ข่าว

สามเหล่าทัพผนึกกำลัง!ช่วยน้ำท่วม

สามเหล่าทัพผนึกกำลัง!ช่วยน้ำท่วม

26 ก.ย. 2556

สามเหล่าทัพผนึกกำลัง!ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม : ตะลุยกองทัพ โดยทีมข่าวความมั่นคง

               ทุกครั้งที่เกิดภัยธรรมชาติ หรือภัยพิบัติครั้งใหญ่ในประเทศ "ทหาร" คือ ชื่อแรกที่คนไทยจะต้องนึกถึง โดยเฉพาะเหตุการณ์มหาอุทกภัยเมื่อปี 2554 ที่ทุกเหล่าทัพได้ระดมทั้งกำลังพล และยุทโธปกรณ์ออกมาช่วยเหลือประชาชนกันเต็มอัตราศึก เช่นเดียวกับเหตุอุทกภัย 15 จังหวัดของประเทศในยามนี้ที่ทุกเหล่าทัพได้ระดมสรรพกำลังช่วยเหลือประชาชนโดยพร้อมเพรียงกัน

               เริ่มจาก กองทัพบก (ทบ.) ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก สั่งจัดกำลังพลเพิ่มขึ้นเป็น 3,950 นาย รถยนต์บรรทุก 145 คัน เรือท้องแบน 63 ลำ พร้อมชุดแพทย์เคลื่อนที่เข้าช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โดยการช่วยเหลือส่วนใหญ่เป็นการใช้กำลังทหาร เพื่อขนย้ายคนและสิ่งของหนีน้ำไปยังพื้นที่ปลอดภัย การก่อกระสอบทราย และการสร้างพนังกั้นน้ำ

               กองทัพบกยังได้จัดกำลังพลเข้าไปดูแลใน 3 พื้นที่หลัก คือ 1. จ.ปราจีนบุรี ที่ อ.กบินทร์บุรี มณฑลทหารบกที่ 12 คงกำลังทหาร 200 นาย เข้าช่วยเหลือประชาชนขนย้ายสิ่งของ จัดรถ และเรือบริการรับ-ส่งประชาชน รวมถึงชุดแพทย์จากโรงพยาบาลค่ายจักรพงษ์ออกตรวจสุขภาพ และประสานการรักษาพยาบาลกับโรงพยาบาลกบินทร์บุรี

               ที่ อ.ศรีมหาโพธิ กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ส่งกำลัง 120 นาย ออกช่วยอำนวยความสะดวกประชาชน ทั้งการขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง และจัดรถบรรทุกรับ-ส่งประชาชน ที่ อ.เมือง กำลังทหาร 80 นาย ได้เข้าช่วยวางกระสอบทรายเป็นแนวกั้นน้ำจากแม่น้ำปราจีนไม่ให้ไหลเข้าท่วมโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ และเขตเทศบาลเมือง

               2. จ.ศรีสะเกษ กำลังพลจากกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 106 ส่งกองร้อยบรรเทาสาธารณภัย 150 นาย เข้าช่วยประชาชนขนของหนีน้ำตั้งแต่เมื่อวันที่ 21 กันยายน ทั้งยังใช้รถบรรทุกและเรือในการรับ-ส่งประชาชน และแจกจ่ายถุงยังชีพ

               3. จ.สุรินทร์ กำลังพลจากจังหวัดทหารบกสุรินทร์ ประมาณ 300 นาย และรถยนต์บรรทุก ออกบริการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่สำคัญ ได้แก่ ต.เฉนียง และ ต.ตอโค อ.เมือง อ.สำโรงทาบ โดยได้เข้าช่วยเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจากโรงพยาบาลสุรินทร์ โรงพยาบาลสังขะ, โรงพยาบาลสำโรงทาบ โรงพยาบาลศีขรภูมิ ขณะที่สโมรสรนายทหารค่ายวีรวัฒน์โยธิน ได้เปิดให้ผู้ประสบภัยได้พักอาศัย

               ในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล กองทัพภาคที่ 1 ได้ส่ง "ชุดประเมินภัยพิบัติ" เข้าประเมินสถานการณ์ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาตามชุมชนริมน้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อแจ้งเตือน และให้การช่วยเหลือทันทีหากเกิดภาวะน้ำล้นตลิ่ง

               ขณะที่ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบกได้แจ้งเตือนหน่วยทหารในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคเหนือตอนล่าง ให้พร้อมรับสถานการณ์น้ำท่วมในช่วง 15-29 กันยายน ที่อาจจะเกิดฝนตกต่อเนื่องจากอิทธิพลร่องมรสุมที่จะพัดผ่านประเทศไทย

               ด้าน กองทัพเรือ (ทร.) ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ โดย พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้จัดกำลังพลพร้อมยุทโธปกรณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยให้ติดตามสถานการณ์และพร้อมให้การช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุการณ์หรือได้รับการร้องขอ

               กองทัพเรือได้เตรียมความพร้อมของเรือหลวงตาปี และเรือหลวงสีชัง พร้อมอากาศยานเฮลิคอปเตอร์ (ฮ.) จำนวน 2 ลำ และชุดปฏิบัติการพร้อมปฏิบัติหน้าที่หมู่เรือเฉพาะกิจบรรเทาสาธารณภัยทางทะเลกองทัพเรือภายใน 48 ชั่วโมง และส่งเรือผลักดันน้ำ 16 ลำ เข้าประจำในพื้นที่เสี่ยงในคลองบางเขน คลองทวีวัฒนา และคลองพระยาราชมนตรี สนับสนุนการระบายน้ำของกทม.

               ขณะที่ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพอากาศ โดย พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ ได้จัดกำลังพลยุทโธปกรณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยสนับสนุนอากาศยาน 3 ลำ บินตรวจพื้นที่อ่างเก็บน้ำต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

               ทั้งยังได้สั่งการให้ 3 กองบินที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ คือ กองบิน 1 จ.นครราชสีมา, กองบิน 21 จ.อุบลราชธานี และกองบิน 23 จ.อุดรธานี เร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่และเขตใกล้เคียงที่ได้รับความเดือดร้อน

               ทั้งนี้ กองทัพอากาศในส่วนกลางยังได้เตรียมทราย และถุงบรรจุทราย เพื่อใช้ทำเป็นแนวกั้นน้ำ เบื้องต้น ได้เตรียมเครื่องบินซี-130 ไว้ลำเลียงกระสอบทรายไปช่วยเหลือประชาชนเฉพาะในพื้นที่รับผิดชอบ 3 กองบินก่อน

               จะเห็นได้ว่า ในยามที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อน กำลังทหารจากกองทัพไทยไม่เคยทอดทิ้งประชาชน ทั้งยังออกให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มความสามารถ โดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก ซึ่งเป็นเรื่องที่ได้รับการพิสูจน์มานักต่อนักแล้ว


................


(หมายเหตุ : สามเหล่าทัพผนึกกำลัง! ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม : ตะลุยกองทัพ โดยทีมข่าวความมั่นคง)