
ท่านอ้วนเกินเหตุเพราะ'กินทุกอย่างที่ขวางหน้า'
ท่านอ้วนเกินเหตุเพราะ'กินทุกอย่างที่ขวางหน้า' : สุทธิชัย หยุ่น
เมื่อผลตรวจสุขภาพของ “ท่านผู้แทนอันทรงเกียรติ” ในรัฐสภาแล้วพบว่าท่านทั้งหลาย “อ้วนเกินเหตุ” เพราะท่านไม่รักษาสุขภาพ และกินแบบไม่ดูแลอาหารการกินเท่าที่ควร
หรือพูดง่าย ๆ คือ “กินไม่เป็น”
หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็อาจจะบอกว่า “กินไม่เลือก”
พูดเฉพาะเรื่องบริโภคอาหารนะครับ, อย่าได้ตีความทางการเมืองเป็นอันขาดเพราะพอก้าวข้ามเข้าไปเรื่องการเมืองคราใด, คำว่า “กิน” และ “บริโภค” ก็จะมีความหมายไปในทางอันไม่พึงปรารถนาทีเดียวเชียวครับ
ที่ผมต้องเขียนเรื่อง ส.ส. และ ส.ว. ของเราร้อยละ 90 มีไขมันสะสมมากเกินเกณฑ์ และร้อยละ 60 เข้าข่ายเป็น ”โรคอ้วน” นั้นเป็นเรื่องน่าเป็นห่วงยิ่งนัก เพราะนี่ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ใครคิดสถิติให้ตกใจกันเล่นเท่านั้น แต่เป็นการตรวจโดยนายแพทย์ของโรงพยาบาลรามาธิบดีและ กรมอนามัยของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
ผลการตรวจพบว่านักการเมืองไทยป่วยเป็นโรคอ้วน เสี่ยงต่อเบาหวาน และโรคหัวใจถามหาอย่างน่าเป็นห่วงเป็นยิ่งนัก
จากสถิติผลการตรวจสุขภาพของผู้แทนราษฎร์และสมาชิกวุฒิสภา เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2551 ที่ผ่านมาของ สำนักงานนกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพหรือ สสส. ได้เปิดเผยพบว่ามีผู้รับบริการทั้งสิ้น 530 คน ประกอบด้วย ส.ส. และส .ว. 130 คน อายุระหว่าง 28 ถึง 85 ปี, เจ้าหน้าที่รัฐสภา 274 คน สื่อมวลชน 57 คนและบุคคลทั่วไป 69 คน
ผลการตรวจสุขภาพด้วยเครื่อง “อินบอดี้” (In Body) ในกลุ่ม ส.ส. และ ส.ว. พบว่า ส.ส. ชายมีเส้นรอบเอวเกินเกณฑ์มาตรฐานคือมากกว่า 90 เซนติเมตรจำนวน 83 คน คิดเป็นร้อยละ 66 ของกลุ่ม ส.ส. และ ส.ว. ที่เข้ามารับบริการทั้งหมด
อย่างนี้ถือว่าสูงกว่าปกติ 2 เท่า
ระดับไขมันในช่องท้องของท่านผู้ทรงเกียรตินั้นสูงถึงร้อยละ 76 ซึ่งจัดอยู่ในภาวะ “โรคอ้วนลงพุง”
คุณหมอบอกว่าไขมันที่สะสมในช่องท้องถือว่าเป็นไขมันอันตราย พร้อมจะแตกตัวเป็นกรดไขมันอิสระ ทำให้เกิดภาวะดื้ออินซูลิน ส่งผลให้เสี่ยงเป็นโรคเบาหวานได้ถึง 3 ถึง 5 เท่า และเสี่ยงกับการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอีกด้วย
ผมไม่ทราบว่าท่านผู้แทนได้ผลการตรวจแล้วมีการกลับเนื้อกลับตัวและเริ่มดูแลสุขภาพของตัวเองอย่างเป็นเรื่องเป็นราวหรือไม่
