ข่าว

หลานรักหักเหลี่ยมโหด เกมอำนาจในเปียงยาง

หลานรักหักเหลี่ยมโหด เกมอำนาจในเปียงยาง

15 ธ.ค. 2556

หลานรักหักเหลี่ยมโหด เกมอำนาจในเปียงยาง : คอลัมน์เปิดโลกวันอาทิตย์ : โดย...อุไรวรรณ นอร์มา

                        เรื่องไม่น่าเชื่อจากกรุงเปียงยางเกิดขึ้นได้เสมอ และแทบทุกครั้งทำให้เกาหลีเหนือกลับมาเป็นข่าวพาดหัวของโลก แต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาต้องถือว่าเป็นเรื่องช็อกและฮือฮาสำหรับผู้ติดตามความเป็นไปในแดนสันโดษที่สุดบนโลกดิจิตอลแห่งนี้ ในยุคสังคมออนไลน์ที่ข่าวจากเกาหลีเหนือไม่ได้แร้นแค้นเหมือนก่อน และสำนักข่าวกลางเกาหลีเหนือ (เคซีเอ็นเอ) ก็เผยแพร่ข่าวค่อนข้างเร็ว ป่าวประกาศชะตากรรมที่พลิกผันจากฟ้าลงเหวของนายจาง ซอง แท็ก (ควรอ่านว่า ชัง ซอง แท็ก แต่ขอใช้ชื่อเดิมที่คุ้นแล้ว) วัย 67 ปี ผู้มีศักดิ์เป็นถึงอาเขยของนายคิม จอง อึน ผู้นำประเทศ เกี่ยวดองเข้ามาเป็นคนในตระกูลคิมผ่านการแต่งงานกับน้าสาว นางคิม คยอง ฮุย น้องสาวนายคิม จอง อิล ผู้นำผู้ล่วงลับ
 
                        สองปีก่อนหลังคิม จอง อิลจากไป คงจำกันได้ว่า บุคคลผู้นี้อยู่ในขบวนแห่ศพเป็นลำดับที่สอง ต่อจากคิมผู้ลูกที่มีวัยเพียง 29 หรือ30 ต้นๆ ในขณะนั้น ในฐานะผู้พิทักษ์บัลลังก์หลานชายในช่วงผลัดแผ่นดินสู่ผู้นำรุ่นที่สาม ซึ่งหากใช้สมัยที่พ่อของเขาขึ้นนั่งเก้าอี้ต่อจากปู่ คิม อิล ซุงเป็นเกณฑ์แล้ว การควบรวมอำนาจเป็นปึกแผ่นในช่วงเปลี่ยนผ่านจะใช้เวลาราวสามปี 
 
                        อย่างไรก็ดี แม้การกำจัดหอกข้างแคร่ในเกาหลีเหนือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตลอดประวัติศาสตร์ 65 ปี แต่ในอดีต การเขี่ยใครให้พ้นทาง มักทำแบบเงียบๆ หลังฉาก วิธีการในยุคของผู้นำหนุ่มจึงถือว่าน่าตื่นตะลึงอย่างยิ่ง เนื่องจากมีการประณามอย่างเปิดเผยและไล่เลียงความผิดอันน่าละอายออกสื่อครึกโครม 
 
                         หน้าหนึ่งทั้งหน้าของหนังสือพิมพ์โรดอง ซินมุน กระบอกเสียงพรรคกรรมกร ฉบับวันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม ลงรายละเอียดเรื่องการปลดนายจาง ซึ่งเป็นการยืนยันครั้งแรกหลังมีข่าวมาก่อนหน้านั้นแล้วว่า นายจางถูกปลดออกจากตำแหน่งรองประธานคณะกรรมาธิการป้องกันประเทศ ตำแหน่งอันทรงอิทธิพล หรือเบอร์สองของเกาหลีเหนือ และถูกขับออกจากพรรคกรรมกร ในข้อหาก่ออาชญากรรม ทั้งทุจริต ติดเหล้าติดยาและผู้หญิง  ขณะที่ทีวีทางการก็เผยแพร่ภาพทหารเข้าจับกุมนายจางกลางที่ประชุมคณะกรมการเมือง 
 
