
'จอยซ์ ทีเค'พ้นคุก!หลังญาติชำระค่าปรับ
ศาลไฟเขียว!ปล่อยตัว'จอยซ์ ทีเค'พ้นคุกค่ำนี้ หลังญาติหอบเงินเกือบ 2.82 แสนชำระค่าปรับคดียานรก
8 ต.ค.56 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น.ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำที่ ย.476/2548 ที่พนักงานอัยการคดียาเสพติด 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.พรพรรณ รัตนเมธานนท์ หรือ จอยซ์ ทีเค อายุ 32 ปี อดีตนักร้องสาววง “ไทร์อัมพ์ คิงส์ด้อม” ค่ายเบเกอรี่มิวสิค, นายจิตพัฒน์ หรือโต้ง สังฆสุวรรณ แฟนหนุ่ม อายุ 33 ปี และนายนิมิตร เป็งศิริ อายุ 35 ปี ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีน หรือยาบ้าไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตาม พรบ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4 , 7 , 8 , 15, 66 และ 102
โดยอัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2548 ระบุพฤติการณ์ความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 23 พ.ย.2547 จำเลยกับพวกร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่ายจำนวน 4,040 เม็ด น้ำหนัก 364.040 กรัม ซึ่งก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด บก.น.2 จับกุมผู้ค้ายาเสพติด 3 คนได้ที่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเทสโก้ โลตัส ภายในปั๊มน้ำมันเอสโซ่ ถนนพหลโยธิน และที่ลานจอดรถชั้นสอง อาคารทีวีซี คอนโดมิเนียม ถนนประชาสงเคราะห์ แขวงและเขตสายไหม และจากการสอบสวนขยายผล ผู้ต้องหารับว่ารับยาบ้ามาจากจำเลยที่ 1 และ 2 จึงวางแผนล่อซื้อยาบ้าจำนวน 300 เม็ด เมื่อจำเลยทั้งสองนำยาบ้ามาส่งที่ ซอยยิ้มประกอบ 4 ถนนงามวงศ์วาน ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี จึงจับกุมดำเนินคดี จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นที่บ้านของจำเลยที่ 2 พบยาบ้าอีก 3,740 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ ซึ่งจำเลยที่ 1 และ 2 ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน แต่ให้การปฏิเสธต่อสู้คดีในชั้นศาล ส่วนจำเลยที่ 3 ถูกจับกุมภายหลัง และให้การปฏิเสธต่อสู้คดีมาโดยตลอด
คดีนี้ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 29 ธ.ค.2548 ให้จำคุก น.ส.พรพรรณ จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 12 ปี ปรับ 510,000 บาท และจำคุกตลอดชีวิตจำเลยที่ 2 ปรับ 1.2 ล้านบาท คำให้การของจำเลย เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดีอยู่บ้างลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 8 ปี ปรับ 340,000 บาท และให้บวกโทษขับรถขณะเมาสุรา จำคุก 1 เดือนของศาลแขวงพระโขนง รวมจำคุกจำเลยที่ 1 ทั้งสิ้น 8 ปี 1 เดือน และปรับ 340,000 บาท ส่วนนายจิตพัฒน์ จำเลยที่ 2 จำคุก 33 ปี 4 เดือน ปรับ 800,000 บาท และจำเลยที่ 3 นายนิมิตร ให้ยกฟ้อง แต่ให้ขังไว้ระหว่างอุทธรณ์ ขณะที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 6 ก.ค.2550 แก้ให้เพิ่มโทษให้ น.ส พรพรรณ จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 33 ปี 5 เดือน ปรับ 800,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 2 คงจำคุก 33 ปี 4 เดือน ปรับ 800,000 บาท และยกฟ้องจำเลยที่ 3 แต่ให้ขังไว้ระหว่างฎีกา ต่อมาจำเลยที่ 1 และ 2 ยื่นฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันโดยละเอียดรอบคอบแล้วเห็นว่า จำเลยที่ 1 ยื่นฎีกาว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาบ้าที่มีการขยายผลไปค้นบ้านจำเลยที่ 2 จำนวน 3,740 เม็ด ซึ่งข้อเท็จจริงปรากฏว่า เมื่อล่อซื้อยาจากจำเลยที่ 1-2 ที่ส่งยาบริเวณหน้าบ้านของจำเลยที่ 2 จำนวน 300 เม็ดแล้วจึงมีการขยายผลไปสู่การตรวจค้นที่บ้านพักของจำเลยที่ 2 พบว่า มียาบ้าจำนวน 140 เม็ด พร้อมอุปกรณ์การเสพวางอยู่กลางห้อง ส่วนยาบ้าจำนวน 3,600 เม็ดนั้น พบซุกซ่อนอยู่บริเวณบาร์เหล้า ใต้โซฟา และลิ้นชักในห้องนอน ซึ่งไม่ได้เป็นที่เปิดเผย และจากการสืบพยานไม่ปรากฏพฤติการณ์ที่ชี้ว่าจำเลยที่ 1 มีส่วนร่วมรู้เห็นในยาบ้า จำนวน 3,600 เม็ดด้วยจึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยที่ 1 ว่าครอบครองยาจำนวน 3,600 เม็ด
