
ถนนมิตรภาพรถหนาแน่น!
บรรยากาศการเดินทางกลับภูมิลำเนาของประชาชนภาคอีสานแน่น ถนนมิตรภาพสายเลี่ยงเมืองโคราชรถไม่ขยับ การจราจรเป็นอัมพาต
28 ธ.ค.56 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการจราจรบริเวณถนนมิตรภาพ เลี่ยงตัวเมืองนครราชสีมา ที่สามารถมุ่งหน้าไปยังจังหวัดต่างๆในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบว่า มีปริมาณรถหนาแน่น เคลื่อนได้ช้า ทำให้มีปริมาณรถที่สะสมตามจุดต่างๆเป็นระยะทางยาวกว่า 10 กิโลเมตร โดยเฉพาะในช่วง อ.ปากช่อง, บริเวณถนนมิตรภาพบายพาสเลี่ยงตัวเมืองนครราชสีมา และบริเวณถนนมิตรภาพตำบลจอหอ อ.เมืองนครราชสีมา
ส่งผลให้ตำรวจทางหลวงนครราชสีมา ต้องเปิดช่องทางพิเศษ 2 จุด ตั้งแต่บริเวณถนนมิตรภาพช่วง อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ถึง ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เป็นระยะทางยาวกว่า 10 กิโลเมตร และช่วงบริเวณบ้านหนองกระดังงา ต.จอหอ ไปจนถึงบริเวณหน้าโรงเรียนมหิศราธิบดี เป็นระยะทางยาวประมาณ 7 กิโลเมตร เพื่อเร่งระบายปริมาณรถที่สะสม อย่างไรก็ตามคาดว่า ในช่วงตลอดทั้งวันจะปริมาณรถยนต์บนถนนมิตรภาพจะหนาแน่นมากขึ้น เนื่องจากมีรายงานว่าบริเวณถนนมิตรภาพช่วงจังหวัดสระบุรีก่อนเข้าจังหวัดนคราชสีมา มีปริมาณรถยนต์สะสมขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่บรรยากาศที่สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 นครราชสีมา พบว่ามีประชาชนที่ทยอยเดินทางมาซื้อตั๋วรถโดยสาร เพื่อเดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อไปร่วมลองเทศกางส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กับครอบครัว ซึ่งคาดว่าตลอดทั้งวันนี้จะมีประชาชนเดินทามาใช้บริการสถานีขนส่งผู้โดยสารไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นคน กันอย่างคึกคัก ทำให้ทางขนส่งจังหวัดนครราชสีมาต้องเพิ่มเที่ยวรถโดยสารกว่า 300 เที่ยว เพื่อรองรับประชาชนที่มาใช่บริการ
อ่างทองรถติดยาว หลังประชาชนแห่กลับบ้านช่วงปีใหม่
เมื่อเวลา 07.00 น. ของวันนี้ (28 ธ.ค. 56) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบบริเวณสายเอเซีย ช่วงเขตติดต่อระหว่างเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและจังหวัดสิงห์บุรี พบว่าบนถนนสายเอเซียมีรถที่มุ่งหน้าสู่ภาคเหนือมีปริมาณมาก บางช่วงติดขัดเป็นระยะทางยาวกว่า 5 กิโลเมตร และบางช่วงการจราจรเคลื่อนตัวอย่างช้า ความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยเฉพาะช่วงขึ้นสะพานหรือทางแยกเข้าตามปั้มน้ำมัน จะส่งผลการจราจรชะลอตัว และติดสะสม
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจและตำรวจทางหลวงได้ทำงานประสานกัน โดยได้ดูแลการจราจรไม่ให้มีการแซงกันไหล่ทาง และเก็บพื้นที่บริเวณไหล่ทางไว้สำหรับให้รถเสีย หรือรถที่เกิดอุบัติเหตุ เพื่อไม่ให้เป็นการขวางทางจราจร และปิดจุดกลับรถบางจุดเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นในขณะกลับรถให้รถ รวมทังประชาสัมพันธ์เส้นทางสำรองให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนนตลอดเส้นทาง และได้จัดชุดเคลื่อนที่เร็วไว้อำนวยความสะดวกเมื่อการจราจรมีปัญหา รถเสีย รถเกิดอุบัติเหตุอีกด้วย
ปราจีนบุรี-ถนนสาย 304 รถติดหนึบ เปิดช่องทางจราจรพิเศษระบายรถ
