
เหยื่อสงคราม'อิรัก'สูงเกือบ5แสน
ผลศึกษาล่าสุดชี้ ผู้เสียชีวิตจากสาเหตุต่างๆ สืบเนื่องจากสงครามอิรักภายใต้การนำทัพของสหรัฐเมื่อ 10 ปีก่อน สูงเกือบครึ่งล้าน
16 ต.ค. 56 ผลการศึกษาล่าสุดตีพิมพ์ในสหรัฐเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (15 ต.ค.) ระบุว่า เหยื่อสงครามอิรัก และสาเหตุอื่นที่เกี่ยวข้อง นับจากสหรัฐนำกองกำลังพันธมิตร บุกโค่นระบอบซัดดัม ฮุสเซน ในปี 2546 มีจำนวนสูงเกือบ 5 แสนคน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่ามากเมื่อเทียบกับยอดเหยื่อที่ "อิรัก บอดี้ เคานท์" กลุ่มที่เกาะติดผลพวงจากสงครามอิรัก รวบรวมและประเมินจากรายงานสื่อ โรงพยาบาล เอกสารจากห้องเก็บศพ ตลอดจนตัวเลขทางการ และจากองค์กรที่มิใช่รัฐบาลว่ามีเกือบ 1.15 แสนคน
การประเมินล่าสุดเป็นผลศึกษาของนักวิจัยมหาวิทยาลัยในสหรัฐ แคนาดา และแบกแดด ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขอิรัก ครอบคลุมไม่เฉพาะเหยื่อความรุนแรง แต่รวมถึงการเสียชีวิตที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ อันสืบเนื่องจากการรุกราน การจับอาวุธลุกฮือต่อต้าน และการล่มสลายทางสังคมหลังจากนั้น นอกจากนี้ ยังขยายกรอบเวลาออกไปโดยใช้การสุ่มสำรวจครัวเรือนทั่วอิรัก คาดการณ์ยอดผู้เสียชีวิตทั่วประเทศช่วงปี 2546-2554
ผลศึกษาพบว่า ร้อยละ 70 ของการเสียชีวิตในอิรักช่วงปี 2546-2554 มีสาเหตุจากความรุนแรง โดยมาจากกระสุนปืน ตามด้วยระเบิดรถยนต์และระเบิดอื่นๆ กองกำลังนานาชาติเป็นต้น เหตุการตายจากความรุนแรงราวร้อยละ 35 กลุ่มติดอาวุธร้อยละ 32 ไม่ทราบสาเหตุร้อยละ 21 อาชญากรรมร้อยละ 11 และกองกำลังอิรัก ร้อยละ 1
ส่วนการเสียชีวิตที่ไม่ได้เกิดจากความรุนแรงโดยตรง โรคเกี่ยวกับหัวใจเป็นสาเหตุมากที่สุด ซึ่งบ่งว่าความเครียดในภาวะสงครามมีส่วน รองลงไปเป็นอาการเจ็บป่วยเรื้อรัง และมะเร็ง
เอมี ฮาโกเปียน นักวิจัยด้านสาธารณสุข มหาวิทยาลัยวอชิงตัน หัวหน้าทีมวิจัย กล่าวว่า ความรุนแรงเป็นสาเหตุการเสียชีวิตมากที่สุด แต่ราวหนึ่งในสาม เกี่ยงโยงทางอ้อมกับสงคราม และการเสียชีวิตเหล่านี้คือส่วนที่ไม่เคยถูกนับรวมก่อนหน้า เช่น สตรีมีครรภ์ที่ต้องคลอดบุตร แต่ออกจากบ้านไม่ได้เพราะการสู้รบ หรือคนคนหนึ่งต้องเสียชีวิตเพราะดื่มน้ำปนเปื้อน หรือผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาด้วยเหตุว่าผู้บาดเจ็บจากสงครามล้นโรงพยาบาล เหล่านี้คือการตายทางอ้อมทั้งหมด และมีนัยสำคัญเช่นกัน
"วัตถุประสงค์ของการศึกษาเรื่องนี้คือเพื่อให้ภาพเป็นจริงของความเดือดร้อนแสนสาหัสอันเกิดจากสงคราม และหวังจะทำให้รัฐบาลทั้งหลายคิดหนักขึ้นถึงอันตรายที่จะเกิดจากการรุกรานประเทศอื่น ขณะเดียวกัน ก็เป็นเรื่องสำคัญที่ประชาชนจะต้องเข้าใจผลกระทบจากการก่อสงครามที่มีต่อด้านสาธารณสุข การดำรงชีวิตของคน และทำให้ประเทศนี้เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล"
--------------------------
(หมายเหตุ : ที่มาภาพ : AFP)