                        ต่อมาเช้าตรู่ 13 ธันวาคม เคซีเอ็นเอรายงานข่าวช็อกโลกว่า นายจางถูกประหารชีวิตแล้วในวันก่อนหน้า หลังจากรับสารภาพว่ามีแผนยึดอำนาจ และศาลทหารพิเศษตัดสินว่ามีความผิดใน 10 ข้อหารวมถึงเป็นกบฏ มีพฤติกรรมกระด้างกระเดื่องต่อพรรค ต่อรัฐ ตั้งก๊กหวังทำปฏิวัติซ้อนล้มล้างผู้นำระบอบสังคมนิยมและรัฐ  
 
                        นอกจากนี้ เคซีเอ็นเอยังประจานและกล่าวโทษนายจางอย่างยาวเหยียดว่า คนผู้นี้ผู้ทรยศต่อชาติอย่างไม่เคยมีมาก่อนในยุคสมัยใด ทำลายเศรษฐกิจเพื่อแสวงหาประโยชน์ส่วนตน อยู่เบื้องหลังค่าเงินผันผวนเมื่อปี 2552 ทำให้เกิดการประท้วงในเกาหลีเหนือ จัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างไร้คุณภาพ ค้าโลหะหายากอย่างลับๆ และยุยงส่งเสริมผู้ประกอบการเอกชน มีข้อหากระทั่งว่าฝักใฝ่ทุนนิยมและประพฤติผิดทำนองคลองธรรม ด้วยการเผยแพร่สื่อลามกอนาจารให้คนใกล้ชิด และหมดเงินไปกับการพนัน 4.6 ล้านยูโร 
 
                        ประณามขนาดว่า นายจางเป็นสวะที่น่ารังเกียจ แย่ยิ่งกว่าสุนัข คิดเปลี่ยนหน่วยงานตัวเองเป็นอาณาจักรเล็กๆ ที่ถือเป็นการทรยศต่อความไว้ใจและความรักที่พรรคและผู้นำของเขามอบให้อย่างอบอุ่น
 
                        นักสังเกตการณ์หลายคนมองว่า การทำเช่นนี้ด้านหนึ่งเท่ากับเกาหลีเหนือยอมรับว่า มีความแตกแยกภายใน และมีการแก่งแย่งอำนาจระหว่างกลุ่มต่างๆ รอบตัวนายคิม จอง อึน และอีกด้าน คิม จองอึนต้องการพิสูจน์ว่า ตนเองคือผู้นำตัวจริง รู้งานและเอาอยู่แล้ว หลังจากขึ้นสู่อำนาจนานสองปี จะไม่มีคำว่าอดกลั้นต่อความกระด้างกระเดื่องในระบอบเปียงยางที่ต้องภักดีต่อผู้นำสถานเดียว ต่อให้เป็นญาติก็ตาม 
 
                        อีกคำอธิบายที่น่าสนใจ หนังสือพิมพ์ฮันกยอเรห์ อ้างแหล่งข่าวที่มองว่า การกำจัดนายจาง เป็นความร่วมมือกันของฐานอำนาจดั้งเดิมที่สืบสาแหรกโดยตรงจากนายคิม อิล ซุง ผู้ก่อตั้งเกาหลีเหนือ ซึ่งขณะนี้มีคิม จอง อึน เป็นหัวขบวน กับทายาทของสหายนักรบกองโจรที่ร่วมเป็นร่วมตายในการต่อสู้กับกองทัพญี่ปุ่น นำโดยนายชอย รยอง แฮ หัวหน้ากรมการเมืองในกองทัพซึ่งเป็นบุตรชายของนายชอย ฮยอง อดีตรัฐมนตรีกลาโหม เพื่อกำจัดอิทธิพลของจาง ซอง แท็ก ที่สั่งสมมานานเกือบ 40 ปี ทั้งที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างอำนาจดั้งเดิม ผ่านการเป็นลูกเขยของบิดาผู้ก่อตั้งประเทศ แต่ต่อมา ดูเหมือนรักษาอำนาจไว้ได้ไม่ต้องอาศัยบารมีภรรยา ทั้งยังเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ หลังการเสียชีวิตของคิม จอง อิล
 