ส่วนที่จำเลยที่ 1 ฎีกาให้ลงโทษสถานเบาเห็นว่า เมื่อยาที่อยู่ในครอบครองมีจำนวนมาก ถึง 440 เม็ด การที่ศาลชั้นต้นกำหนดโทษและลดโทษให้ 1 ใน 3 จำคุก 8 ปี 1เดือน ปรับ 340,000 บาท ถือเป็นคุณกับจำเลยอยู่แล้ว จึงไม่มีเหตุลดโทษให้น้อยกว่าที่กำหนดไว้
ส่วนที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า การตรวจค้นของเจ้าหน้าที่มิชอบโดยในการจับกุมไม่ได้มีการถ่ายรูปตอนการตรวจค้น และถูกเจ้าหน้าที่ข่มขู่ให้รับสารภาพโดยบังคับให้ลงรายมือชื่อโดยไม่ได้อ่านข้อความนั้น เห็นว่า การตรวจค้นบ้านจำเลยที่ 2 ของเจ้าหน้าที่ได้กระทำต่อเนื่องหลังจากที่จำเลยที่ 1 และ 2 ได้ส่งมอบยา 300 เม็ด จากการล่อซื้อผ่านเพื่อของจำเลยที่ได้ถูกจับกุมก่อนหน้าที่เป็นการจับกุมซึ่งหน้าและจำเลยที่ 2 ก็ได้พาชี้จุดที่ได้เก็บยาบ้าไว้ภายในบ้าน ที่จำเลยที่ 2 อ้างว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ อยู่ภายในบ้านแล้ว ศาลเห็นว่าหากจะมีการยัดยาก็สามารถที่จะทำได้ขณะอยู่ที่หน้าบ้านแล้วไม่จำเป็นที่จะต้องลำบาก เข้าไปในบ้านให้ยุ่งยาก ส่วนที่กล่าวอ้างว่าเจ้าหน้าที่มีการข่มขู่และให้ลงชื่อในบันทึกการจับกุมนั้นเป็นเพียงคำกล่าวอ้างลอยๆ ส่วนที่อ้างว่าการจับกุมไม่เป็นไปตามขั้นเนื่องจากไม่ได้มีการถ่ายรูปขณะตรวจค้นนั้น เห็นว่าตำรวจที่เข้าตรวจค้นมีจำนวนหลายคนและเข้าตรวจค้นต่อหน้าตัวจำเลยมีการบ่งหน้าที่กันทำและเป็นการตรวจค้นต่อเนื่องจึงถือเป็นกรณีเร่งด่วน ฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น
จึงพิพากษาแก้เป็นว่าหากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทนค่าปรับเป็นเวลา 1 ปี โดยให้บังคับโทษจำคุกจำเลยทั้งสองตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ภายหลังฟังคำพิพากษาระหว่างที่ น.ส. พรพรรณ จำเลยที่ 1 ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไปยังห้องขัง ได้ยิ้มและยกมือไหว้ผู้สื่อข่าว พร้อมกล่าวสั้นๆ เพียงว่า คดีนี้ตนได้จำคุกมาเป็นเวลา 8 ปี 10 เดือนแล้ว ขณะที่วันนี้ มีญาติ น.ส.พรพรรณ เข้ามาร่วมฟังคำพิพากษาจำนวนมาก รวมถึง น.ส.สุรัตนาวี สุวิพร หรือ โบว์ ไทรอัมพ์คิงด้อม ซึ่งเป็นเพื่อนนักร้องสาวที่เคยออกอัลบั้มคู่กันจนเคยมีชื่อเสียงโด่งดัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ น.ส.พรพรรณ จำเลยที่ 1 นั้น แม้ว่าขณะนี้จำคุกครบตามคำพิพากษาแล้ว 8 ปี 1 เดือน แต่เนื่องจากจำเลยยังไม่ได้ชำระค่าปรับตามคำพิพากษา 340,000 บาท จึงต้องถูกกักขังแทนค่าปรับเป็นเวลา 1 ปี ตามคำพิพากษาศาลฎีกา ซึ่งหากภายในวันนี้จำเลย ชำระค่าปรับตามคำพิพากษา ก็สามารถถูกปล่อยตัวได้ภายในวันนี้ แต่ถ้าจำเลยไม่อาจชำระค่าปรับ ก็จะถูกส่งตัวไปกักขัง ยังสถานกักขัง จ.ปทุมธานีต่อไป
ล่าสุด เมื่อเวลา 16.30 น. ศาลได้ออกหมายปล่อย น.ส.พรพรรณ หรือจอยซ์ ทีเค จำเลยคดีค้ายาบ้าที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก 8 ปี 1 เดือน และปรับ 3.4 แสนบาท หลังจากที่ญาติของ น.ส.พรพรรณ จำเลย ได้ชำระค่าปรับจำนวน 282,000 บาทจากจำนวนทั้งหมด 340,000 บาท ซึ่งได้มีการหักกลบลบเงินค่าปรับวันละ 200 บาทที่ น.ส.พรพรรณ ได้จำคุกเกินจากคำพิพากษามาแล้วเป็นเวลา 9 เดือน
โดยเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้นำหมายปล่อยจากศาล แจ้งไปยังทัณฑสถานหญิงกลาง บางเขน เพื่อดำเนินการปล่อยตัว น.ส.พรพรรณ ต่อไปในช่วงค่ำวันนี้