ข่าว

'ขี่ม้า'กีฬาประจำบ้าน'แพรว'

'ขี่ม้า'กีฬาประจำบ้าน'แพรว'

21 ก.ย. 2556

ขอเวลานอก : ขี่ม้าสร้างสัมพันธ์ กีฬาประจำบ้าน 'แพรว-จรัสลักษณ์ ตันวิบูลย์' : เรื่อง ณุวภา ฉัตรวรฤทธิ์ /ภาพ ปราโมทย์ พุทไธสง

 

                       "ถ้าเราตื่นเต้นม้าก็จะตื่นไปเลย คือม้าเขาจะรู้นะว่าเรารู้สึกยังไง ไม่เหมือนกีฬาอย่างอื่นจริงๆ  ตามใจตัวเองไม่ได้ต้องขึ้นอยู่ที่ม้าด้วย ที่เราด้วย"

 

                       ความผูกพันกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง มักมีเวลาให้นึกถึงที่ยาวนาน แม้ปัจจุบันจะไม่ได้คลุกคลีกับเรื่องนั้นบ่อยๆ เหมือนกับกิจกรรมโปรดวันนี้ที่เจ้าของเรื่องราวสารภาพเมื่อพูดถึงการขี่ม้า ว่าคิดถึง และไม่ได้ทำมาพักใหญ่ เนื่องจากเวลาที่หายไปตามหน้าที่การงาน แต่เมื่อลองขอให้ไปรำลึกถึงสาว "แพรว" จรัสลักษณ์ ตันวิบูลย์ นางฟ้าน้องใหม่แห่งสายการบินนกแอร์ในวัย 23 ปี  ก็พาเราไปยังสนามฝึกการขี่ม้า เช็คเมท ฮอร์ส คลับ (Checkmate horse club) ย่านสายไหม ควบม้าชิวๆ พร้อมเล่าเรื่องราวความผูกพันกับกีฬาชนิดนี้ให้เราฟังกัน

                       "การขี่ม้าเป็นกีฬาครอบครัวแพรวค่ะ ที่บ้านมีพี่น้อง 3 คน พี่สิ (พิชญ์สินี ตันวิบูลย์) เป็นพี่คนโต คนกลางคือแพรว แล้วก็น้องเพลง (พรหมหฤษฎ์ ตันวิบูลย์) ทุกคนเติบโตมากับการขี่ม้าหมด เหมือนคุณพ่อคุณแม่อยากให้เรามีกิจกรรมทำด้วยกัน ก็เลยพาไปขี่ม้ากันที่พัทยาทุกวันเสาร์ - อาทิตย์ เล่นตั้งแต่ 10 ขวบได้ มีการลงแข่งกันตามรายการต่างๆ พี่สาวกับน้องชายจะแข่งประเภทสวยงาม ส่วนแพรวจะแข่งประเภทกระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง เพราะรู้สึกท้าทายกว่า ต้องควบคุมม้าให้ได้ในเวลาที่จำกัด ศิลปะการบังคับม้าแพรวว่าเป็นจิตวิทยา ต้องให้สมาธิเยอะใช้ความนิ่ง ความเงียบคอยควบคุมม้าให้เป็นไปตามที่เราคิด " สาวแพรวบอกถึงจุดเริ่มต้น ระหว่างการเดินทางไปที่สนามม้า

                       เพราะเพิ่งเรียนจบเป็นบัณฑิตไฟแรงจาก คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และเข้ามารับหน้าที่เป็นแอร์โฮสเตสทันที เวลาทำกิจกรรมยามว่าง ทั้งชิลเอาท์ ต่อยมวย เล่นโยคะอย่างที่เคยทำก็ลดน้อยลง เหมือนการสัมภาษณ์วันนี้สาวแพรวพึ่งบินลงมาจาก จ.เชียงใหม่ และเดินทางไปสนามม้าต่อแบบไม่รีรอ ก่อนออกตัวว่าให้ควบม้าแบบจัดเต็มเหมือนเมื่อก่อนคงไม่ไหว เพราะร่างกายยังปรับตัวไม่ดีนัก แต่ให้ขี่ม้าพาเดินท่าสวยๆ ล่ะก็ เจ้าตัวทำได้สบาย ระดับนักกีฬาควบคุมได้ทุกด้านอยู่แล้ว

                       "แพรวลงแข่งมาเรื่อยๆ จนถึงช่วงก่อนเข้ามหาวิทยาลัย แบ่งเป็นระดับความสูง เช่น 90 เซ็นติเมตร อีกคลาสหนึ่งก็เป็น 100 เมตร สูงๆ หน่อยก็ 120 เมตร สมัยนี้ไม่แน่ใจแล้วว่าเขาไปถึง 140 เมตรรึยัง ของแพรวเคยทำได้สูงสุดก็ประมาณ 100 เมตร มีถ้วยที่บ้านเยอะพอสมควรนะ รางวัลที่ภูมิใจที่สุดคือรายการควีนคัพ ได้ถ้วยพระราชทานของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในความสูง 70 เซนติเมตร (ยิ้ม) เพราะรายการนี้เราตั้งใจฝึกมาหนักมาก จากนั้นก็ขี่ม้ามาตลอดจนมีช่วงที่ม้าแพรวตาย ตอนนั้นเสียใจมากค่ะ เขาชื่อสู้ เป็นม้าที่เลี้ยงมาประมาณ 6 ปี เขาจากแพรวไปเร็วด้วยเพราะป่วยเป็นโรค เราเลยทำใจไม่ได้อารมณ์เหมือนเลี้ยงสุนัขเลยค่ะ เรารักมากอยู่แล้วเพราะเจอกันทุกวัน หลังจากสู้เสียไปแล้วช่วงนั้นเราก็เข้ามหาวิทยาลัยด้วย แพรวไปเรียนที่ศาลายา ก็ไกลกับสนามมากเลยไม่ได้ขี่ม้าอีกพักใหญ่  ส่วนพี่สาวก็ห่างๆ ไปหลังจากเข้ามหาวิทยาลัยแล้วทำงานเลยเหมือนกัน" อดีตนักกีฬาหน้าคมพูดถึงการแข่งขัน

