ข่าว

ไขคดี!ตร.โคกครามยิงตัวตาย(2)

ไขคดี!ตร.โคกครามยิงตัวตาย(2)

13 ต.ค. 2556

คลี่ปมปริศนา CSI THAILAND : 'หยดเลือด'...ไขคดีตร.โคกครามยิงตัวตาย (2) : โดย...ทีมข่าวรายงานพิเศษ

 

                            การเสียชีวิตของ ร.ต.ต.วรพจน์ เสฏฐวัฒอังกูร รองสว.สส.สน.โคกคราม เมื่อช่วงใกล้เที่ยงของวันที่ 21 กันยายน ที่ผ่านมา กลายเป็นประเด็นครึกโครมทันที หลังภรรยาของผู้หมวดวัย 37 ปีรายนี้ ตั้งข้อสงสัยในสาเหตุการตายของสามี

                            เงินจำนวน 3 หมื่นบาท ที่อ้างว่า ก่อน "ร.ต.ต.วรพจน์" เสียชีวิต ได้มอบหมายให้ภรรยานำไปทิ้ง โดยระบุว่าเป็นเงินส่วนแบ่งค่าล้มคดีจับปาร์ตี้ยาเสพติด จำนวน 1 ล้านบาท ที่ได้จากลูกชายนายทหารระดับ เสธ.รายหนึ่งหยิบยื่นให้ เพื่อแลกกับการไม่ถูกส่งตัวดำเนินคดี

                            ภรรยาผู้ตายยังตั้งข้อสังเกตถึงทูตมรณะขนาด 9 มิลลิเมตร ในมือขวาผู้ตาย อาจไม่ใช่ปืนประจำกายของ "ร.ต.ต.วรพจน์" ที่สำคัญคือสามีถนัดมือซ้าย ไม่น่าจะใช้มือขวาจับปืนแล้วลั่นไกปลิดชีพตัวเอง

                            ประเด็นที่ว่ามานี้ ต้องอาศัยหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ในการคลี่ปมสงสัยว่า "ผู้หมวด" สายสืบ สน.โคกคราม รายนี้ ปลิดชีพตัวเอง หรือมีใครฆาตกรรมแล้วจัดฉากให้เป็นคดีฆ่าตัวตายหรือไม่?

                            พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษา (สบ10) ขณะนั้นยังคงทำหน้าที่ผู้ช่วยผบ.ตร. ซึ่งได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ให้เข้าไปอำนวยการในการคลี่คลายปมสงสัยในคดีดังกล่าว ได้สั่งการให้ตำรวจชุดคลี่คลายคดีตรวจสอบฐานข้อมูลผู้ครอบครองอาวุธปืนขนาด 9 มิลลิเมตร ซึ่งพบอยู่ในมือขวาของ "ร.ต.ต.วรพจน์"

                            ปืนกระบอกดังกล่าวเป็นปืนขนาด 9 มิลลิเมตร LUGER ยี่ห้อ Beretta รุ่น MOD.92 FS ขอจดทะเบียนไว้กับกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ใบอนุญาตเลขที่ 118/2553 สถานที่ออกใบอนุญาตคือ อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2553 โดยเป็นปืนในโครงการสวัสดิการข้าราชการกรมการปกครอง ระบุชื่อครอบครองคือ นายวรพจน์ กาทองทุ่ง อยู่บ้านเลขที่ 77/1 หมู่ 9 ต.บ้านดารา อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์

                            ผลการตรวจสอบพบว่า "นายวรพจน์ กาทองทุ่ง" ซึ่งมีชื่อเป็นผู้ครอบครองอาวุธปืนกระบอกนี้ แท้ที่จริงแล้วคือบุคคลคนเดียวกับ "ร.ต.ต.วรพจน์ เสฏฐวัฒอังกูร" โดยนามสกุล "กาทองทุ่ง" คือนามสกุลเดิมของ "ร.ต.ต.วรพจน์" ก่อนที่จะเปลี่ยนมาใช้ "เสฏฐวัฒอังกูร" เมื่อไม่นานมานี้

