สิ้น'หมอสมหมาย'แล้ว!ด้วยวัย93ปี | คมชัดลึก

               11 ต.ค.56 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายอัศวิน ทองประเสริฐ บุตรบุญธรรมนายแพทย์สมหมาย ทองประเสริฐ ว่านายแพทย์สมหมาย ทองประเสริฐ ได้เสียชีวิตลงแล้วด้วยอาการสงบที่โรงพยาบาลศิริราช อาการไตวายเฉียบพลัน

               นายแพทย์สมหมาย ทองประเสริฐ เกิดเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2464 เป็นชาวสิงห์บุรี จบการศึกษา เภสัชศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคณะแพทย์ศาสตร์ ศิริราชพยาบาล อดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิงห์บุรี และสาธารณะสุขจังหวัดสิงห์บุรี เริ่มสนใจการใช้สมุนไพรรักษาโรคมะเร็งมาตั้งแต่ พ.ศ.2508 จนปี พ.ศ.2512 ได้พบคนไข้เป็นมะเร็งระยะสุดท้ายที่หมอให้กลับบ้าน เพื่อรอเวลามาพบคุณหมอจนหมอสมหมายใช้สมุนไพรรักษาหาย

               จากนั้นหมอสมหมายจึงใช้สมุนไพรรักษาคนไข้เรื่อยมา จนปี พ.ศ.2521 หมอสมหมายได้ลาออกจากราชการมาเปิดคลินิครักษาอย่างจริงจังจนได้รับฉายาว่า “หมอเทวดา “

               ทั้งนี้ นายแพทย์สมหมาย  เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราช เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2556 ด้วยอาการอ่อนเพลีย จนเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2556 เวลา 07.40 น. นายแพทย์สมหมาย ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบที่โรงพยาบาลศิริราช ด้วยอาการไตวายเฉียบพลัน อายุ 93 ปี

               สำหรับศพของนายแพทย์สมหมาย จะมีการนำศพจากโรงพยาบาลศิริราชมารดน้ำศพและตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดสังฆราชาวาส อ.เมือง จ.สิงห์บุรี ในวันที่ 12 ตุลาคม 2556 เวลา 16.00 น. และมีกำหนดการพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 19 ตุลาคม 2556 เวลา 16.00 น.

               อย่างไรก็ตาม คลินิกนายแพทย์สมหมาย ที่ตั้งอยู่เลขที่ 152/17 ต.บางมัญ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี ซึ่งเป็นคลินิกที่หมอสมหมายเปิดรักษาอยู่นั้น นายอัศวิน เปิดเผยว่าหลังจากเสร็จสิ้นงานนายแพทย์สมหมายแล้ว จะมีนายแพทย์นิกร ไวประดับ ซึ่งเป็นหลานนายแพทย์สมหมายจะเข้ามาดูแล และรักษาคนไข้ต่อไป

 

 

"อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ"แสดงความเสียใจ ต่อการจากไปของ "หมอสมหมาย"

 

               นพ.ธวัชชัย กมลธรรม อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวถึงกรณีการเสียชีวิตของ นพ.สมหมาย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญการรักษาโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองและท่อน้ำเหลืองด้วยการใช้สมุนไพรควบคู่กับการรักษาแผนปัจจุบัน จนเป็นที่ยอมรับ ว่า การจากไปของท่าน นพ.สมหมาย ทางกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ ขอแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียบุคลากรที่มีคุณค่าด้านการแพทย์แผนไทยไป ซึ่งท่านเป็นผู้ที่ได้สร้างคุณประโยชน์มหาศาลให้กับการแพทย์แผนไทยอย่างมาก ทำให้เป็นที่ยอมรับมากขึ้น โดยท่านถือเป็นผู้บุกเบิกที่นำสมุนไพรไทยมาใช้ในการรักษามะเร็งควบคู่กับการรักษาแพทย์แผนปัจจุบันจนเป็นที่ยอมรับ ได้ผลในระดับหนึ่ง และได้มีการถ่ายทอดองค์ความรู้ โดยมีการขึ้นทะเบียนสูตรยาที่เป็นภูมิปัญญาไทย และองค์การเภสัชกร (อภ.) ได้ทำการผลิต และระหว่างนี้อยู่ระหว่างการต่อยอดเพื่อวิจัยเพิ่มเติม ในส่วนของคลินิกที่เปิดให้การรักษาผู้ป่วยนั้น ท่านมีลูกชายที่เป็นเภสัชกรคงดูแลต่อเพื่อให้การรักษาผู้ป่วยต่อไป