เมื่อเวลา 1.30 น.วันนี้ 28 ธ.ค.56 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเดินทางกลับภูมิลำเนาของประชาชนเทศกาลส่งท้ายปีเก่า-รับปีใหม่ ตลอดตั้งแต่ช่วงค่ำและตลอดทั้งคืนที่ผ่าน ถนนสาย 304 พนมสารคาม - ปักธงชัย ซึ่งเป็นอีกเส้นทางที่สามารถเดินทางเข้าสู่ภาคอีสานได้สะดวกและสามารถร่นระยะทางลงได้มีปริมาณรถมากขึ้น แม้จะเป็นเส้นทางเสี่ยงภัยโดยเฉพาะช่วงทางขึ้น-ลงจากภูเขาระหว่างอุทยานแห่งชาติทับลานกับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มรดกโลก ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ที่เกิดอุบัติเหตุรุนแรงทุกปี
สภาพการจราจร หลังผ่านช่วงค่ำจนเวลาประมาณ 22.00 น.ปริมาณรถเริ่มมีการสะสมมากเพิ่มขึ้นๆตลอดทั้งคืนนี้ จนทำให้การจราจรเริ่มติดขัด โดยเฉพาะตั้งแต่ช่วงหลัก กม.26 ไปจนถึงหลัก กม.ที่ 35 ถึง 47 ซึ่งเป็นทางขึ้นเขาเป็นทางลาดชันขึ้น-ลงภูเขา การจราจรติดขัดอย่างหนัก เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงปราจีนบุรี ต้องเร่งระบายรถด้วยการเปิดช่องทางจราจรพิเศษอีกหนึ่งช่องทาง โดยเปิดให้รถขึ้น 2 ช่องทาง
ส่วนขาลงปิดเหลือ 1 ช่องทางจราจร พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่ใช้รถปฎิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัดมีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมทางไม่ฝ่าฝืนหรือละเลยต่อเครื่องหมายสัญญานจราจรจนอาจนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งจะทำให้การจราจรติดขัดมากขึ้น ทั้งนี้เพื่อให้รถสามารถเคลื่อนตัวได้ดีขึ้นไม่ติดขัด ทำให้ผู้ที่ใช้รถสามารถเดินทางสู่จุดหมายปลายทางสะดวกรวดเร็วและปลอดภัย
พิษณุโลกวันแรก 7 วันอันตราย เสียชีวิตแล้ว 2 ราย
นายบุญยิ่ง คุ้มสุพรรณ ป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยจ.พิษณุโลก เปิดเผยถึงผลปฏิบัติการเฝ้าระวัง 7 วันอันตรายลดอุบัติเหตุทางถนนของพื้นที่จ.พิษณุโลกว่า ตั้งแต่ 24.00 น.ของวันที่ 27 ธ.ค.-24.00 น.วันที่ 28 ธค.2556 พิษณุโลกมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 20 ครั้ง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 22 ราย เสียชีวิต 2 ราย เป็นหญิง 1 ราย รถจักรยานยนต์ถูกรถจยย,.ชนที่ถนนพิษณุโลก-อุตรดิตถ์ ต.ดอนทอง อ.เมืองพิษณุโลก สาเหตุตัดหน้ากระชั้นชิด และชาย 1 ราย รถกระบะพุ่งชนต้นไม้ข้างทางที่ถนนสายท่าโพธิ์-บางระกำ อ.เมืองพิษณุโลก ขับรถเร็วและประมาท เทียบกับวันเดียวกันของปีที่แล้วมีอุบัติเหตุเพิ่มขึ้น วันแรกของการเฝ้าระวังปลายปี 2555 มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 12 ครั้ง บาดเจ็บ 13 ราย
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 20.45 น.วันที่ 27 ธ.ค.ร.ต.อ.นพดล ไม้งาม ร้อยเวร สภ.ชุมชนมหาวิทยาลัยนเรศวร อ.เมือง จ.พิษณุโลก ได้รับแจ้งเหตุรถยนต์ชนต้นไม้ ที่บริเวณถนนสายท่าโพธิ์-บางระกำ ม.11 ต.ท่าโพธิ์ ห่างจากแยกหนองอ้อไปทาง อ.บางระกำ ประมาณ 1 กิโลเมตร จึงรุดไปทำการสอบสวน พร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยมูลนิธิประสาทบุญสถาน
บริเวณที่เกิดเหตุ พบรถกระบะ ยี่ห้ออีซูซู ดีแม๊กซ์ แบบตอนเดียว สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน บพ-7988 พิษณุโลก เสียหลักพุ่งชนต้นไม้ข้างทาง สภาพด้านหน้าเก๋งยุบพังเสียหายยับเยิน ภายในรถไม่มีคนขับ แต่ประตูเปิดอ่าออกจากตัวรถ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบบริเวณเกิดเหตุ พบร่างชายหนุ่มรูปร่างท้วม คาดว่าน่าจะเป็นคนขับรถยนต์คันเกิดเหตุ นอนคว่ำหน้าหมดสติอยู่ในพุ่งหญ้าท้ายรถยนต์
เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้เร่งปั๊มหัวใจ เพื่อทำการช่วยเหลือ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่พยาบาลจากโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวรรุดมาช่วยเหลืออีกชุด พร้อมเร่งช่วยเหลือให้น้ำเกลือ ให้ยากระตุ้นหัวใจแก่ผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งใช้เวลาปั๊มหัวใจอยู่นานแต่ยังไม่รู้สึกตัว เจ้าหน้าที่จึงได้นำร่างของผู้บาดเจ็บไปทำการรักษาต่อที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
จากการตรวจสอบภายในตัวผู้บาดเจ็บ ไม่พบเอกสารว่าเป็นใครมาจากไหน พบเพียงกระเป๋าให้อุปกรณ์แต่งตัวของผู้หญิงใบเดียวเท่านั้น ส่วนสาเหตุครั้งนี้ จากการตรวจสอบบริเวณเกิดเหตุ พบร่องรอยรถเบรกเลนขวาเป็นทางยาวประมาณ 30 เมตร ซึ่งรถคันเกิดเหตุกำลังมุ่งหน้าไปทาง อ.บางระกำ คาดขณะมาถึงที่เกิดเหตุอาจจะแซงขวา แต่ปรากฏว่ามีรถสวนทางพอดี จึงรีบหักเข้าเลนซ้ายด้วยความเร็ว จึงทำให้รถเสียหลักพุ่งลงข้างทางชนต้นไม้ จนตัวเองบาดเจ็บสาหัสดังกล่าว
สระแก้ว - เส้นทางมุ่งสู่อีสานใต้รถติดหนึบ 5 กม.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณเขาช่องตะโก ต.ทัพราช อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นเส้นทางไปสู่จังหวัดภาคอีสานตอนใต้ ได้มีรถยนต์ของประชาชนที่จะเดินทางกลับบ้านทางภาคอีสานตอนใต้ ได้เริ่มติดสะสมมาตั้งแต่เวลา 21.00 น.คืนวันที่ 27 ธ.ค. จนกระทั่งเวลา 02.00 น. วันที่ 28 ธ.ค. รถได้ติดสะสมยาวกว่า 5 กม. ซึ่งนายยุทธนา นุชนารถ นายอำเภอตาพระยา จ.สระแก้ว พร้อมหน่วยงานในพื้นที่นำกำลังออกดูแลและอำนวยความสะดวกทั้งการดูแลผู้ขับขี่และอำนวยการด้านการจราจร แต่เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นทางขึ้นเขาและลงเขาอีกทั้งเป็นทางแคบทำให้รถยนต์ไม่สามารถใช้ความเร็วได้อีกทั้งเป็นเส้นทางอันตราย ทำให้รถยนต์เคลื่อนตัวได้ช้าทำให้รถติดสะสมเป็นจำนวนมาก
จนกระทั่งถึงเช้าวันที่ 28 ธ.ค. บริเวณเขาช่องตะโก ต.ทัพราช อ.ตาพระยา แทบเป็นอัมพาต เนื่องจากมีรถยนต์ติดสะสมยาวกว่า 10 กม.เนื่องจากเส้นทางดังกล่าวอยู่บนเทือกเขา ซึ่งมีอากาศหนาวเย็นทำให้มีหมอกลงหนาทึบ ผู้ขับขี่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ จึงเป็นสาเหตุทำให้มีรถยนต์ติดสะสมยาวกว่า 10 กม.ทำให้ประชาชนที่อยู่บนรถที่ติดหนึบต้องลงมาเดินสูดอากาศที่หนาวเย็นในยามเช้าบริเวณข้างถนนและไหล่เขากันเป็นจำนวนมาก และจากสภาพที่รถติดยาวเหยียดทำให้ประชาชนที่จะเดินทางกลับบ้านช่วงปีใหม่ได้รู้จักการทำสิ่งดีๆ ร่วมกันอีกครั้งเมื่อมีพระสงฆ์ออกเดินรับบิณฑบาตในช่วงเช้าได้เดินผ่านมาตามถนนซึ่งรถติดกันยาวเหยียด ทำให้ประชาชนที่ติดหนึบอยู่บนรถเมื่อเห็นพระเดินบิณฑบาต ต่างนิมนต์พร้อมทั้งนำเงินสดที่ติดตัวคนละเล็กละน้อยเนื่องจากไม่สามารถหาข้าวปลาอาหารมาใส่บาตรได้ จึงได้นำเงินสดใส่บาตรแทนกันอย่างคึกคัก ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ของคนชาวพุทธที่คนจากหลายจังหวัดมาร่วมกันใส่บาตรข้างถนนเช่นนี้