                            ตำรวจพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่า ปืนกระบอกนี้อยู่ในมือขวาวางอยู่บนตักด้านขวาของ ร.ต.ต.วรพจน์ โดยปืนยิงไป 1 นัด พบปลอกกระสุนขนาด 9 มิลลิเมตร ตกอยู่ในช่องเก็บของข้างกระปุกเกียร์ จำนวน 1 ปลอก พร้อมด้วยแจ็กเก็ตกระสุนปืน (เศษรองกระสุน) ตกอยู่ภายในรถ 1 อัน

                            ภายในปืนพบแม็กกาซีนบรรจุกระสุน 5 นัด และมีกระสุนขัดในลำกล้องปืนอีก 1 นัด ขณะที่แม็กกาซีนสำรองมีกระสุนบรรจุอยู่ 15 นัด นอกจากนี้ภายในกระเป๋าสะพายที่วางอยู่ข้างตัวผู้ตายพบกระสุนอีก 2 นัด บรรจุอยู่ รวมกระสุนทั้งสิ้น 24 นัด โดยเป็นกระสุนปืนยี่ห้อ Tai Arm ทั้งหมด และมีสภาพเหมือนกัน

                            ขณะที่ผลการผ่าพิสูจน์ศพพบว่า ผู้ตายมีรอยกระสุนปืนขนาด 9 มิลลิเมตร ที่ศีรษะด้านขวา ทะลุกะโหลกศีรษะด้านซ้าย แนววิถีกระสุนจากหลังไปหน้า และจากขวาไปซ้าย มุมเงยประมาณ 20 องศา ซึ่งขนาดของกระสุนปืนที่พบภายในรถคันเกิดเหตุตรงกันกับบาดแผลของผู้ตาย นอกจากนี้ในการนำอาวุธปืนกระบอกดังกล่าวไปยิงทดสอบ ก็พบว่า มีร่องรอยตรงกันกับปลอกกระสุนที่ตกอยู่ภายในรถยนต์คันเกิดเหตุ

                            "ปืนที่ใช้ยิงและกระสุน รวมถึงปลอกกระสุนที่พบในที่เกิดเหตุรวมทั้งหมด ร.ต.ต.วรพจน์มีอยู่ 24 นัด อยู่ในแม็กกาซีน 5 นัด ขัดลำกล้อง 1 นัด ยิงไปแล้ว 1 นัด ก็เป็นปลอกกระสุนและหัวแจ็กเก็ตที่มาด้วยกัน ในส่วนที่มีอยู่ในแม็กกาซีนสำรองอีก 15 นัด อยู่ในกระเป๋าสะพายอีก 2 นัด รวมทั้งหมด 24 นัด ยี่ห้อไทยอาร์ม ดูสภาพเก่าใหม่แล้วพบว่าอยู่ในลอตเดียวกันเลย จากการเปรียบเทียบปลอกกระสุนที่พบตกอยู่ในรถและปลอกกระสุนที่นำปืนของ ร.ต.ต.วรพจน์มายิงทดสอบเปรียบเทียบ ก็พบว่าสามารถเข้ากันได้ สรุปได้ว่าถูกยิงมาจากปืนกระบอกเดียวกัน" พล.ต.อ.จรัมพร ให้ข้อมูล

                            การที่จะยืนยันได้ว่า ขณะเกิดเหตุ ร.ต.ต.วรพจน์เกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธปืนหรือไม่นั้น พล.ต.อ.จรัมพรให้ข้อมูลว่า สามารถยืนยันได้จากการตรวจสอบคราบเขม่าดินปืน เนื่องจากบุคคลที่เพิ่งผ่านการยิงปืนเมื่อตรวจสอบแล้วจะพบคราบเขม่าดินปืนแปดเปื้อนอยู่บนมือ ขณะที่ในสถานที่เกิดเหตุหากเป็นสถานที่ปิดเช่นรถยนต์ลักษณะนี้ก็น่าจะพบคราบเขม่าดินปืนเช่นกัน

