ข่าว

นักวิชาการ'อิสระ'คืออะไรเหรอครับ

นักวิชาการ'อิสระ'คืออะไรเหรอครับ

20 ธ.ค. 2556

นักวิชาการ'อิสระ'คืออะไรเหรอครับ : ต่อปากต่อคำ โดยดร.อมร วาณิชวิวัฒน์ [email protected]/ twitter@DoctorAmorn

              ผมขอเรียกร้องไปยัง “สื่อมวลชน” ทุกแขนง ให้ยกเลิกการใช้คำว่า “นักวิชาการอิสระ” เวลาเชิญใครไปออกทีวีแสดงความคิดเห็น หรือกระทั่งลงข้อคิดความเห็นของคนเหล่านั้นในหนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือสื่อสังคมอื่นๆ ไม่ว่าเขาจะสวมเสื้อสีไหน หนุ่มแก่อย่างไร เพราะผมเชื่อว่า “คำนี้” เป็นคำที่อันตรายมากต่อวงวิชาการ เพราะเท่าที่เห็นมาส่วนมากคนที่นิยมให้คนเรียกตัวเองว่า “นักวิชาการอิสระ” มีทั้งไม่มีต้นสังกัด หรือ บางทีมีต้นสังกัด แต่อาจถูกขอร้องมา เพราะสถาบันต้นสังกัดอาจไม่ต้องการเกี่ยวข้องพัวพันกับการแสดงทัศนะความคิดอ่านใดๆ ของคนเหล่านั้น

              ทำให้สามารถอธิบายให้เข้าใจโดยง่ายว่า นักวิชาการอิสระอาจบ่งบอกได้ว่า ใครก็ตามที่ใช้ตำแหน่งเหล่านี้ สามารถหลีกเลี่ยงการถูกตรวจสอบ และอาจ “ไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ กับความคิดเห็นของตน” ซึ่งบางทีคนเหล่านี้แสดงความเห็นที่ใหญ่กว่าศักยภาพความรับผิดชอบของตนเองหลายเท่าตัว ไม่มีใครยืนยันได้ว่าผิดหรือถูก และหากว่า “ผิด” เขาหรือใครจะเป็นผู้แสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองพูดจาให้ความเห็นออกไป

              เหมือนดังปรากฏการณ์วันนี้ ที่มี “นักวิชาการมากหน้าหลายตา” ออกมาให้ทัศนะความเห็นและพยายาม “หาทางออก หรือ หาช่องทางให้ตัวเองเป็นที่รู้จักอย่างเกินขอบเขต” บางคนที่เห็นมา สามารถพูดหรือวิจารณ์เรื่องต่างๆ ได้เป็นคุ้งเป็นแควโดยไม่ต้องอ้างอิงหลักวิชาการ ไม่ต้องมีแหล่งข้อมูล หรือพยายามหาช่องโหว่ในกฎบัตรกฎหมายเพื่อหาทางช่วยเหลือพรรคพวกเพื่อนพ้องที่ตนเองมีสังกัดอยู่ กระทั่งมีสภาพไม่ต่างกับ “นักการเมือง  หรือกลุ่มผลประโยชน์” ทั่วๆ ไป ทำให้คำว่า “นักวิชาการอิสระ” ไม่สมควรถูกนำมาใช้พร่ำเพรื่อ เหมือนดังเคยเรียนในที่นี้ว่า ผู้บริโภคจำนวนมากเหนื่อยหน่ายและไม่รู้สึกยินดีที่ได้รับเกียรติถูกเรียกว่า “คุณลูกค้าอย่างโน้นอย่างนี้” เพราะวัฒนธรรมไทยยังคงติดกับความผูกพันแนบแน่นเป็นครอบครัวเดียวกัน ชอบให้ “เรียกพี่เรียกน้อง” มากกว่าเอาวัฒนธรรมฝรั่งมาใช้ เพราะใครที่เป็น ซีอีโอ หรือผู้บริหารยุทธศาสตร์การทำธุรกิจขององค์กรเหล่านั้น อาจกำลังเข้าใจผิดและกำลังทำให้ “ความเป็นทางการ” มาขยายระยะห่าง ความผูกพันขององค์กรตัวเองกับชุมชนกับคนที่ซื้อหาสินค้าบริการของตัวเอง ไม่ต่างกับ “สื่อหลายสื่อ” ที่นิยมมากเหลือเกินกับคำว่า “นักวิชาการอิสระ” เพราะสามารถให้คนดูคนรับสารหลงเชื่อไปได้ว่า ผู้ทรงคุณวุฒิกำลังมีส่วนร่วมในรายการของตน

              ท่านอาจไม่ทราบว่า นั่นคือการทำลายความศักดิ์สิทธิ์และเป็นการลดทอนความน่าเชื่อถือของวงวิชาการ ไม่ต่างกับการส่งเสริมให้คนเรียกขานตัวเองว่า “ดอกเตอร์ หรือ เรียกแทนตัวเองว่า อาจารย์” ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีชั่วโมงสอนในสถาบันการศึกษาแห่งใด ปริญญาเอกกำมะลอที่ได้มาก็มีทั้งซื้อหามาบ้าง หรือ ตั้งองค์กรอุปโลกน์แจกแถมกันมาก็เคยมีให้เห็น

              สิ่งที่สังคมวันนี้ เฉพาะอย่างยิ่งผู้บริโภคข้อมูลข่าวสารมีความต้องการอย่างยิ่งคือ ความถูกต้องของข้อมูลข่าวสาร และการให้ทางออกที่ไม่ใช่เป็นการฉกฉวยสถานการณ์สร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง โดยไม่แลดูว่า สิ่งที่ตัวเองพูดหรือบอกกล่าวไปนั้นจะสร้างความร้าวฉานแตกแยกในสังคม รวมทั้งอาจทำให้เกิดวิกฤติหนักข้อขึ้นกว่าที่เป็นอยู่

              ผมได้มีโอกาสไปร่วมกิจกรรมหาทางออกให้แก่ประเทศอยู่สองสามงานใหญ่ ทั้งที่รัฐสภาในวันรัฐธรรมนูญ และที่กองบัญชาการกองทัพไทย ได้พบปะผู้คนที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง รวมทั้งนักวิชาการมากหน้าหลายตา ส่วนใหญ่ต้องยอมรับว่า ยังถือเป็นที่พึ่งที่หวังของสังคมได้ แต่ขอร้องว่า ท่านผู้มีอำนาจในวันนี้ไม่ว่าจะอยู่ฝักฝ่ายใด อย่านำ “เหยื่อล่อ ทั้งทรัพย์สินเงินทองหรือตำแหน่ง (in cash or in kind)” มาลวงให้นักวิชาการบางคนอยู่ในหลุมพราง กระทั่งผมได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของคนหลายคนที่ผมเคยนับถือในองค์ความรู้ต้องกลายเป็นคนที่ผมไม่อยากปะทะสังสรรค์ด้วย เพราะสิ่งที่เขาเปลี่ยนแปลงไปชัดเจนคือ เขามีสังกัดฝักฝ่ายแฝงไว้ด้วยประโยชน์โพดผลอย่างแน่นอน แต่ยังคงสวมบทบาทอาศัยคราบความเป็น “นักวิชาการ” ที่สังคมเงี่ยหูฟังและต้องการคำตอบที่ดีที่สุดเพื่อคนส่วนใหญ่ ไม่ใช่ให้ใครบางคนใช้ “เวทีเหล่านี้เพื่อสร้างตัวเอง” หรือ สร้างชื่อเสียงให้แก่ตัวโดยขาดจริยธรรมและคุณธรรมอย่างยิ่ง