รวบขบวนการค้า'ยาบ้า'มูลค่ากว่า33ล. | คมชัดลึก

    
          วันที่ 16 ต.ค.56  เมื่อ เวลา 11.00 น. ที่ห้องประชุมตำรวจภูธรจังหวัด (ภ.จว.) ชุมพร นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พลังแผ่นดินเพื่อเอาชนะยาเสพติด (ศพส.) จ.ชุมพร พร้อมด้วย พล.ต.ต.กิตติสัณห์ เดชสุนทรวัฒน์ รอง ผบช.ภ.8 พล.ต.ต.สุทธินาท สุดยอด ผบก.ภ.จว.ชุมพร พล.ต.มนัส คงแป้น ผบก.จทบ.ชุมพร และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปปส.ภ.จว.ชุมพร ร่วมกันแถลงข่าวการจับ 7 ผู้ต้องหาคดีค้าเสพติดที่ถูกจับได้ระหว่างวันที่ 13-14 ตุลาคม 2556 รวมของกลางยาบ้าจำนวนทั้งสิ้น 112,940 เม็ด มูลค่าประมาณ 33.882 ล้าน
    
          สืบเนื่องจาก มีการจับกุมผู้ต้องหาได้เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2556ที่ผ่านมา จำนวน 3 ราย คือ นายอุดร ศรีวิไล อายุ 43 ปี เป็นชาวลาว นายกง บุตรบุญ อายุ 56 ปี และ นางวิรุฬย์ บุตรบุญ อายุ 52 ปี ทั้งสองเป็นสามี-ภรรยากัน อยู่บ้านเลขที่ 7 หมู่ 4 ต.โพนทอง อ.บ้านแพง จ.นครพนม พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 75 ถุง รวม 14,940 เม็ด โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง รถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียน บม 586 สกลนคร 1 คัน โดยนายอุดรได้รับการติดต่อจากสายสืบเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2556 ให้นำยาบ้าทั้งหมดมาส่งในราคา 1 ล้านบาทเศษ จากนั้นนายอุดรได้นั่งเครื่องบินจากเมืองเวียงจันทน์ ประเทศลาว มาลงสนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนขึ้นเครื่องบินเดินทางต่อมาเข้าพักที่จันทร์สว่างรีสอร์ท อ.หลังสวน ส่วนนายกงและนางวิรุฬย์รับจ้างขนยาบ้าทั้งหมดจาก จ.หนองคายมาส่งให้นายอุดรที่รีสอร์ทดังกล่าว และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปลอมเป็นลูกค้านำเงินสดจำนวน 700,000 บาทไปล่อซื้อจับกุมได้ในที่สุด
    
          ส่วนรายที่สองถูกจับกุมได้เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2556 ขณะขับรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า แอคคอร์ท สีบรอนซ์-ทอง ทะเบียน กง-1983 ยะลา ผ่านด่านตรวจบ้านพละ ริมถนนเพชรเกษม หมู่ที่ 3 ต.เขาไชยราช อ.ปะทิว จ.ชุมพร ผู้ต้องหาประกอบด้วย ส.ท.อนันต์ ป้องเศร้า อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/9 หมู่ที่ 5 ต.ป่าไร่ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี (เป็นทหารยังไม่ทราบสังกัด) และ นายมามะสักรี วาจิ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27/3 หมู่ที่ 3 ต.ผดุงมาตร อ.จะแนะ จ.นราธิวาส ถูกจับได้พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 98,000 เม็ด
    
          หลังจากนั้นมีการสอบสวนขยายผลจนสามารถจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้อีก 2 คนในวันที่ 15 ตุลาคม 2556 คือ นายมะสอและ เจ๊ะเต๊ะ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19 หมู่ที่ 3 ต.ผดุงมาตร อ.จะแนะ จ.นราธิวาส และ ส.อ.มักตาฮารี บินมะ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 23 ม.9 ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส พร้อมรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า แอคคอร์ท สีขาว ทะเบียน วก-74 กรุงเทพมหานคร โดยทั้งสองคนทำหน้าที่ขับรถนำทางและอำนวยความสะดวกให้รถยนต์ที่ขนยาเสพติด ของกลาง สำหรับยาเสพติดทั้งหมดที่สามารถยึดได้มีมูลค่าประมาณ 33 ล้านบาท





ปส.จับแก๊งค้ายาบ้าเรือนจำเชียงราย ยึดได้กว่า 1 แสนเม็ด

          อีกราย พล.ต.ต.ศุภกิจ ศรีจันทรนนท์ รรท.รอง ผบช.ปส. พ.ต.อ.พจน์ บุญมาภาค รรท.ผบก.ประจำ บช.ปส. พ.ต.อ.สมเกียรติ วรรณสิริวิไล รอง ผบก.ปส.3 พร้อมเจ้าหน้าที่ บช.ปส.ร่วมกันแถลงผลจับกุม นางชฎาภา ไกรฤกษ์ อายุ 44 ปี น.ส.สุณิสา อ่ำบัววัน อายุ 46 ปี นายอุดม จะแต๊ะ อายุ 27 ปี น.ส.ธิดา พร้าวพัฒนาการ อายุ 21 ปี น.ส.วันทิพย์ จะแต๊ะ อายุ 20 ปี น.ส.รัชฎา เม่อคำฝาย อายุ 19 ปี น.ส.ยุวพร จะติ อายุ 31 ปี และ น.ส.พัชราภรณ์ จะติ อายุ 25 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 118,000 เม็ด รถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์ ทะเบียน ศท 6090 กรุงเทพมหานคร รถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์ ทะเบียน ผย-316 เชียงใหม่ รถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า สีแดง ทะเบียน ชพ-428 เชียงใหม่ และโทรศัพท์มือถือ 13 เครื่อง โดยสามารถจับกุมได้ที่หน้าห้างบิ๊กซีเอ็กซ์ตร้า ถนนเชียงใหม่-ลำปาง ต.หนองป่าครั่ง
อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ต่อเนื่องถนนสายเชียงใหม่-พร้าว ต.หนองหาร อ.สันทราบ จ.เชียงใหม่ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา
    
          พล.ต.ต.ศุภกิจ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่า นางชฎาภา มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการจำหน่ายยาเสพติด จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการล่อซื้อยาบ้าจากนางชฎาภา โดยนัดส่งมอบกันที่ห้างบิ๊กซีเอ็กซ์ตร้า ถนนเชียงใหม่-ลำปาง ต.หนองป่าครั่ง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ในวันที่ 14 ต.ค. จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้นำกำลังลงพื้นที่เฝ้าสังเกตุการณ์ กระทั่งถึงเวลานัดหมาย นางชฎาภา พร้อมผู้ต้องหาที่ 2-5 ก็มาตามนัด ก่อนทำการเจรจากันและให้สายลับขับรถติดตามไปรับยาบ้าบริเวณริมถนนสายเชียงใหม่-พร้าว ต.หนองหาร อ.สันทราบ จ.เชียงใหม่ เมื่อไปถึงก็พบผู้ต้องหาที่เหลือจึงได้ส่งมอบยาบ้ากัน เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลางดังกล่าว
    
          จากการสอบสวนทราบว่า กลุ่มผู้ต้องหาเจรจารับยาบ้ามาจากผู้ต้องขังในเรือนจำ จ.เชียงราย โดยมี นายอุดม เป็นคนประสานงาน และส่งยาบ้าให้กับนางชฎาภา ไปจำหน่ายให้ลูกค้าในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล โดยทำมานานแล้ว กระทั่งถูกจับกุมได้ดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนทำการขยายผลจับกุมผู้ที่อยู่ในเครือข่ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป