
'ประยุทธ์'ปัดโต้'ธีรยุทธ'วิจารณ์กองทัพ
'ประยุทธ์' ไม่ตอบโต้ 'ธีรยุทธ' วิจารณ์กองทัพเป็นทหารหักถ่อง มอบ 'ผช.ผบ.ทบ.' บูรณาการน้ำท่วม ยันรถถังยูเครน 5 คันแรกถึงไทยปลายปีนี้
15 ต.ค. 56 เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.2 รอ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายธีรยุทธ บุญมี ผอ.สถาบันสัญญาธรรมศักดิ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิจารณ์กองทัพว่า เป็นทหารขี้หักถ่อง หรือทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ ว่า " ถ้าเขาวิจารณ์ตามกระบวนการประชาธิปไตยก็ปล่อยเขาไป " ส่วนกรณีที่นายธีระยุทธ มีการเปรียบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นขี้ย้อง หรือผู้หญิงแต่งตัวสวย แต่ทำอะไรไม่เป็นนั้น ผบ.ทบ.กล่าวว่า ตนไม่ใช่นายกรัฐมนตรี ตนไม่วิจารณ์ผู้บังคับบัญชา ว่าทำดี หรือไม่ดีอย่างไร เพราะเป็นผู้บังคับบัญชา ตนไม่มีสิทธิ์ไปวิจารณ์ เป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชา ตนก็สอนลูกว่า จะมาวิจารณ์ตนก็ไม่ได้เหมือนกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชา จะต้องดูแลลูกน้อง อย่าเอามาพันกัน งานรัฐบาล ข้าราชการการเมือง ข้าราชการประจำ มีกฎกติกาทั้งหมด อย่าเอามาพันกัน ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องอยู่กันแล้ว ถ้าไม่มีกฎระเบียบกัน ก็ไม่ต้องอยู่กันแล้ว ส่วนการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองนั้น ถ้าพวกเขาไม่ใช้ความรุนแรง ถ้าไม่ทำผิดกฎหมาย ตนก็ไม่ห่วง
มอบ 'ผช.ผบ.ทบ.' รับผิดชอบบูรณาการน้ำท่วม
พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดว่า ในภาพรวมได้มอบหมายให้ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก (ผช.ผบ.ทบ.) เป็นผู้รับผิดชอบในการบูรณาการ ซึ่งตนได้สั่งการไปว่า ในปี 2554 เรามีประสบการณ์มาแล้ว วันนี้จึงได้กำหนดโซนนิ่ง กำหนดพื้นที่ให้ชัดเจน และมอบหมายความรับผิดชอบให้ชัดเจน ประสานการปฏิบัติกับกรมป้องกันบรรเทาสาธารณภัย และเปิดช่องทางการสื่อสารกับผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งเป็นผบ.พื้นที่ ซึ่งปีนี้คิดว่าการแก้ไขน้ำท่วมดีกว่าปี 2554 แต่คิดว่าปัญหาน้ำท่วมเป็นปัญหาระยะยาว แต่คิดว่าอยู่ในแผนการแก้ไขปัญหาของทุกรัฐบาลอยู่แล้ว ซึ่งก็จะต้องแก้ปัญหาให้ยั้งยืนต่อไปในอนาคต ตอนนี้ในส่วนของปริมณฑลก็จะต้องดูว่าจะทำอย่างไรที่จะระบายให้ได้มากที่สุด ซึ่งจะต้องระมัดระวังในห้วงของน้ำทะเลหนุน เพราะจะทำให้การระบายน้ำได้ยากมากยิ่งขึ้น
ยันรถถังยูเครน 5 คันแรกถึงไทยปลายปีนี้
พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงข่าวการเลื่อนส่งรถถัง T-84 OPLOT จากยูเครน ว่า ปีหน้าก็จะได้รถถัง T-84 OPLOT ครบ จะมีปัญหาตรงไหน ตนไม่ได้รับรายงานว่ามีปัญหาเรื่องการส่งมอบ ตอนนี้มีการรายงานมาทุกอย่าง และทุกอย่างมีกระบวนการขั้นตอนตรวจสอบ กรมสรรพาวุธก็รายงานมาว่าจะส่งมอบรถถัง T-84 OPLOT ให้แล้วเสร็จภายในปี 2557 ตรงนี้คือส่วนที่กองทัพซื้อ ส่วนที่กองทัพไม่ได้ซื้อ ก็ไม่ได้ส่งให้อยู่แล้ว ถ้าซื้อแล้วทางนั้นต้องส่ง ถ้าไม่ส่งทางนั้นจะต้องรับผิดชอบ เพราะเป็นการซื้อแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี)