ต่อมานายอำเภอตาพระยา ได้ประสานไปยัง พล.ต.กู้เกียรติ ศรีนาคา ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา ขอเปิดเส้นทางถนนเลียบแนวชายแดน ช่องเขาตากิ่ว ซึ่งเป็นทางลัดจาก อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ไป จ.บุรีรัมย์ เพื่อระบายรถที่ติดสะสมยาวเหยียดให้สามารถระบายออกไปได้ โดยมี จนท.ทหาร กองกำลังบูรพา คอยดูแลและอำนวยตลอดเส้นทาง
นครราชสีมา - ตร.เร่งเปิดช่องทางพิเศษ
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการจราจรบนถนนมิตรภาพ มุ่งหน้าสู่จังหวัดนครราชสีมา พบว่า มีประชาชนจำนวนมากใช้รถยนต์ส่วนตัวเพื่อเดินทางกลับภูมิลำเนาในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เตรียมเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2557 ร่วมกับครอบครัว ส่งผลให้การจราจรบนถนนมิตรภาพคับคั่งตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยเฉพาะบริเวณทางขึ้น - ลงเนิน บริเวณเขตรอยต่อจังหวัดสระบุรี และจังหวัดนครราชสีมา และในพื้นที่ ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา รถมีการชะลอตัวทำความเร็วได้ไม่เต็มที่ เฉลี่ยประมาณ 20 - 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เช่นเดียวกันกับบริเวณถนนมิตรภาพเลี่ยงตัวเมืองนครราชสีมามุ่งหน้าสู่จังหวัดขอนแก่น พบว่ามีปริมาณรถยนต์สะสมเป็นระยะทางยาวกว่า 15 กิโลเมตร ทำให้ผลให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจำเป็นที่จะต้องมีการเปิดช่องทางการจราจรพิเศษตั้งแต่บ้านหนอกออก ถึง แยกบ้านโพธิ์ รวมระยะทางกว่า 15 กิโลเมตร เพื่อเรื่องระบายปริมาณรถที่สะสมอยู่นั้น
พ.ต.อ.วณัฐ อรรถกวิน รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ได้สั่งการให้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเหนือจากการประจำจุดตรวจให้บริการประชาชนจำนวนหนึ่ง ออกไปคอยใช้บริการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน บนจุดทางร่วมทางแยกและจุดกลับรถ ตลอดถนนสายมิตรภาพ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุและแก้ไขปัญหาการจราจรอีกทางหนึ่งด้วย และคาดว่าสภาพการจราจรตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันนี้ จะมีปริมาณรถหนาแน่นขึ้นและอาจจะติดขัดเป็นบางช่วง ซึ่งทางตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ได้ประสานงานร่วมกับทางตำรวจทางหลวงและเจ้าหน้าที่อาสาสมัครต่างๆ เพื่อให้สามารถเข้าแก้ไขปัญหาอย่างทันท่วงทีแล้ว ส่วนยอดการเกิดอุบัติเหตุบนถนนในช่วง 7 วันอันตรายในวันแรก (27 ธ.ค.) เกิดอุบัติเหตุทั้งสิ้น 18 ครั้ง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 18 ราย มีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย อุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดจากรถจักรยานยนต์
สถานีขนส่งภูเก็ตคึกคัก
ที่อาคารผู้โดยสารสถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 จังหวัดภูเก็ต ถนนเทพกระษัตรี อ.เมือง จ.ภูเก็ต ได้มีประชาชนและนักท่องเที่ยวมาซื้อตั๋วโดยสารรถประจำทาง เพื่อเดินทางกลับภูมิลำเนา และท่องเที่ยวจังหวัดใกล้เคียงเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ประจำสถานีขนส่งได้เพิ่มสิ่งอำนวยสะดวกต่างๆ เพื่อรองรับจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นกว่าปกติ ขณะเดียวกันก็มีการเพิ่มจำนวนรถเสริมในบางเส้นทาง