                       เมื่อมาถึงสนามก็พร้อมสลัดคราบแอร์สาวเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเชิ้ตขาว กางเกงสเล็ค รองเท้าบูท และหมวกเข้าชุด สไตล์สบายๆ แต่ยังเนี๊ยบ ระหว่างรอม้าเจ้าตัวบอกว่าถ้าเป็นการแข่งแบบทางการ อย่างแรกเราต้องขนย้ายม้าเราไปก่อนเพื่อให้คุ้นชินกับสถานที่ จากนั้นก็เตรียมตัวเองให้มีสมาธิพร้อม เสื้อผ้าก็ต้องใส่สูทเสื้อสีขาว ถุงมือขาว ม้าก็ต้องถักเปียตามกฏให้ดูสง่า นับเป็นเสน่ห์ของกีฬานี้ที่ค่อนข้างพิถีพิถันกับการแต่งตัวเป็นพิเศษ ว่าจบไม่ทันไรเจ้าอาชาตัวสวยก็พร้อมให้สาวแพรวกระโดดขึ้นอาน พาเดินไปรอบๆ สนามก่อน เป็นการสร้างความคุ้นเคย ปรับอารมณ์เข้าหากัน จากนั้นก็เริ่มวิ่งเหยาะๆ บังคับท่าทางการเดินให้สวยงามขึ้นเรื่อยๆ พอม้าเริ่มคุ้น คราวนี้ก็วิ่งไปได้อย่างอิสระ สาวแพรวยิ้มก่อนบอกว่า ช่วงที่สามารถบังคับทิศทางได้เรื่อยๆ โดยม้าไม่ดื้อนั้นก็มายถึงจิตใจเราสื่อกับเขาได้แล้ว ทีนี้ก็ควบคุมได้ตามใจชอบ แต่วันนี้ขอพาวิ่งเบาๆ ก็ถือว่าได้ผ่อนคลายจากการงานที่เพิ่งทำเสร็จเมื่อกี้แล้ว

                       "ตอนลงแข่งก็มีช่วงท้อนะ อย่างเช่นเกิดการผิดพลาดจากตัวเราเองทำคะแนนเสีย หรือถ้าเราตื่นเต้นม้าก็จะตื่นไปเลย คือม้าเขาจะรู้นะว่าเรารู้สึกยังไง ไม่เหมือนกีฬาอย่างอื่นจริงๆ ตามใจตัวเองไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ม้าด้วย ที่เราด้วย แพรวยังไม่เคยได้รับอันตรายแบบรุนแรงจากกีฬานี้ เคยตกลงมาโดนมาเหยียบช่วงลำตัวแต่ก็ไม่เป็นอะไร แล้วแต่ดวงจริงๆ วิธีเซฟของตัวเองมีน้อยมาก หรือแทบไม่มี (หัวเราะ) เพราะสำคัญที่เราต้องเรียนรู้ควบคุมด้วยตัวเองทุกอย่าง หมั่นฝึกซ้อม ใช้จิตใจสื่อสารกับม้า ใส่ใจดูพฤติกรรมของเขาเวลาม้าเครียดจะอยู่ไม่นิ่ง วิธีผ่อนคลายคือตบที่ต้นคอเบาๆ เป็นการให้กำลังใจ พูดชม ให้แครอทหลังฝึกหรือแข่งเสร็จ" แอร์สาวบอกถึง ความยากและเทคนิคพิชิตสนาม

                       เมื่อเห็นลีลาสวย ความมุ่งมั่นสูง จึงอดถามถึงเรื่องการสานต่อไม่ได้กีฬาบนหลังม้าไม่ได้ เจ้าตัวยิ้มและบอกว่าอนาคตอยากมีกิจการเล็กๆ ควบคู่กับการทำงานบนฟ้ามากกว่า จะได้เติมเต็มอิสระของชีวิตที่ คุณพ่อปพนพัฒฐ์ และ คุณแม่พัทร์ศรัณย์ ตันวิบูลย์ให้มาตลอดด้วยวิธีเลี้ยงแบบไม่หวง ไม่ดุ เปิดใจให้ลูกมีชีวิตของตัวเองเต็มที่ ทำให้ทุกคนมีความความรับผิดชอบตัวเองสูง เข้าใจว่าพ่อแม่ไว้ใจแล้วต้องอย่าทำให้ท่านผิดหวัง แม้จะไม่จริงจังกับการขี่ม้าเหมือนแต่ก่อน แต่ก็จะไม่เลิกเล่นกีฬาของครอบครัวแน่นอน

                       ก่อนกลับสาวแพรวฝากบอกว่า การขี่ม้าช่วยเรื่อง บุคลิกภาพ สมาธิ ทำให้ได้เพื่อนใหม่ และได้แข่งขัน ที่สำคัญคือ การฝึกซ้อมร่วมกับสัตว์ที่มีหัวใจ ไม่เหมือนไม้กอล์ฟ ไม้เทนนิส เป็นอุปกรณ์ที่เราซื้อใหม่ได้ ใช้งานได้ตามใจชอบแน่นอน