
นรข.อุบลฯร่วมทีมกองทัพไทยค้นหา'แอร์ลาว'
นรข.อุบลฯร่วมทีมกองทัพไทย โชว์ฝีมือภารกิจค้นหา'แอร์ลาว' : ทีมข่าวความมั่นคง
ภารกิจค้นหาซากสายการบินแห่งชาติลาว หรือ "แอร์ลาว" ที่ประสบอุบัติเหตุตกกลางลำน้ำโขงเมื่อกลางเดือนตุลาคม ประสบความสำเร็จด้วยดี โดยหนึ่งในหน่วยงานสำคัญของไทยที่เข้าร่วมภารกิจ คือ หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) เขตอุบลราชธานี
น.อ.เฉลย เกษมคุณารักษ์ ผบ.นรข.เขตอุบลราชธานี กล่าวถึงการเข้าร่วมภารกิจว่า นรข.เขตอุบลราชธานี ได้รับการประสานเมื่อเวลาประมาณ 1 ทุ่มของวันที่เกิดเหตุจากทางการลาว ผ่านมายังจังหวัดอุบลราชธานี
จากนั้นศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือ (ศปก.ทร.) ได้สั่งการให้เตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือ โดยมีทีมกู้ภัยฝ่ายพลเรือนร่วมเดินทางไปยังด่านช่องเม็ก จ.อุบลราชธานี ในเช้าวันรุ่งขึ้นเพื่อรอกระทรวงการต่างประเทศ และกองบัญชาการกองทัพไทย ดำเนินการทางเอกสารเพื่อเข้าพื้นที่สปป.ลาว
ศปก.ทร. ได้สั่งการให้ นรข.เขตอุบลราชธานี เป็นชุดปฏิบัติการค้นหาร่างผู้เสียชีวิต และซากเครื่องบิน โดยมีทีมกู้ภัยฝ่ายพลเรือนร่วมภารกิจราว 50 คน โดย นรข.เขตอุบลราชธานี ได้ทำการ "จัดระเบียบทางน้ำ" และสำรวจสภาพจุดเกิดเหตุที่เครื่องบินตกกระแทกเกาะกลางลำน้ำโขง เพื่อวางแผนการค้นหา
ต่อมา นรข.เขตอุบลราชธานี ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้กำกับดูแลการค้นหาของฝั่งไทย ทั้งทหารและพลเรือน โดยทำภารกิจลำเลียงร่างผู้เสียชีวิตที่ลอยน้ำ พร้อมทั้งค้นหาโดยใช้เรือนรข. 2 ลำ เรือพลเรือน 4 ลำ เรียงแถวหน้ากระดานลากทุ่นเหล็ก ถ้าทุ่นสะดุดส่งชุดประดาน้ำลงไปสำรวจ แต่ 18.00 น. ก็ต้องยุติการค้นหา เพราะห่วงความปลอดภัยของกำลังพล
จากนั้นเครื่องบินซี-130 ของกองทัพอากาศ ได้ลำเลียงกำลังพลจากกองบัญชาการกองทัพไทย และมีนักประดาน้ำจากกรมสรรพาวุธทหารเรือ เพิ่มเติมอีก 10 นาย พร้อมอุปกรณ์ช่วยค้นหา Echo sonar จำนวน 3 ชุด
ขณะที่ทางการลาวได้แจ้งฝ่ายกู้ภัยพลเรือนของไทยให้ยุติการค้นหา เพื่อให้มีการปฏิบัติภารกิจร่วมกันระหว่างทั้ง 2 ประเทศในแบบรัฐต่อรัฐ เนื่องจากสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว
โดยภารกิจหลังจากที่ชุดกู้ภัยฝ่ายพลเรือนเดินทางกลับไปแล้ว คือ การใช้เครื่อง Echo sonar ค้นหา หากพบสิ่งผิดปกติก็จะมีการทิ้งทุ่นปูนผูกเชือกหย่อนลงไป แล้วส่งหน่วยปฏิบัติการพิเศษ นรข.อุบลฯ และชุดประดาน้ำ กรมสรรพาวุธทหารเรือ ลงไปดำค้นหา หากเจอร่างผู้เสียชีวิตก็จะลำเลียงขึ้นมา แต่ถ้าเป็นซากเครื่องบินจะแจ้งไปยังสปป.ลาว ให้เข้ามาเก็บกู้
ในระหว่างการค้นหายังมีเรือของ "ตำรวจน้ำ" คอยดูแลความปลอดภัยให้ เพราะกลางลำน้ำมีเรือสัญจรเป็นจำนวนมาก และมีชุดประดาน้ำตำรวจน้ำอีก 8 นายคอยสนับสนุน
ทั้งนี้ ในการค้นหา ทางการลาวได้แบ่งเป็น 4 ภารกิจ คือ 1.การค้นหาร่างผู้เสียชีวิต ให้ฝ่ายไทย และลาว ร่วมค้นหา 2.การกู้ซากเครื่องบิน และกล่องดำ มอบให้ฝ่ายลาว และฝรั่งเศส 3. การพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล ใช้ทีมงานตำรวจไทย ลาว และออสเตรเลีย 4.ภารกิจส่งกลับผู้เสียชีวิต ทางลาวเป็นผู้ดำเนินการ
เมื่อทางการลาวเปลี่ยนแผนในการค้นหา โดยมุ่งกู้ซากเครื่องบิน และกล่องดำแทน เพราะคาดว่าจะมีผู้เสียชีวิตติดในซากเครื่องเป็นจำนวนมาก ส่วนกำลังพลของฝ่ายไทยก็ได้มีการเตรียมพร้อมเอาไว้ หากได้รับการร้องขอ และพอถึงวันที่ 22 ตุลาคม กำลังพลฝ่ายไทยทั้งหมดก็เดินทางกลับประเทศ
น.อ.เฉลย เผยถึงความยากในการค้นหาว่า "ช่วงวันหลังๆ กระแสน้ำแรงมาก 7-8 น็อต ชนิดที่ปล่อยทุ่นปูนลงจากหัวเรือ ทุ่นก็ลอยถึงท้ายเรือทันที ส่วนชุดประดาน้ำมือหนึ่งก็ต้องจับเชือก อีกมือถ้าคว้าอะไรได้ก็ต้องรีบขึ้นมา เพราะน้ำแรงมาก อาจถูกน้ำพัดหลุดจากเชือกได้"
ภารกิจครั้งนี้ใช้กำลังพลของนรข.อุบลฯ 16 นาย ชุดประดาน้ำสรรพาวุธ ทร. อีก 10 นาย พร้อมกำลังพลจากตำรวจน้ำ และกองบัญชาการกองทัพไทย โดยภารกิจประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี เนื่องจากกำลังพลทุกนายได้รับ "การฝึก" มาเป็นอย่างดี
ผบ.นรข.อุบลราชธานี กล่าวถึงความรู้สึกที่ได้รับมอบหมายภารกิจอันสำคัญยิ่งครั้งหนึ่งในชีวิตว่า "ผมว่ามันเป็นสัญชาตญาณของคนไทยนะว่า เวลาที่มีเหตุการณ์อะไรคนไทยมักจะรีบเข้าไปช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นใคร หรือชาติไหน ผมภูมิใจที่ได้เป็นตัวแทนของประเทศในภารกิจครั้งนี้"
....................
(หมายเหตุ : นรข.อุบลฯร่วมทีมกองทัพไทย โชว์ฝีมือภารกิจค้นหา'แอร์ลาว' : ทีมข่าวความมั่นคง)