"เราไปทำสัญญากับรัฐบาลยูเครน ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องอุตสาหกรรมภายในประเทศของเขา ซึ่งเขาก็มีบริษัทในเครือของเขาทำอยู่ อย่าไปสนใจอะไรเขา เราสนใจแต่ว่าเขาจะส่งให้เราเมื่อไหร่ "
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า รถถัง T-84 OPLOT จะมาภายในสิ้นปีนี้ 5 คัน ส่วนที่เหลือจะส่งมาให้ปี 2557 ซึ่งมีห้วงระยะเวลาของมันอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้ทางนั้นก็จะต้องชดใช้อยู่แล้ว รัฐบาลยูเครน จะต้องรับผิดชอบ ซึ่งเมื่อครั้งที่ผู้บัญชาการทหารบกยูเครนมาเยือนประเทศไทยก็รับปากว่า การส่งมอบรถถังไม่มีปัญหา ยืนยันว่าไม่ได้มีการส่งมอบล่าช้า เพราะตามกำหนดจะส่งมอบให้ภายในปีนี้ ส่วนกำลังพลก็ไปฝึกอยู่ ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาในการฝึกไม่ต่ำกว่า 3 เดือน ส่วนข่าวว่ากำลังพลไม่ได้ค่าเบี้ยเลี้ยง ก็เป็นเรื่องของค่าเบี้ยเลี้ยง ไม่เกี่ยวกับเรื่องรถถัง T-84 OPLOT
"ถ้าเขาให้มาแสดงว่าเขาช่วยสนับสนุนให้ เป็นการให้พิเศษของเขา แต่ค่าเบี้ยเลี้ยงกำลังพลในส่วนของกองทัพบกจะต้องดูแล อย่าเอามาปนกัน ถ้าเอาทุกอย่างมาปนกันหมดมันไม่ใช่ จะต้องแยกให้ออกว่าอะไรเป็นเรื่องของบริษัท หรือรัฐบาล หรืออะไรเป็นเรื่องของกองทัพบก ส่วนไหนขาดก็ว่ากันมา อย่ามาบอกว่าอันนั้นไม่ดี ถ้าพูดแบบนี้เดี๋ยวเดือดร้อนกันหมด ถ้าคนที่ไปไม่ได้ค่าเบี้ยเลี้ยง คงกลับมากันหมดแล้ว"
ย้ำกองทัพดูแลคนทุกเชื้อชาติ
พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในวันฮารีรายอว่า " เราดูแลคนทุกศาสนาในประเทศไทยตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า ทุกเชื้อชาติ ศาสนา ที่อยู่ในประเทศต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่ให้สามารถปฏิบัติตามวัฒนธรรมประเพณี และตามอัตลักษณ์ของตนเองได้ ซึ่งเราก็ดูแลมาตลอด แต่ก็ยังมีการไปพูดว่าเราละเมิด ซึ่งห้วงวันสำคัญทางศาสนาที่ผ่านมาเราก็ดูแลมาตลอด ถามว่าเราไปละเมิดตรงไหน ส่วนการดูแลความปลอดภัยที่จะครบรอบเหตุการณ์ตากใบ วันที่ 25 ต.ค.นี้นั้น วันครบรอบก็คือวันครบรอบ ทำไมจะต้องแรง ทำไมครบรอบแล้วจะต้องมีเหตุการณ์รุนแรง จะเชื้อเชิญให้รุนแรงขึ้นหรืออย่างไร แทนที่จะบอกว่าถึงวันครบรอบแล้ว จะต้องมีการสูญเสียลดลง ไม่ใช่ว่าครบรอบจะต้องรุนแรงขึ้น ถ้าเป็นอย่างนี้ไม่มีวันจบ รบไปก็ไม่มีใครชนะ ประเทศชาติก็เสียหาย ไม่ได้ประโยชน์ และก็ไม่มีวันชนะอยู่แล้ว กลุ่มก่อความไม่สงบใช้วิธีการที่ไม่ใช่ทางทหาร เราก็อดทนอยู่ ไม่อยากทำอะไรรุนแรง ไม่อยากทำอะไรเหมือนไปรังแก เพราะเราอยู่ในสายตาประชาคมโลก แต่เราก็จะต้องดูแลกำลังพลให้ปลอดภัยด้วย สิ่งที่เป็นปัญหาคือความปลอดภัยของกำลังพล และประชาชน เพราะมีการไปทำร้ายประชาชนที่ไม่มีทางสู้"