โดยเฉพาะเส้นทางสายยาว เช่น กรุงเทพมหานคร เป็นต้น ที่มีการเดินทางเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันสถานีขนส่งผู้โดยสารได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่สำนักงานขนส่งจังหวัด ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองภูเก็ต และฝ่ายปกครองจังหวัดภูเก็ตตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์และตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดทั้งคนขับและเด็กรถก่อนออกเดินทางเพื่อเพิ่มความปลอดภัย ตลอดจนสร้างความมั่นใจให้กับผู้โดยสาร
อย่างไรก็ตามสภาพการจราจรบนถนนเทพกระษัตรี ซึ่งเป็นถนนสายหลักเพียงเส้นเดียวที่เข้าออกเมืองภูเก็ต โดยเฉพาะขาออกจะมีปริมาณรถค่อนข้างหนาแน่นตลอดจนทั้งวัน โดยเฉพาะที่บริเวณตำบลเกาะแก้ว อ.เมืองภูเก็ต ไปจนถึงวงเวียนอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง ส่งผลให้รถเคลื่อนตัวไปได้อย่างช้าๆ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องคอยอำนวยความสะดวกตามจุดร่วมจุดแยกต่างๆ เพื่อระบายการจราจรให้รถสามารถเคลื่อนตัวได้เป็นปกติ
ด้านนายธีรยุทธ์ ประเสริฐผล ผู้อำนวยการสำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ในส่วนของรถโดยสารสำหรับรองรับผู้ที่จะเดินทางไปต่างจังหวัดในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2557 สำหรับรถที่เดินทางขาขึ้นกรุงเทพฯ มีการจัดรถสำรองไว้ 10 คัน ในกรณีที่มีผู้โดยสารเดินทางเป็นจำนวนมาก แต่วันนี้ รถโดยสารที่จะเดินทางขึ้นกรุงเทพฯ ซึ่งวิ่งวันละ 34 เที่ยวนั้น ยังสามารถที่จะรองรับผู้โดยสารได้ตามปกติ ส่วนรถโดยสารซึ่งวิ่งในเส้นทางสายใต้ ซึ่งระยะทางไม่ไกลมากนัก เช่น สุราษฎร์ธานี หาดใหญ่ เป็นต้น สามารถหมุนได้ทัน แต่กรณีที่หมุนเวียนได้มีการประชุมร่วมกับผู้ประกอบการแล้วว่าสามารถนำรถออกให้บริการได้ก่อนเวลาที่กำหนด เช่น จากที่กำหนดไว้ 30 นาทีจึงจะออกได้ให้เลื่อนเป็น 15 นาที ออกได้ ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้โดยสารตกค้าง
7 วันอันตราย วันแรกลำพูนตายแล้ว 3 ราย
นายสุวรรณ กล่าวสุนทร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เดินทางตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าประจำจุดตรวจร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2557 ที่บริเวณถนนหมายเลข 11 จุดตรวจกาดสวนกล้วย หมู่ 11 ต.ทาสบเส้า อ.แม่ทา เพื่อดูแลความเรียบร้อยและอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่ จ.ลำพูน ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ระหว่างวันที่ 28 ธ.ค.56 - 2 ม.ค.57
โดยผู้ว่าราชการ จ.ลำพูน ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่คอยควบคุมการจราจรบนถนนสายดังกล่าว เนื่องจาก เป็นเส้นทางสายหลักและผู้ขับขี่มักจะขับรถด้วยความประมาทและขับขี่ด้วยความเร็วสูง อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ พร้อมกันนี้ได้มอบกระเช้าเครื่องอุปโภคบริโภคเพื่อเป็นขวัญกำลังให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานอีกด้วย ทั้งนี้ภายหลังจาก จ.ลำพูน มีผู้เสียชิวิตจากอุบัติเหตุแล้วจำนวน 3 รายเกินเป้าหมายที่กำหนดไว้ คือต้องไม่มีผู้เสียชีวิตเกิน 1 คน หรือลดลงร้อยละ 5 จากต้นปี 2556 ล่าสุดทางพนักงานสอบสวน สภ.เมืองลำพูน ได้รับแจ้งเหตุจากศูนย์วิทยุ 191 ว่าเกิดบนถนนสายฮ่องกอม่วง หมู่ที่ 12 ต.มะเขือแจ้ อ.เมืองลำพูน รถกระบะชนรถจักรยานยนต์ ผู้เสียชีวิตทราบชื่อ คือ นายพัลลภ เขียวคำ อายุ 23 ปี บ้านเลขที่ 13 หมู่ 5 ต.ยางคราม อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่
