
หนึ่งในสองคนนี้จะเป็นประธานาธิบดีพม่าคนต่อไป
หนึ่งในสองคนนี้จะเป็นประธานาธิบดีพม่าคนต่อไป : สุทธิชัย หยุ่น
ภาพนี้เห็นสองคนที่จะแข่งกันเป็นประธานาธิบดีคนต่อไปของพม่า...อองซาน ซูจี, ผู้นำฝ่ายค้านปัจจุบัน, และฉ่วย มาน, ประธานสภาของพม่าวันนี้
ประธานาธิบดีเต็งเส่ง ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาขณะเยือนฝรั่งเศส ว่า เขาเองจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง กลับมาเป็นผู้นำประเทศในปี 2015 หรืออีกสองปีข้างหน้า และ “ไม่ขัดข้อง” ที่อองซานซูจี จะเสนอตัวเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป
ขณะเดียวกันอองซานซูจี เองก็เปิดเผยว่าเธอได้ขอให้ประธานสภาฉ่วยมาน ใช้บารมีการเมืองของตนเองช่วยผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อว่าเธอและเขาจะได้แข่งขันกันอย่างเป็นธรรมและโปร่งใส
เป็นการเมืองฉากใหม่ของพม่าที่น่าสนใจยิ่ง เพราะตัวละครกำลังจะเปลี่ยนไปจากกลุ่มทหารเดิมมาเป็นการเลือกตั้งที่นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอย่างอองซาน ซูจี ซึ่งเคยถูกกักบริเวณ 15 ปีกำลังจะลงสมัครตำแหน่งผู้นำประเทศแข่งกับอดีตนายพลที่วันนี้กลายเป็น “ทหารนักปฏิรูป” ที่มีภาพลักษณ์ว่าทหารพร้อมจะเป็นนักประชาธิปไตยเหมือนกัน
อองซาน ซูจี ไม่ได้ใช้วิธี “ล็อบบี้” ลับหลังกับประธานสภาคนนี้ เธอพูดออกมาอย่างเปิดเผยต่อหน้านักข่าวในระหว่างการให้สัมภาษณ์ที่ตึกรัฐสภาโดยที่ฉ่วยมาน ก็ยืนอยู่ข้าง ๆ
“ท่านประธาน, หากท่านมีความกล้าที่จะแข่งขันกับดิฉันในการเลือกตั้ง กรุณาช่วยในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อว่าดิฉันจะสามารถเป็นประธานาธิบดีได้...หาไม่แล้ว ก็แปลว่าท่านไม่ได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง...”
เป็นการเปิดหน้าชกอย่างไม่ต้องปกปิดกันอีกต่อไป แต่ก็ไม่ใช่การปะฉะดะของนักการเมืองอย่างที่เราเห็นในไทย
ฉ่วยมาน เป็นหัวหน้าพรรครัฐบาล Union Solidarity and Development Party (USDP) ขณะที่อองซาน ซูจี เป็นหัวหน้าพรรค National League for Democracy (NLD)
ต้องไม่ลืมว่าฉ่วยมาน เคยเป็นนายพลที่ใหญ่อันดับ 3 สมัยที่ทหารพม่าปกครองประเทศแบบเผด็จการเต็มตัว
รัฐธรรมนูญของพม่าประกาศใช้ตั้งแต่ปี 2008 ระบุไว้ว่าผู้มีสามีหรือภรรยาหรือลูกที่มีเชื้อสายต่างชาติจะเป็นประธานาธิบดีไม่ได้
อองซานซูจีมีสามี (เสียชีวิตแล้ว) และลูกชายสองคนถือสัญชาติอังกฤษ
ตอนที่กองทัพพม่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ใคร ๆ ก็เชื่อว่าเป็นการเขียนโดยมีอองซาน ซูจี เป็นเป้าคนเดียวเท่านั้น
สภาล่างของพม่าเรียกว่า Pyithu Hluttaw ซึ่งวันนี้มีเสียงส่วนใหญ่เป็น ส.ส. ของพรรครัฐบาลและทหารที่มีโควตาเท่ากับร้อยละ 25 ของจำนวน ส.ส. ทั้งหมด
แปลว่าหากทหารและรัฐบาลไม่เอาด้วยก็ไม่มีทางแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะเปิดทางให้อองซาน ซูจี สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีได้
ไม่ว่าจะเป็นประเด็นคนมีสามีและภรรยาเป็นต่างชาติเป็นผู้นำไม่ได้ หรือที่จะเลิกกติกาให้โควตาที่นั่งในสภาให้ทหาร 75% อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
วันที่ฉ่วยมาน กับอองซาน ซูจี ยืนแถลงข่าวพร้อมกันที่ตึกรัฐสภา นั้น ประธานสภาก็บอกนักข่าวว่า “พวกคุณอย่าพยายามทำให้ผมกับอองซานซูจีทะเลาะกัน เพราะเราจะไม่ทะเลาะกัน...”
เขาบอกว่าหากเขาปฏิบัติต่อ อองซาน ซูจี เสมือนหนึ่งเป็นศัตรู “ประวัติศาสตร์ก็จะกลับมาซ้ำเดิมอีกครั้ง และความสามัคคีในชาติก็แตกหักเพราะความแตกแยกของพรรคการเมือง เราควรจะต้องเรียนรู้จากประสบการณ์นั้น”
การเมืองพม่ากำลังเข้าสู่ภาวะที่น่าตื่นตาตื่นใจจริง ๆ
.....................
(หมายเหตุ : หนึ่งในสองคนนี้จะเป็นประธานาธิบดีพม่าคนต่อไป : สุทธิชัย หยุ่น http://www.oknation.net/blog/blackcheepajornlok/2013/09/03/entry-1)