"ถามว่าเราจะไปร่วมมือกับเขาหรือ ถ้าพูดมาว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ท่านก็จะต้องหยุดความรุนแรงของท่านให้ได้ ไม่อย่างนั้นก็ได้แต่พูดกันไปพูดกันมา พูดคุยกันไปก็ไม่สำเร็จ การพูดคุยเป็นขั้นตอนแรกใน 5 ขั้นตอน ที่นำไปสู่การปฏิบัติ อย่าบอกว่าพูดคุยกันครั้งที่ 3 และเขาจะเลิก หรือจะแรงขึ้น หรือเบาลง จากประสบการณ์ทั่วโลก และเอกสารตำราต่างๆ ระบุว่า การพูดคุยการเจรจามีโอกาสที่สถานการณ์จะแรงขึ้นหรือลดลง แต่จะมีความเสี่ยงต่อรัฐมากขึ้น เพราะเราจะต้องพูดคุยกับเขา ส่วนเขาผู้ที่กระทำความผิด กับผู้ที่กระทำไม่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่เพื่อให้สถานการณ์ยุติโดยเร็ว จึงต้องหาทางว่าจะทำอย่างไร โดยไม่ให้ละเมิดกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่ว่าพูดคุยกัน 3 ครั้งแล้วตกลงกันไม่ได้ เพราะขั้นตอนที่ 1 คือการสร้างความเข้าใจ เปิดประตูช่องทางพูดคุยกันเท่านั้น ขั้นตอนที่ 2 เอาปัญหามาคลี่ออกเพื่อนำสู่กระบวนการแก้ไขทางกฎหมาย ขั้นตอนที่ 3 คือการประกาศเจตนารมณ์ว่า เราจะมีข้อตกลงร่วมกัน ขั้นตอนที่ 4 คือการจัดทำโรดแมพ ว่าจะทำอะไรอย่างไร และขั้นตอนที่ 5 คือการปฏิบัติตามขั้นตอนของโรดแมพ รู้ว่าสื่อห่วงใย แต่จะเอื้อประโยชน์ให้อีกฝ่ายหนึ่ง กดดันเจ้าหน้าที่ทำงาน"
ยันทหารจะต้องเป็นที่พึ่งของประชาชน
พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานในวันสถาปนา พล.ร.2 รอ. ครบ 39 ปี โดยมี พล.ต.กู้เกียรติ ศรีนาคา ผบ.พล.ร.2 รอ.ให้การตอนรับ ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ชมการปฏิบัติทางทหาร 1 หมวด โดยมีการสาธิตการยิงปืนฉับพลัน การปฏิบัติการทางยุทธวิธี การจำลองสถานการณ์การช่วยเหลือตัวประกัน การปิดล้อมตรวจค้น ชุดปฏิบัติการทหารทรหด จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ให้โอวาทกำลังพลว่า กองทัพบกถือเป็นครอบครัวใหญ่ที่สามารถนำประเทศชาติก้าวไปข้างหน้าได้ภายในกรอบระบอบประชาธิปไตย ที่ต้องใช้กฎหมายและกติกามากมาย ทั้งนี้ พล.ร.2 รอ. เป็นหน่วยแรกที่ได้มาเยี่ยมและมีความเข้าใจในภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากกองทัพบก พร้อมเป็นที่พึ่งของประชาชน คำแรกที่ต้องระลึกไว้เสมอคือ เพื่อชาติ ศาสตร์ กษัตริย์ และประชาชน ทำอย่างไรให้ผลงานปรากฏเป็นผลสัมฤทธิ์นั้น ต้องมีความฉลาด รอบรู้ ทันสมัย และมีวิสัยทัศน์