ทั้งนี้นายสุวรรณ กล่าวว่า ขณะนี้ได้มอบนโยบายและกำชับให้เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจ 10 จุดตรวจหลักและจุดตรวจรองรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ขับขี่รถปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรการอย่างเข้มงวด จ.ลำพูน มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ศพ ถือว่าเกินเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ อย่างไรก็ตามอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ ไม่สามารถบังคับไม่ให้เกิด ดังนั้น จึงอยากประชาชนตระหนักและคำนึงถึงอุบัติเหตุโดยเฉพาะช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่คาดว่าจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางกันมาก
บุรีรัมย์ - วันแรกเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 8 ราย
ร.ต.ท.มานพ อักษรณรงค์ ร้อยเวรฯ สภ.เมืองบุรีรัมย์ ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถชนกันหลายคันบนสะพานสูงข้ามรางรถไฟ บริเวณบ้านกุง ต.อิสาณ อ.เมือง และมีผู้ได้รับบาดเจ็บในที่เกิดเหตุด้วย จึงได้ประสานรถหน่วยกู้ภัยสว่างจรรยาธรรม และกู้ชีพ อบต.ใกล้เคียง รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นบริเวณเชิงสะพานสูงข้ามรางรถไฟ ถนนสายเลี่ยงเมือง ห่างจากสี่แยกไฟแดงประมาณ 200 เมตร พบรถยนต์ชนท้ายจอดเรียงกันอยู่สภาพพังเสียหายรวมทั้งหมด 4 คัน โดยคันแรกเป็นรถกระบะ สีดำ หมายเลขทะเบียน บธ 8028 บุรีรัมย์ สภาพด้านท้ายพัง คันที่สอง รถกระบะ อีซูซุ สี่ประตู สีดำ หมายเลขทะเบียน กจ 7857 บุรีรัมย์ สภาพด้านหน้าและท้ายพัง คันที่สาม รถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สี่ประตู สีดำ ด้านข้างติดตราองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ สภาพด้านหน้าและท้ายพังเสียหาย กระจกแตกทั้งบาน ส่วนคันที่ 4 คือ รถ 6 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ด้านหลังบรรทุกรถไถมาด้วย
จากอุบัติเหตุดังกล่าวมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย คือ นายสมโภชน์ นาเม็ง พนักงานขับรถของผู้อำนวยการกองช่างองค์การบริหารส่วนจังหวัด เนื่องจากแรกกระแทก ที่รถ 6 ล้อพุ่งชนท้าย ซึ่งเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยได้นำส่งโรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ เพื่อให้แพทย์ทำการรักษาอาการบาดเจ็บแล้ว อย่างไรก็ตามโชคดีที่อุบัติเหตุในครั้งนี้ไม่มีผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าสาเหตุที่รถชนกัน 4 คันซ้อนในครั้งนี้ น่าจะเกิดจากการเบรกกระชั้นชิด ประกอบกับจุดเกิดเหตุเป็นเชิงสะพานสูงจึงทำให้รถที่วิ่งตามหลังมา อาจจะมองไม่เห็นรถด้านหน้าจึงได้ชนท้ายกันดังกล่าว และอุบัติเหตุดังกล่าวก็ทำให้การจราจรติดขัด เนื่องจากสามารถสัญจรได้เพียงช่องทางเดียว