เพราะท่านเป็น “ผู้แทน” ของประชาชน ดังนั้นจึงมีความรับผิดชอบมากกว่าคนปกติ
หากเด็ก ๆ เห็นท่านผู้แทนผู้มีเกียรติมีพุงใหญ่, หน้าตาเบ่งบวม, เดินเหินเหมือนคนไร้เรี่ยวไร้แรง, ภาพที่ออกไปก็อาจจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีสำหรับคนรุ่นต่อไปเพราะพวกเขาอาจจะเห็นว่านี่คือตัวอย่างของ “คนที่ประสบความสำเร็จ” ถึงขั้นที่ได้เป็นคนมีชื่อดังระดับชาติ
คนเก่งคนดังและคนมีชื่อเสียงของประเทศหากมีสุขภาพที่ย่ำแย่, และส่วนใหญ่มีปัญหา “อ้วนเกินเหตุ” อย่างนี้แล้วไซร้, ก็จะกลายเป็นมาตรฐานสุขภาพที่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น
ทำไมท่านผู้มีเกียรติของเราจึง “กินไม่เป็น” หรือ “รับประทานไม่เลือก” หรือ?
เหตุเพราะท่านทั้งหลายยังมีค่านิยมผิด ๆ เกี่ยวกับการรับประทาน เพราะยังเชื่อว่าการ “กินเหลา” เป็น “การกินดีอยู่ดี” และการกิน “หูฉลาม” หรือ “เป็ดปักกิ่ง” เป็นมาตรฐานสำหรับคนระดับนำของชาติทั้ง ๆ ที่ความจริงอาหารที่มีไขมันสูง, หวานมาก, เค็มอย่างยิ่ง, ล้วนแล้วแต่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของตัวเองทั้งสิ้น
ตกเย็นต้องขึ้นเหลากินเหล้า และต้องเป็นเหล้านอกราคาแพงที่คนที่จะเอาอกเอาใจซื้อมาด้วยราคาแพง จนกลายเป็นประโยคทีเด็ดว่า “คนซื้อไม่ได้ดื่ม, คนดื่มไม่ได้ซื้อ” เพราะเหล้ายาปลาปิ้งเหล่านี้มีราคาแพงเหลือหลาย
และนี่คือที่มาของการ “รับประทานไม่เลือก” ทางการเมืองอีกด้วย
นั่นหมายถึงการ “กินอิฐกินปูน” เพราะการวิ่งเต้นเล่นเส้นสายเพื่อให้พ่อค้าและข้าราชการกับนักการเมืองสามารถ “กินไม่เลือก” จนกลายเป็นวิกฤตของบ้านเมืองทุกวันนี้
เมื่อนักการเมืองระดับชาติไม่ดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิตของตนเอง, แน่นอนว่าสุขภาพทางการเมืองก็พลอยย่ำแย่ไปด้วย
ผมเชื่อของผมว่าถ้านักการเมืองไม่สนใจสุขภาพของตัวเอง, ก็ย่อมไม่สนใจสุขภาพของประชาชน และนั่นย่อมนำไปสู่ความเสื่อมทรามของ “สุขภาพทางการเมือง” ของประเทศ
จาก “กินอาหารไม่เลือก” ก็จะกลายเป็น “คาดสินบาท, กินสินบน” อย่างไม่เลือกเช่นกัน
และนั่นคือหายนะของบ้านเมืองที่เริ่มต้นจาก “ท่านผู้มีเกียรติ” ของประเทศกินทุกอย่างที่ขวางหน้านั่นแล
................
(หมายเหตุ : ท่านอ้วนเกินเหตุเพราะ'กินทุกอย่างที่ขวางหน้า' : สุทธิชัย หยุ่น http://www.oknation.net/blog/suthichai/2013/08/28/entry-1)