                            ในการตรวจสอบคราบเขม่าดินปืนภายในรถยนต์โตโยต้า รุ่นคัมรี สีเทา ทะเบียน ชผ 8837 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถยนต์คันเกิดเหตุ พบเขม่าดินปืนในปริมาณมาก จำนวน 3 จุด โดยจุดแรกที่แผงบุประตูด้านหน้าข้างซ้าย จุดต่อมาคือแผงบุประตูด้านหลังข้างซ้าย และที่แผงบุประตูด้านหลังข้างขวา ซึ่งปริมาณเขม่าดินปืนที่พบมีมากสามารถยืนยันได้ว่ามีการยิงปืนภายในรถยนต์คันนี้ 

                            "ในการตรวจเขม่าดินปืน เราตรวจภายในรถเพื่อพิสูจน์ว่า เหตุที่เกิดขึ้นมีการยิงในรถหรือยิงมาจากที่อื่น ถ้ายิงมาจากที่อื่น ในรถก็ไม่น่าจะมีเขม่า แต่ลักษณะในรถที่เราไปตรวจ พบคราบเขม่ามีอยู่ในรถตามจุดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นประตูหน้า ประตูหลัง ซึ่งเป็นบริเวณที่เมื่อยิงแล้วก็จะฟุ้งกระจาย ขณะที่การตรวจเขม่าที่มือของผู้ที่เสียชีวิตเราจะเห็นได้ว่า ที่มือซ้ายมีทั้งแบเรียม แอนติโมนี และตะกั่ว ในปริมาณที่สูง ปริมาณขนาดนี้ในทางวิทยาศาสตร์ถือว่าสูง สรุปได้ว่าเกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธปืน ขณะที่มือขวามีน้อยกว่ามือซ้าย ซึ่งเราต้องวิเคราะห์ต่อว่า เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น สำหรับเหตุที่เป็นเช่นนี้เราสันนิษฐานได้ว่า น่าจะเกี่ยวข้องกับการประคองปืนจับสองมือ มือซ้ายประคองที่ด้านหน้าซึ่งใกล้กับบริเวณที่คัดปลอกกระสุน ตรงนี้จะเป็นจุดที่มีควันออกเยอะ เพราะฉะนั้นมือซ้ายจึงมีปริมาณเขม่าที่มากกว่ามือขวา" พล.ต.อ.จรัมพร อธิบาย

                            การตรวจสอบเขม่าดินปืนอย่างละเอียดพบว่า ที่หลังมือซ้ายของผู้ตายพบเขม่าดินปืน ซึ่งประกอบด้วยธาตุแบเรียม (Ba) ปริมาณ 88.31 ไมโครกรัมต่อลิตร ธาตุแอนติโมนี (Sb) ปริมาณ 225.96 ไมโครกรัมต่อลิตร และธาตุตะกั่ว (Pb) ปริมาณ 6110.3 ไมโครกรัมต่อลิตร

                            ที่หลังมือขวาพบเขม่าดินปืนในปริมาณที่น้อยกว่าหลังมือซ้ายค่อนข้างมาก คือ พบธาตุแอนติโมนี ปริมาณ 148.36 ไมโครกรัมต่อลิตร ธาตุแบเรียม ปริมาณ 246.97 ไมโครกรัมต่อลิตร และธาตุตะกั่ว ปริมาณ 986.62 ไมโครกรัมต่อลิตร

                            ขณะที่บริเวณฝ่ามือซ้ายพบเขม่าดินปืนเพียงเล็กน้อย โดยพบธาตุแอนติโมนี ปริมาณ 11.72 ไมโครกรัมต่อลิตร ธาตุแบเรียม ปริมาณ 95.62 ไมโครกรัมต่อลิตร และธาตุตะกั่ว ปริมาณ 102.94 ไมโครกรัมต่อลิตร ส่วนที่ฝ่ามือด้านขวาก็พบเขม่าดืนปืนเพียงเล็กน้อยเช่นกัน โดยพบธาตุแอนติโมนี ปริมาณ 22.18 ไมโครกรัมต่อลิตร ธาตุแบเรียม ปริมาณ 98.86 ไมโครกรัมต่อลิตร และธาตุตะกั่วปริมาณ 133.94 ไมโครกรัมต่อลิตร

                            จากการสอบสวนทราบว่า ขณะเกิดเหตุมีผู้พบเห็นเหตุการณ์ใกล้ชิด 2 คน คือ ด.ต.ทองแดง ภูแม่นเขียน และ ส.ต.อ.สอัศจินดา น้อยหวอย ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของ ร.ต.ต.วรพจน์ ก็ถูกส่งตัวเข้ารับการตรวจสอบคราบเขม่าดินปืนเช่นกัน แต่ปรากฏว่า ไม่พบคราบเขม่าดินปืนบนมือของตำรวจทั้ง 2 นาย แม้แต่น้อย

                            นอกจากการตรวจสอบคราบเขม่าดินปืนแล้ว ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานยังได้เก็บตัวอย่างคราบเลือดที่เปื้อนอยู่บนอาวุธปืนที่พบในที่เกิดเหตุ ไปตรวจสอบดีเอ็นเอ พบว่าตรงกันกับดีเอ็นเอของผู้ตาย หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ทั้งในส่วนของเขม่าดินปืนและดีเอ็นเอจากหยดเลือดไม่พบว่ามีของผู้อื่นปนเปื้อนแต่อย่างใด

                            สำหรับข้อสงสัยในประเด็นการใช้มือขวาเหนี่ยวไก ทั้งที่ผู้ตายถนัดมือซ้ายนั้น พล.ต.อ.จรัมพรได้กำชับให้ตำรวจชุดคลี่คลายคดีคลี่ปมสงสัยให้กระจ่าง ซึ่งมีการตรวจสอบภาพถ่ายการทำกิจกรรมต่างๆ ของ ร.ต.ต.วรพจน์ ขณะยังมีชีวิตอยู่ พบว่ามีภาพจำนวนไม่น้อยที่ผู้ตายใช้มือขวาในการทำกิจกรรม เช่น ใช้มือขวาจับไมค์ร้องเพลง ใช้มือขวาจับมีดตัดเค้ก หรือใช้มือขวากรอกน้ำ

                            โดยเฉพาะภาพถ่าย การฝึกซ้อมยิงปืนของผู้ตาย ที่ใช้มือขวาจับด้ามปืนมีมือซ้ายประคองและใช้นิ้วชี้ขวาเหนี่ยวไกปืน ภาพที่ปรากฏมีความชัดเจนว่าผู้ตายใช้มือขวาทำกิจกรรมที่หลากหลาย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะใช้มือขวาจับปืนแล้วยิงตัวตาย

                            สำหรับท่าทางในการจับปืนก่อนจะเหนี่ยวไกปืน พล.ต.อ.จรัมพร และตำรวจชุดคลี่คลายคดี ได้จำลองท่าทางของผู้ตายขณะลั่นกระสุนอย่างละเอียด ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญอีกส่วนหนึ่ง รายละเอียดจะเป็นเช่นไร ติดตามต่อตอนหน้า

 

 

--------------------------

(ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง : ไขคดี!ตร.โคกครามยิงตัวตาย(1)

 

- http://www.komchadluek.net/detail/20131006/169866/ไขคดี!ตร.โคกครามยิงตัวตาย(1).html

 

คลี่ปมปริศนา CSI THAILAND : 'หยดเลือด'...ไขคดีตร.โคกครามยิงตัวตาย (2) : โดย...ทีมข่าวรายงานพิเศษ)