ขณะที่ถนนทางหลวงหมายเลข 24 โชคชัย - เดชอุดม บริเวณ อ.นางรอง ซึ่งจะมุ่งหน้าไปยังหลายจังหวัดภาคอีสาน ยังมีรถสัญจรไปมาหนาแน่น เนื่องจากเป็นวันหยุดวันแรกมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาจำนวนมาก แต่สภาพการจราจรก็ยังไม่ถึงติดขัด ยังสามารถเคลื่อนตัวได้เรื่อยๆ ทั้งนี้จากข้อมูลของศูนย์ปฏิบัติการร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลปีใหม่จังหวัดบุรีรัมย์ พบวันแรกมีการเกิดอุบัติเหตุแล้ว 9 ครั้ง เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 8 ราย ขณะช่วงเทศกาลปีใหม่ปี 2556 มีการเกิดอุบัติเหตุรวมทั้งสิ้น 69 ครั้ง บาดเจ็บ 74 คน เสียชีวิต 9 คน
'ขนส่ง' ตรวจรถโดยสารกว่า 13,000 คัน พบไม่พร้อมใช้งาน 78 คัน
นายอัฌษไธค์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ตามที่กรมการขนส่งทางบก ได้ปฏิบัติภารกิจตามโครงการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ด้วยการจัดตั้งจุดตรวจความพร้อมของรถโดยสารสาธารณะ จำนวน 183 จุด ทั่วประเทศ เพื่อเป็นจุดพักรถและอำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่ประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ ทั้งนี้ จากการดำเนินการดังกล่าวเพียง 1 วัน (27 ธันวาคม 2556) ได้ดำเนินการตรวจสอบความพร้อมของรถโดยสารสาธารณะ จำนวน 13,289 คัน พบ รถโดยสารสาธารณะที่อุปกรณ์และส่วนควบไม่พร้อม จำนวน 78 คัน ส่วนใหญ่ คือ กระจกแตกร้าว ไม่มีที่ปัดน้ำฝน และประตูฉุกเฉินขัดข้อง ส่วนการตรวจสอบพนักงานขับรถโดยสารสาธารณะ จำนวน 13,332 ราย พบ พนักงานขับรถที่กระทำผิด จำนวน 69 ราย ความผิดส่วนใหญ่ แต่งกายและพูดจาไม่สุภาพเรียบร้อย ขับรถเกินระยะเวลาที่กำหนด และไม่พกใบอนุญาตขับรถ ซึ่งกรมการขนส่งทางบกได้ดำเนินการตามกฎหมายแล้วทุกราย
นายอัฌษไธค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากการตั้งจุดตรวจความพร้อมของรถโดยสารสาธารณะแล้ว กรมการขนส่งทางบกยังได้จัดตั้งศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ 1584 เฉพาะกิจตามสถานีขนส่งผู้โดยสารทั่วประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกและรับเรื่องร้องเรียนการให้บริการของรถโดยสารสาธารณะ โดยวันที่ 27 ธันวาคม 2556 มีประชาชนขอรับความช่วยเหลือจากศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ 1584 จำนวน 3,184 ราย ได้แก่ สอบถามตารางการเดินรถ / เส้นทางการเดินรถ / ค่าโดยสาร , สอบถามข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว , ที่พัก , ฝากสิ่งของสัมภาระ , ติดตามสิ่งของสูญหาย , บริการเวชภัณฑ์ / ยารักษาโรค , บริการชาร์จแบตเตอรีโทรศัพท์มือถือ / กล้องถ่ายรูป รวมทั้ง จัดส่งผู้โดยสารกลับภูมิลำเนาเนื่องจากไม่มีค่าโดยสารอีกด้วย ขณะเดียวกันก็มีประชาชนร้องเรียนผ่านศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ 1584 จำนวน 36 ราย ความผิดส่วนใหญ่ คือ ขับรถประมาทหวาดเสียว ไม่หยุดรับ-ส่งผู้โดยสารที่ป้ายรถประจำทาง และแสดงกิริยาวาจาไม่สุภาพ ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบกจะเรียกตัวผู้กระทำผิดมาสอบสวนและดำเนินการเปรียบเทียบปรับขั้นสูงสุดทุกราย
"พบรถโดยสารสาธารณะไม่ปลอดภัย หรือเอาเปรียบผู้โดยสาร แจ้ง Call Center 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง"