ข่าว

เดือด!'ยูเครน'โค่น-ทุบรูปปั้น'เลนิน'

เดือด!'ยูเครน'โค่น-ทุบรูปปั้น'เลนิน'

09 ธ.ค. 2556

ชาวยูเครนหลายแสนคน ชุมนุมขับไล่ปธน.ที่พวกเขามองว่าขายชาติให้กับรัสเซีย ขณะที่ 'สิงคโปร์' เผชิญจลาจลรุนแรงในย่านลิตเติ้ล อินเดีย เจ็บ 18

 

                            9 ธ.ค. 56  ชาวยูเครนหลายแสนคน หลั่งไหลไปรวมตัวกันอย่างเนืองแน่นที่บริเวณจตุรัส อินดิเพนเดนซ์ ใจกลางกรุงเคียฟ เมืองหลวงของประเทศ ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นที่อุณหภูมิติดลบเมื่อวาน เพื่อกดดันให้ประธานาธิบดีวิคเตอร์ ยานูโควิช ลาออกจากตำแหน่ง หลังเขาไม่ฟังเสียงความต้องการของประชาชน โดยยกเลิกการลงนามข้อตกลงความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และการเมืองกับสหภาพยุโรปเมื่อเดือนที่แล้ว เพื่อไปเข้าร่วมสหภาพศุลกากรที่นำโดยรัสเซีย

                            ผู้ประท้วงบอกว่า ยูเครนเบื่อหน่ายยานูโควิชเต็มทีแล้ว และต้องการการเปลี่ยนแปลงฝ่ายบริหารทั้งหมด และนายวิทาลี กลิตช์โก้ แชมป์มวยโลกและผู้นำพรรคฝ่ายค้านหนึ่งในแกนนำการประท้วง บอกว่า เขาเชื่อมั่นว่า หลังการประท้วงอย่างต่อเนื่อง เผด็จการจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในประเทศนี้ เพราะประชาชนจะไม่ทนถูกเหยียบย่ำ ไม่ทนถูกปิดปาก เมื่อหลักการและค่านิยมอันดีถูกละเมิด นอกจากนี้แกนนำผู้ประท้วงร่วมกันประกาศขีดเส้นตายให้รัฐบาลลาออกภายใน 48 ชม.และผู้ประท้วงยังปิดล้อมอาคารหน่วยราชการหลายแห่งด้วยรถยนต์ เครื่องกีดขวาง และเต้นท์ 

                            ขณะเดียวกันผู้ประท้วงบางส่วนร่วมกันโค่นรูปปั้นสูง 3 เมตรครึ่ง ของอดีตผู้นำสหภาพโซเวียต วลาดิมีร์ เลนิน ที่อยู่ห่างจากจตุรัสอินดิเพนเดนซ์เพียง 1 กม. โดยผู้ประท้วงร่วมกันใช้ฆ้อนทุบทำลายลำตัวรูปปั้นจนคอรูปปั้นหัก และบางคนเก็บเศษชิ้นส่วนจากรูปปั้นไปเป็นที่ระลึกด้วย นอกจากนี้บางคนตะโกนคำว่า แด่ชัยชนะของยูเครน ขณะที่ผู้ประท้วงคนหนึ่งนำธงสหภาพยุโรปไปเสียบไว้แทนตรงจุดที่ตั้งรูปปั้น และมีบางคน ติดแผ่นกระดาษไว้มีข้อความว่า ยานูโควิช จะเป็นรายต่อไป

                            แต่แกนนำผู้ประท้วงบอกว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโค่นรูปปั้นครั้งนี้ ขณะที่โฆษกรัฐบาลบอกว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ป่าเถื่อน นอกจากนี้มีรายงานว่ารัฐบาลได้ดำเนินการสอบสวนโดยกล่าวหาว่าผู้นำฝ่ายค้านพยายามยึดอำนาจ และเตือนผู้ประท้วงว่าอาจถูกดำเนินคดีทางอาญา

                            ขณะที่นานาชาติเตือนให้ทุกฝ่ายในยูเครนใช้แนวทางสันติยุติความขัดแย้ง และนายบัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติ ย้ำไม่ให้ใช้ความรุนแรง และเรียกร้องให้ประธานาธิบดียานูโควิช เจรจากับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

 

 

'สิงคโปร์' เผชิญจลาจลรุนแรงในย่านลิตเติ้ล อินเดีย เจ็บ 18

 

                            เหตุวุ่นวายครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาราว 3 ทุ่ม 20 นาที ตามเวลาท้องถิ่น ในย่านลิตเติ้ล อินเดีย ซึ่งเป็นย่านที่มีแรงงานชาวอินเดีย และบังกลาเทศ ไปเที่ยวพักผ่อนวันหยุดทุกค่ำวันอาทิตย์ โดยหลังจากชายชาวอินเดีย วัย 33 ปี ถูกรถบัสชนเสียชีวิต มีแรงงานจากเอเชียใต้ราว 400 คน รุมทุบทำลายรถบัสคันดังกล่าว ก่อนทุบทำลาย และจุดไฟเผารถหลายคัน ทำให้รถตำรวจ 5 คัน รถพยาบาล 1 คัน และรถยนต์ส่วนบุคคลอีกจำนวนหนึ่ง ได้รับความเสียหาย นอกจากนี้การปะทะระหว่างผู้ก่อเหตุรุนแรงและตำรวจเกือบ 300 นาย ทำให้มีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 18 คน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นตำรวจถึง 10 นาย และตำรวจจับกุมผู้ก่อเหตุไว้ 27 คน ซึ่งตำรวจบอกว่าคนหล่านี้ถูกตั้งข้อหาก่อจลาจล และอาจต้องโทษจำคุก 7 ปี รวมทั้งมีโทษโบยด้วย

                            นายกรัฐมนตรี ลี เซียน หลุง แถลงผ่านเฟซบุ๊กเช้าวันนี้ ระบุว่า เหตุจลาจลที่ลิตเติ้ล อินเดีย เมื่อคืนเป็นสถานการณ์เลวร้ายมาก แต่สามารถควบคุมได้แล้ว และกำลังมีการสอบสวน พร้อมกันนี้เขาระบุว่า ไม่ว่าชนวนเหตุของจลาจลเกิดจากสาเหตุใด ก็ไม่มีข้ออ้างใดที่สมควรแก่การก่อความรุนแรง สร้างความเสียหาย และกระทำผิดทางอาญา และรัฐบาลจะหาตัวผู้กระทำมาลงโทษตามกฎหมายอย่างเหมาะสม

                            เหตุจลาจลครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 40 ปีนับจากเหตุจลาจลทางเชื้อชาติเมื่อปี 2512 และจุดชนวนให้มีการโพสต์ข้อความแสดงความไม่พอใจต่อแรงงานชาวต่างชาติผ่านทางอินเทอร์เน็ตอย่างกว้างขวาง แต่เจ้าหน้าที่เตือนให้ประชาชนอยู่ในความสงบ

                            ปัจจุบันสิงคโปร์พึ่งพาแรงงานต่างชาติอย่างมาก โดยแรงงานจากเอเชียใต้มักทำงานในภาคธุรกิจก่อสร้าง แต่รัฐบาลกำลังดำเนินนโยบายลดการพึ่งพาแรงงานต่างชาติ หลังการเปิดกว้างรับแรงงานต่างชาติตลอดหลายปีสร้างความไม่พอใจแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เนื่องจากส่งผลกระทบต่อชาวสิงคโปร์ทั้งในแง่ที่อยู่อาศัย การจ้างงาน และการศึกษา

 

 

--------------------------

(หมายเหตุ : ที่มาภาพ : AP)