                        นักสังเกตการณ์เกาหลีเหนือหลายคน กล่าวว่า การกำจัดเสี้ยนหนามลักษณะนี้ไม่เคยเกิดมาก่อน นับตั้งแต่ยุคคริสต์ทศวรรษที่ 1950 สมัยที่ผู้ก่อตั้งประเทศ คิม อิล ซุง กำลังควบรวมอำนาจ แต่เนื่องจากไม่มีข้อมูลเบื้องลึกพอจะมองเห็นพลวัตในหมู่ผู้นำในเปียงยาง จึงคาดการณ์ได้ยากอีกเช่นเคยว่า จากนี้ไปว่า เกาหลีเหนือที่ไม่มีจาง ซอง แท็ก ข้างกายคิม จอง อึน จะทำให้มีเสถียรภาพมากขึ้น ด้วยว่าต่อไป จะไม่มีใครกล้าหือกับผู้นำวัย 30 เศษอีก หรือเสถียรภาพจะลดน้อยถอยลง จากการแปรพักตร์ของบุคคลระดับสูง และการเดินหน้ากวาดล้างเจ้าหน้าที่ในก๊วนเดียวกันกับนายจาง 
 
                        ก่อนถูกจับกุม นายจางรับผิดชอบด้านการดึงดูดการลงทุนเข้าประเทศ กำกับดูแลเขตเศรษฐกิจพิเศษใกล้ชายแดนจีน และเพิ่งนำคณะผู้แทนเดินทางไปเยือนจีนเมื่อปีที่แล้ว  นักวิชาการบางคนมองว่า การกำจัดนายจางบ่งว่าอาจมีความเห็นต่างกันรุนแรงภายในเกาหลีเหนือเกี่ยวกับการปฏิรูปเศรษฐกิจ และทิศทางของประเทศ เพราะนายจางเป็นตัวแทนกลุ่มผู้นำที่เดินสายเดียวกับจีน และต้องการขับเคลื่อนการปฏิรูปแบบเดียวกับจีน การประหารชีวิตอาจหมายความว่า ฝ่ายหัวเก่าจะก้าวขึ้นมากุมอำนาจแทน และหมายถึงการปฏิรูปให้เศรษฐกิจเดินหน้า อาจหยุดชะงักตามไปด้วย 
 
                        แต่อีกฝ่ายก็มองว่า การกำจัดนายจางคือการมุ่งขจัดอิทธิพลของคนคนเดียวและไม่น่าจะมีผลเปลี่ยนแปลงนโยบายอย่างขนานใหญ่ โดยดูจากการที่เกาหลีเหนือเพิ่งตกลงเรื่องการลงทุนในเมืองทูเหมิน ของจีน และเขตพัฒนาเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ขณะที่นักลงทุนในฮ่องกงและสิงคโปร์ก็ไม่ได้ขนเงินออกจากเกาหลีเหนือ    
 
                        ไม่ว่าจะมาจากสาเหตุใด การประหารชีวิตบุคคลระดับหมายเลขสอง เป็นพัฒนาการที่ประเทศในภูมิภาค โดยเฉพาะเพื่อนบ้านเกาหลีใต้ และมหาอำนาจทั้งหลาย กำลังจับตามองใกล้ชิดว่าจะมีผลอย่างไรต่อเสถียรภาพทั้งในระยะสั้นและระยะกลาง เพื่อเตรียมพร้อมรับมือผลกระทบและแรงกระเพื่อมที่อาจจะตามมาอย่างไม่คาดฝัน
 
 
 
.........................
 
(หลานรักหักเหลี่ยมโหด เกมอำนาจในเปียงยาง : คอลัมน์เปิดโลกวันอาทิตย์ : โดย...อุไรวรรณ นอร์มา )