พบว่า อาวุธที่พบไม่มีที่ลั่นไก จึงสันนิษฐานว่า อาจเป็นปืนบีบีกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบ และดำเนินการสอบสวนอยู่ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่พยายามติดตามสืบสวนสอบสวนหาตัวคนร้ายมาให้เร็วที่สุด แต่บังเอิญทหารเข้าไปในพื้นที่เกิดเหตุก่อน
จากนั้น เวลา 18.30 น. นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯและรมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ว่า กรณีเกิดเหตุที่บรรทัดทองว่า ตามที่นายสุเทพพยายามกล่าวหาว่า รัฐบาลมีส่วนรู้เห็น รัฐบาลขอปฏิเสธว่า ไม่มีนโยบายที่จะทำให้ผู้ชุมนุมประท้วงได้รับบาดเจ็บ หรือใช้การกระทำรุนแรงกับผู้ชุมนุม เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เราได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ข้าราชการไม่ใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม ซึ่งข้าราชการตำรวจที่ดูแลด้านความปลอดภัย ให้ผู้ชุมนุมไม่ได้มีการพกอาวุธ และตนอยากจะถามนายสุเทพกลับว่า เส้นทางที่นายสุเทพเดินไปในการเชิญชวนประชาชนให้เข้าร่วมการชุมนุม เหตุใดนายสุเทพถึงได้เปลี่ยนเส้นทางไปยังเส้นทางที่เป็นตึกร้างก่อนเดินกลับที่พัก นายสุเทพต้องตอบสังคมให้ได้ว่า ถ้าจะไปชวนคนมาร่วมการชุมนุม ทำไมต้องเดินไปบริเวณที่มีตึกร้าง ไม่มีผู้คนอาศัย
เมื่อถามว่า ขณะนี้ ตำรวจเข้าไปพื้นที่ปะทะได้หรือไม่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ผู้บัญชาตำรวจแห่งชาติได้รายงานว่ายังเข้าไปในพื้นที่ไม่ได้ ซึ่งการประชุมในวันี้ถือเป็นการประชุมเพื่อติดตามสถานการณ์ที่กลุ่มกปปส.เดิน และถูกเปลี่ยนกระทันหัน ซึ่งตนมองว่า เรื่องดังกล่าวอาจเป็นวิถีทางที่นายสุเทพเรียกร้องความสนใจ และถือเป็นข้อสังเกตว่า เป็นการสร้างความสนใจ เพราะว่า มีความผิดปกติในการเปลี่ยนเส้นทาง และตนก็แปลกใจว่า ทำไมทหารเข้าไปในพื้นที่เร็วกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยคาดว่า อาจมีสถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นได้อีก
ผู้สื่อข่าวถามว่า คืนนี้ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์อะไรเป็นพิเศษหรือไม่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ตนได้กำชับเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังอย่างเข้มงวดมากขึ้น และให้ตำรวจเร่งสืบสวนสอบสวน เพราะขณะนี้ยังจับกุมตัวคนร้ายไม่ได้
"พฐ."เผยอาวุธที่พบเป็นปืน"บีบีกัน"
เมื่อเวลา 18.10 น.พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกศอ.รส. กล่าวถึงเหตุการณ์คนร้ายปาระเบิดใส่ขบวนของกลุ่มผู้ชุมนุมกปปส.ที่ถนนบรรทัดทอง ว่า ล่าสุด กลุ่มผู้ชุมนุมยินยอมให้ตำรวจเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้ว โดยมี พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (ผบช.สพฐ.ตร.) พล.ต.ต.วัลลภ ประทุมเมือง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 (ผบก.น.6) เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานกลาง เข้าไปร่วมตรวจสอบ ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่าอาวุธปืนที่พบทั้งหมดเป็นเพียงสิ่งเทียมอาวุธปืน หรือบีบีกัน ซึ่งหลังเมื่อตำรวจไปถึงที่ พบว่า มีการเคลื่อนย้ายพยานหลักฐานลงมาด้านล่าง ขณะเดียวกัน พบว่า ผู้ชุมนุมไปหยิบจับพยานหลักฐาน แต่เจ้าหน้าที่ พฐ.มีกระบวนการในการตรวจสอบได้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ได้สั่งการให้มีการสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีอย่างโปร่งใส และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ส่วนที่มีการระบุว่า ตำรวจปล่อยปละละเลยไม่ดูแลความปลอดภัยให้กับผู้ชุมนุมนั้น พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ในการเคลื่อนขบวนของกลุ่มผู้ชุมนุมแต่ละครั้ง ตำรวจจะมีการวางแผนการรักษาความปลอดภัย รวมทั้งอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ซึ่งตำรวจจะมีระยะห่างในการติดตาม แต่ปรากฏว่า การเคลื่อนขบวนในช่วงเช้าที่ผ่านมา กลุ่มผู้ชุมนุมได้มีการเปลี่ยนเส้นทางกะทันหัน โดยไม่ได้มีการประสานงานกับตำรวจจึงอยากขอร้องไปยังกลุ่มผู้ชุมนุมให้ประสานงานกับตำรวจก่อนที่จะมีการเคลื่อนขบวน เพื่อที่ตำรวจจะสามารถวางแผนในการรักษาความปลอดภัย รวมทั้งอำนวยความสะดวกด้านการจราจร
พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้นำเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ แต่พบว่า มีมวลชนที่ยังคงมีอารมณ์จึงถูกผลักดันไม่ให้เข้าพื้นที่ ตนจึงได้นำคณะไปรอที่ สน.ปทุมวัน ระหว่างนั้น นายเชน ได้ขึ้นไปนำของกลางที่พบในห้องลงมาแถลงข่าว โดยมี พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผกก.กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรือ EOD ร่วมสังเกตการณ์ ก่อนที่มีการส่งมอบพยานหลักฐานทั้งหมดให้กับพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ระหว่างนั้นให้ตรวจสอบพยานหลักฐานที่พบทั้งหมด พานท้ายปืน 4 อัน ประกับรองปืน 3 อัน ลำกล้อง 3 ชิ้น ด้ามจับ 3 ชิ้น แม็กกาซีน 2 อัน ขาตั้งยิง 2 ขา กล้องส่องยิง 1 อัน โดยทั้งหมดเป็นสิ่งเทียมอาวุธปืน หรือปืนบีบีกัน แต่ชิ้นส่วนสำคัญ คือ ชุดลั่นไกหายไปทำให้ใช้ยิงไม่ได้ แต่แม้ว่า มีชุดลั่นไกก็ใช้ยิงได้เพียงกระสุนปืนบีบีกันเท่านั้น ใช้กับกระสุนจริงไม่ได้ นอกจากนี้ ยังพบมีด 4 ด้าม แยกเป็นดาบยาว 2 ด้าม มีดเดินป่า 1 ด้าม และสิ่ว 1 ด้าม ขณะเดียวกัน ยังพบวิทยุสื่อสื่อสาร 3 เครื่อง
ผบช.สพฐ.ตร. กล่าวต่อว่า จากการสืบสวนทราบว่าห้องดังกล่าวเป็นที่พักของรปภ.ซึ่งทางจุฬาลงกรณ์จ้างมาดูแลพื้นที่ในช่วงระหว่างที่มีการไล่ที่ ซึ่งขณะนี้ทราบแล้วว่าเป็นใคร อยู่ระหว่างติดตามตัวของตำรวจ สน.ปทุมวัน