'แองเจล่า แมร์เคิล'ชนะใจ!คว้าชัยลต.เยอรมนี

               23 ก.ย.56 นางแองเกล่า แมร์เคิล ของเยอรมนี เอาชนะใจผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งชาวเยอรมันได้อีกครั้ง ทำให้เธอกลายเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศ ที่ได้รับชัยชนะในเลือกตั้งอย่างยิ่งใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่เฮลมุท โคห์ล เอาชนะการเลือกตั้งหลังการรวมเยอรมันตะวันตกกับเยอรมันตะวันออก เมื่อปี 2533

               ทั้งนี้ ผลคะแนนที่รายงานโดยสถานีโทรทัศน์ เซเดเอฟ เมื่อเวลา 12.02 น. ตามเวลาของกรุงเบอร์ลิน พบว่า พรรคสหภาพคริสเตียน เดโมแครต หรือ CDU ได้ที่นั่ง 41.8 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่พรรคสังคมประชาธิปไตย หรือ SDP ของนายเพียร์ ชไตน์บรืก ได้ 25.6 ที่นั่ง ซึ่งคะแนนเสียงที่ได้รับ ทำให้พรรคของนางแมร์เคิล เกือบจะครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร หรือ บุนเดสท้าก แต่ก็อาจจะเชิญหุ้นส่วนมาจัดตั้งรัฐบาลผสม เพื่อบริหารประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรปแห่งนี้เป็นสมัยที่ 3 ซึ่งพรรคที่เหลือได้แก่ พรรคเสรีนิยม ที่เคยร่วมรัฐบาล ได้ที่นั่งเพียง 4.7 เปอร์เซ็นต์ , พรรคกรีน 8 เปอร์เซ็นต์ และพรรคฝ่ายซ้าย หรืออดีตพรรคคอมมิวนิสต์ ได้8.5 เปอร์เซ็นต์

               หนังสือพิมพ์บางฉบับพาดหัวว่า " ยุคของแมร์เคิลลิซึ่ม " สำหรับชัยชนะของผู้นำ ที่ในบ้านของเธอเรียกว่า " มัมมี่ " แต่โลกภายนอกเรียกเธอว่า " ผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลที่สุดของโลก จากการที่เธอสามารถนำพาประเทศผ่านมรสุมวิกฤติยูโร โดยที่เศรษฐกิจไม่กระทบกระเทือนและยังคงรักษาเรตติ้งทริปเปิล เอ และอัตราการว่างงานต่ำมาได้อย่างตลอดรอดฝั่ง

               ด้านหนังสือพิมพ์ แฟรงค์เฟิร์ตท่าร์ แอลเกอไมเน่อ ระบุว่า ในการผลักดันเพื่อให้อยู่ในอำนาจต่อไปพรรคที่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยมแห่งนี้ ไม่ได้เดิมพันด้วยนโยบาย แต่เป็นที่ตัวบุคคล ซึ่งก็คือ นายกรัฐมนตรี ส่วนเว็บไซท์ข่าว ชปีเกล ออนไลน์ ระบุว่า ในที่สุดเยอรมนีก็กลายเป็นดินแดนแองเกล่าแมร์เคิล และตอนนี้ พรรค CDU ก็ครองอำนาจเต็มที่และกลับไปสู่ยุคของนายกรัฐมนตรีคอนราดอเดนาวร์ ตอนที่บริหารประเทศแบบพรรคเดียวในช่วงที่เยอรมนีกำลังฟื้นฟูจากความยับเยินเพราะพิษของสงครามด้วยบรรยากาศที่เรียกว่า " อิโคโนมิค มิราเคิล "

               ผลสำรวจที่จัดทำโดยสถาบัน ฟอร์ชุงชกรุ๊ปป์ วาห์เลน ที่เผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันเลือกตั้ง พบว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของผู้ถูกสำรวจ เชื่อว่านายกรัฐมนตรีแมร์เคิลทำผลงานได้ยอดเยี่ยม และมีเพียง 17 เปอร์เซ็นต์ที่ไม่เห็นด้วย ส่วนหนังสือพิมพ์ ซุดด๊อยเช่อ ระบุว่า สิ่งที่พลเมืองให้แมร์เคิลไม่ใช่แค่ชัยชนะ แต่มันมากกว่านั้น เธอชนะเพราะตัวของเธอเอง ในฐานะนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับคะแนนนิยมที่เป็นเอกลักษณ์ที่สุดในประวัติศาสตร์สหพันธ์สาธารณรัฐ

               แมร์เคิล กลายเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 4 นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา ที่ได้ดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่ 3 และเธอได้บอกกับผู้สนับสนุนที่สำนักงานใหญ่ของพรรคที่กรุงเบอร์ลินว่า" ถึงผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้ง ดิฉันสัญญาว่า จะบริหารงานด้วยความรับผิดชอบและใส่ใจ เราจะทำทุกอย่างที่สามารถทำได้ ใน4 ปีนับจากนี้ไป เพื่อเป็นหลักประกันว่าจะเป็นปีแห่งความสำเร็จสำหรับเยอรมนี " (To the voters, I promise that we will handle it responsibly and with care.We will do everything we can in the next four years to ensure that they’re once again successful years for Germany)

               อย่างไรก็ตาม หลังจากกวาดคะแนนเสียงเลือกตั้งอย่างถล่มทะลาย ด้วยผลงานตัวเลขการว่างงานที่ต่ำที่สุดในรอบ 2 ทศวรรษ และการรับมือกับวิกฤติยูโร นางแมร์เคิลวัย 59 ปี ได้เตรียมที่จะพบปะกับผู้นำของหลายพรรค เพื่อหารือเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลผสมต่อไป