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้เราจะต้องเตรียมความพร้อมให้เข้มแข็งพร้อมปฏิบัติภารกิจทุกรูปแบบให้ได้ ในส่วนของงานด้านชายแดนถือว่าเราทำได้ดี เพราะสถานการณ์ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมากนะ แต่หากมีสถานการณ์เราต้องรักษาอธิปไตยไว้ให้ได้ทุกตารางนิ้ว สำหรับการปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ทุกคนต้องหมุนเวียนไปปฏิบัติงานด้วยความทุ่มเท เสียสละ อดทน ทั้งนี้ภาระสำคัญคือการดูแลเป้าหมายในเชิงรับ เป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็วในการคลี่คลายสถานการณ์ ในขณะเดียวกันต้องปฏิบัติการเชิงรุกโดยการบังคับใช้กฎหมาย อย่างไรก็ตามการแก้ปัญหาภาคใต้ ทุกคนต้องระมัดระวังให้มากที่สุด ปี2557 ตนจะมุ่งเน้นในการลดอันตรายที่จะเกิดกับกำลังพลให้มากที่สุด โดยการเพิ่มการปฏิบัติงานทั้งกลางวันและกลางคืนให้เต็มพื้นที่ให้มากกว่าเดิม พร้อมทั้งระมัดระวังความขัดแย้งที่จะเกิดกับกำลังพล สนองตอบรัฐบาลในการพัฒนาพื้นที่ ในขณะเดียวกันต้องบูรณาการกับส่วนราชการ 17 กระทรวง 66 หน่วยงาน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การปฏิบัติงานในพื้นที่ภาคใต้ต้องพัฒนาตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น วันนี้ทุกอย่างพัฒนาไปเป็นที่น่าพอใจ แต่ผู้ก่อความไม่สงบยังแสวงหาโอกาสในการทำร้ายเจ้าหน้าที่ จึงอยากให้ทุกคนไปคิดว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร ทั้งนี้ทหารต้องมีระเบียบวินัย คำสั่งของผู้บังคับบัญชาถือเป็นที่สุด การดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาให้มีความก้าวหน้าต้องหมุนเวียนเลื่อนยศกันไป คนที่ได้เลื่อนเป็นผู้บังคับบัญชาไม่ได้เลื่อนมาเพื่อเสวยสุข แต่ต้องรับผิดชอบ ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาให้มากขึ้น ทุกคำสั่งต้องชัดเจน ทุกคนต้องหนักแน่นในการทำหน้าที่
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ว่า พล.ร.2 รอ. ถือเป็นกองพลทหารราบหลักจาก 9 กองพลทหารราบ ซึ่งปีนี้เป็นปีแห่งการพัฒนาและนำมาสู่ความทันสมัย ซึ่งต้องขอความร่วมมือจากทุกเหล่าในกองทัพบก ซึ่งเรามีกองพลทหารราบยานเกราะเพียงกองพลเดียวคือ พล.ร.2 รอ. ซึ่่งเพียงพอในการป้องกันประเทศ เพราะสามารถเคลื่อนไปทำการรบที่ไหนก็ได้ ซึ่งกองพลยานเกราะมีความคล่องแคล้วในการเคลื่อนที่ มีอำนาจกำลังรบ มีอาวุธยิงสนับสนุนและหลักการจู่โจมด้วยความรวดเร็ว ซึ่งเป็นหน่วยนำในการปฏิบัติกับข้าศึกในที่หมายตามแนวชายแดน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า พล.ร.2 รอ. มีการพัฒนาตามลำดับ เดิมทีเรามียานเกราะเพียง กรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์ (ร.2 รอ.) แต่วันนี้จัดเพิ่ม 2 กรม คือ กรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ซึ่งจัดหาได้กรมละ 1 กองพัน แต่ไม่เป็นไรเพราะเข้าใจในเรื่องงบประมาณว่ามีจำกัด เราจึงต้องวางแผนพัฒนากองทัพอย่างต่อเนื่อง และเราได้จัดหมวดหมู่ทุกอย่างไว้แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเท่าไหร่ เราก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรพิเศษ ซึ่งที่ผ่านมายุทโธปกรณ์ของกองทัพได้นำไปช่วยเหลือยามปกติจำนวนมาก ซึ่งนายกรัฐมนตรีรับปากจะดูแลเรื่องนี้ให้ในอนาคต