ข่าว

ตะลุยข่าว-เปิดโฉม...มัจจุราชฆ่าเสี่ยปุ๋ย

ตะลุยข่าว-เปิดโฉม...มัจจุราชฆ่าเสี่ยปุ๋ย

27 ม.ค. 2552

"อ้วนแล้วนะไปนวดสลายไขมัน สักหน่อยดีมั้ย ป๊าไปมาแล้ว น้ำหนักลดลงตั้งเยอะ“ เป็นเหตุผลที่ทำให้ นางสุมิตรา โรจน์เจริญทรัพย์ ภรรยาของนายมานพ เตียวสุวรรณ หรือเสี่ยน้อย เจ้าของบริษัทผลิตปุ๋ยเคมี ตรากิเลน ยอมแยกตัวออกห่างจากสามี ทั้งที่ก่อนหน้านั้นทั้งสองมักไปไ

 สุมิตราย้อนลำดับเหตุการณ์ก่อนสามีของเธอจะถูกคนร้ายบุกสังหารอย่างโหดเหี้ยมว่า สามีต้องการให้ไปนวดสลายไขมัน เพราะเห็นว่าตัวเองน้ำหนักเพิ่มขึ้น จึงพาเธอไปส่งที่ร้านสปา ก่อนจะไปทำธุระต่อที่ธนาคารกสิกรไทย สาขาจันทอุดม อ.เมือง จ.ระยอง
 ซึ่งทันทีที่สามีของเธอก้าวลงจากรถ ก็มีชายฉกรรจ์รูปร่างผอมสูง สวมเสื้อยืดสีขาวคลุมทับด้วยเสื้อสีเขียวคล้ายเสื้อทหาร เดินตามประกบ แล้วชักปืนยิงใส่ 1 นัด ขณะที่นายมานพพยายามเอาชีวิตรอดด้วยการวิ่งหนีไปที่หน้าธนาคารหวังให้มีคนช่วยชีวิต พร้อมตะโกนร้องขอชีวิตจากคนร้ายไปตลอดทาง
 แต่มือปืนรายนี้ก็แสดงความโหดเหี้ยมให้ผู้คนในบริเวณนั้นได้เห็นอย่างถนัดถนี่ วิ่งไล่ตามนายมานพไปติดๆ พร้อมกับกระหน่ำยิงใส่ร่างเหยื่ออย่างอุกอาจ กระสุนเข้าที่ขาขวา และหน้าอก รวม 3 นัด จนนายมานพแน่นิ่งมือปืนจึงหันหลังเดินถือปืนหนีไปขึ้นรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงิน ซึ่งมีคนร้ายอีกคนติดเครื่องรออยู่ที่ปากทางเข้าหอพักเลิศลำเลียง ห่างจากจุดลั่นไกเพียง 100 เมตร ขี่หนีไปอย่างใจเย็น
 "ฉันไม่คิดว่าสามีของฉันจะจากไปรวดเร็วเช่นนี้ หากย้อนเวลากลับไปได้ ในวันนั้นฉันคงไม่ยอมแยกห่างจากเขา เพราะเรามักไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด" นางสุมิตรากล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
 คดีสังหารโหดเจ้าของบริษัทผลิตปุ๋ยเคมี ตรากิเลน เกิดขึ้นเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 20 มกราคม ที่หน้าธนาคารกสิกรไทย สาขาจันทอุดม อ.เมือง จ.ระยอง หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผบก.ภ.จว.ระยอง สั่งระดมกำลังตำรวจออกไล่ล่าคนร้ายให้ได้โดยเร็ว ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานก็ได้เบาะแสของทีมสังหารกลุ่มนี้
 ทีมสังหารทีมนี้ ได้แก่ นายศักดิ์ชาย สง่าแสง หรือเล็ก อายุ 39 ปี นายสมพร ทองใบ หรือพร อายุ 41 ปี และนายประจวบ สร้อยระย้า หรือหมา อายุ 37 ปี ทั้งหมดเป็นชาว จ.จันทบุรี
 ในวันเกิดเหตุนายศักดิ์ชายทำหน้าที่ขับรถยนต์ ทะเบียน กฉ 3175 ระยอง พานายประจวบ ซึ่งเป็นมือปืนหลบหนี ขณะที่คนขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ ทะเบียน คทน 441 ชลบุรี พามือปืนหนีออกจากที่เกิดเหตุคือนายสมพร นอกจากนี้ยังมีผู้จัดหาพาหนะที่ใช้ในการหลบหนีอีก 2 คน คือ นายจักรินทร์ พลรถ อายุ 20 ปี และนายนิติ มิ่งมีชัย อายุ 20 ปี
 หลังทราบเบาะแสของคนร้าย ตำรวจสามารถติดตามจับกุมนายจักรินทร์ และนายนิติ ได้ที่ อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ซึ่งนายจักรินทร์สารภาพว่า เป็นคนงานก่อสร้าง มีนายศักดิ์ชายเป็นนายจ้าง ในวันเกิดเหตุได้รับคำสั่งจากนายศักดิ์ชายให้ขี่รถจักรยานยนต์ที่มือปืนใช้หลบหนี ซึ่งมีคนนำมาจอดทิ้งไว้ที่ อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง ไปส่งที่หน้าโรงเรียนสตรีมารดา อ.เมือง จ.จันทบุรี แต่ถูกตำรวจจับกุมได้ก่อน
 ส่วนที่เหลือได้ออกหมายจับแล้ว ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน โดยไม่ได้รับอนุญาต
 แนวทางการสืบสวนของตำรวจทราบว่า ทีมสังหารทีมนี้ได้รับค่าจ้างจากเสี่ยรายหนึ่งในราคา 1.5 แสนบาท โดยสาเหตุการลอบสังหารนั้น ตำรวจมุ่งประเด็นขัดแย้งเกี่ยวกับธุรกิจปุ๋ยเคมี โดยก่อนนายมานพจะถูกสังหาร เขาตรวจสอบพบว่า มีขบวนการค้าปุ๋ยปลอมลักลอบนำกระสอบปุ๋ยเคมีบริษัทของเขาไปให้บริษัทผลิตปุ๋ยเคมีแห่งหนึ่งใน อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี เพื่อบรรจุปุ๋ยปลอมส่งจำหน่ายให้แก่เกษตรกรในภาคอีสาน
 หลังทราบข้อมูลดังกล่าว นายมานพได้เข้าแจ้งความต่อตำรวจ ก่อนจะนำกำลังตำรวจเข้าจับกุมปุ๋ยปลอมได้ 300 กระสอบ ที่โกดังแห่งหนึ่งในหมู่บ้านโนนค้อ อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้นายธีระชัย แสนแก้ว อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว และดำเนินการขยายผล กระทั่งทราบว่าปุ๋ยปลอมดังกล่าวมีที่มาจากโรงงานผลิตปุ๋ยแห่งหนึ่งใน อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี จึงสั่งปิดโรงงานผลิตปุ๋ยดังกล่าวไปเมื่อกลางปี 2551 ต่อมานายมานพถูกตามสังหารมาแล้วหลายครั้ง แต่หนีรอดมาได้

 อัจฉรา วิเศษศรี รายงาน