ข่าว

'นิติธร ล้ำเหลือ'ไขปริศนาชัตดาวน์กทม.

'นิติธร ล้ำเหลือ'ไขปริศนาชัตดาวน์กทม.

09 ม.ค. 2557

'นิติธร ล้ำเหลือ'ไขปริศนาชัตดาวน์กทม. : สัมภาษณ์พิเศษ

              หลายคนตั้งคำถามถึงบทบาท "หัวหมู่ทะลวงฟัน" ของเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. ว่าถูกวางให้เล่นบท "แรง" คู่ขนานไปกับการขับเคลื่อนของ กปปส. ในการล้มระบอบทักษิณ โดยการปะทะหลายครั้งระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับกลุ่มผู้ชุมนุมไม่มีครั้งไหนที่ไร้ชื่อพวกเราอยู่ในยุทธจักรพะบู๊
  
              "นิติธร ล้ำเหลือ" หรือ "ทนายนกเขา" ที่ปรึกษา คปท. ซึ่งมีบทบาทเป็น "แกนนำหลัก" ของกลุ่ม คปท.เปิดเผยถึงการเคลื่อนไหวชัตดาวน์ กทม. ในวันที่ 13 มกราคม อย่างน่าสนใจ ว่าการชุมนุมนิ่งๆ ไม่ก่อให้เกิดความกดดันต่อรัฐบาล ขณะเดียวกันสิ่งที่ทำก็อยู่ในกรอบสันติวิธี แต่เป็นสันติวิธีในเชิงรุกที่มีผลต่อเป้าหมายโดยตรง

              "การเคลื่อนไหวของ คปท.เป็นไปในลักษณะที่อ่านเกมล่วงหน้าและจี้ไปที่จุดที่เป็นปัญหา ซึ่ง กปปส.อาจจะมองยุทธศาสตร์ที่แตกต่างกัน ซึ่งธงของ กปปส.นั้นจะให้นำไปสู่การตั้งสภาประชาชน และใช้ปริมาณของมวลชนกดดันรัฐบาล แต่เนื่องจาก คปท.ไม่มีมวลชน จึงต้องมองในเชิงของการปฏิบัติการ แต่วิธีการขับเคลื่อนต้องไม่กระทบเป้าหมายใหญ่คือการปฏิรูปประเทศให้สำร็จ"

              ซึ่งข้อสันนิษฐานหรือข้อวิเคราะห์ของ คปท.ไม่ได้เกินความคาดหมาย แม้มวลมหาประชาชนจะออกมาเป็นหลักล้าน ก็เห็นแล้วว่านายกฯ ก็ไม่ได้ใส่ใจ กลับจะตอบโต้ด้วยความรุนแรง ทั้งยังเพิ่มเติมด้วยการใส่ร้ายป้ายสี และยังมีการใช้หน่วยงานต่างๆ เข้ามาลดทอนกำลังของประชาชน ซึ่งชัดเจนว่าปริมาณไม่สามารถทานความด้านความเหนียวของรัฐบาลได้ หมายความว่ารัฐบาลนี้ไร้ซึ่งคุณธรรม ไร้ความละอายอย่างถึงที่สุด ซึ่ง กปปส.เองก็ต้องคิดในเรื่องการเพิ่มแรงกดดัน และปฏิบัติการคือการ "ชัตดาวน์" (Shut down) กทม.ในวันที่ 13 มกราคม นี้

              "การชัตดาวน์ กทม. เพื่อเพิ่มแรงกดดันให้การสั่งการของอำนาจรัฐ หรือนายกฯ จะเข้ามาดูแลประชาชนลดต่ำลง เพื่อให้เป็นรักษาการนายกฯ ที่ล้มเหลว ซึ่งหมายความว่าย่อมมีผลกระทบกับประชาชน ซึ่งก็จะมีส่วนหนึ่งที่เสียสละยอมรับผลกระทบ และส่วนหนึ่งเข้าร่วมเพื่อสู้เลย ซึ่งส่วนนี้จะมีผลกระทบโดยตรงถึงนายกฯ ว่าจะบริหารสถานการณ์อย่างไร และคิดว่าหลังวันที่ 13 มกราคม ทิศทางจะเปลี่ยนแปลงไป นายกฯ อาจจะมีครู่หนึ่งที่คิดถึงประชาชน คิดถึงสิ่งที่ตัวเองทำไว้ ก็อาจจะยอมก็ได้"

              ที่ปรึกษา คปท. ได้ประเมินฝ่ายรัฐบาลว่า ตอนนี้ถือว่าความร่วมมือของข้าราชการต่อรัฐบาลอ่อนตัวลงไปมาก แต่ยังไม่มีความกล้าถึงขีดที่จะก้าวเท้าออกมา และคิดว่านายกฯ เองก็มองเห็นจุดเหล่านี้ ฉะนั้นก็เหลือวิธีในการทำกับมวลชนแบบการตอบโต้ด้วยความรุนแรง เพื่อหวังให้มีมวลชนบางส่วนเกิดความเกรงกลัว และหากเข้าไปถึงตัวแกนนำได้ก็จะทำให้มวลชนขาดกำลังสำคัญ และยากที่หาผู้มาทดแทนในสถานการณ์ขณะนี้ ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่ามีการใช้ความรุนแรงโดยตลอด แต่มีหลายรูปแบบตั้งแต่การใส่ร้าย ป้ายสี การยัดข้อหา การใช้สื่อ การบิดเบือนข้อมูลข้อเท็จจริง

              "ผมคิดว่าขณะนี้มวลชนพร้อมที่จะเผชิญกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะแกนนำสั่ง ซึ่งนับจากนาทีนี้ถ้ามีการใช้ความรุนแรง มวลชนที่ออกมาจากบ้านสู่ท้องถนน เขาพร้อมที่จะเผชิญชะตากรรม ถ้านายกฯ หรือใครใช้ความรุนแรง คุณก็จะเป็นฆาตกรมือเปื้อนเลือด และความพ่ายแพ้จะเกิดขึ้น"

              ส่วนที่มีการมองว่าการเคลื่อนไหวไม่สามารถปิดเกมได้ เพราะไม่มีตัวช่วยอย่าง "ทหาร" นั้น แกนนำ คปท.ผู้นี้กลับมองว่า วันนี้ภาคประชาชนต้องคิดแบบทหาร อย่าไปคิดว่าตัวเองเป็นแค่ผู้ชุมนุม คุณต้องคิดแบบทหารในการวางกลยุทธ์ กลวิธีให้ชัดเจน เดินหน้าให้เต็มที่ต้องมีความพร้อมตื่นตัว และตอบโต้ เหมือนการปฏิวัติโดยประชาชน

              "แม้ถึงขั้นในการเข้าไปดูแลรัฐมนตรีบางคนก็ต้องทำแต่ต้องไม่ทำร้ายกัน หรือการเข้าขวางการใช้อำนาจแบบเผชิญหน้าก็ต้องทำ เพราะการปฏิเสธในเชิงสัญลักษณ์นั้นไม่พอ และคิดว่าตอนนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ทหาร"

----------------------------------

(หมายเหตุ : 'นิติธร ล้ำเหลือ'ไขปริศนาชัตดาวน์กทม. : สัมภาษณ์พิเศษ)