
สำรวจตู้คอนเทนเนอร์แสมสารไร้เงาหัวกะโหลก-ขยะพิษ
ผลสำรวจตู้คอนเทนเนอร์ในทะเลลึกช่องแสมสาร พบเป็นตู้เปล่า ไร้เงาหัวกะโหลกและขยะพิษตามข่าวลือ เจอแต่ปลาเก๋าขนาดใหญ่ 1 ตัว เผยภายในมีการดัดแปลงคล้ายตู้สำนักงานทั่วไป หมอพรทิพย์หวั่นสารพิษแพร่กระจาย ถ้าใช้วิธีเจาะตู้ตรวจสอบ
จากกรณีที่มีชาวประมงพบสุสานกะโหลกมนุษย์ในทะเลอ่าวไทย และพบตู้คอนเทนเนอร์ 8 ตู้ ถูกปิดสนิทจมอยู่ในทะเลหลายจุด ต่อมานายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ร่วมกับทัพเรือภาคที่ 1 ลงไปสำรวจตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน พล.ร.ต.ทวีป สุขพินิจ เสนาธิการทัพเรือภาคที่ 1 หัวหน้าคณะทำงาน ตรวจพิสูจน์ตู้คอนเทนเนอร์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ได้พาคณะสื่อมวลชนทุกแขนง นักดำน้ำอิสระ และจากหน่วยงานต่างๆ เจ้าหน้าที่จากกรมประมง กรมควบคุมมลพิษ และกรมศุลกากร โดยมี ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เดินทางไปกับเรือหลวงแกลงด้วย ณ ท่าเทียบเรือแหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ จ.ชลบุรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เรือหลวงตะลิบง ได้นำนักประดาน้ำของกรมสรรพาวุธทหารเรือ และเจ้าหน้าที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ รวมทั้งเจ้าหน้าที่จากกรมวิทยาศาสตร์ทหารเรือ ไปยังช่องแสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ห่างจากท่าเรือแสมสารประมาณ 8 ไมล์ทะเล เพื่อสำรวจตู้คอนเทนเนอร์ตู้แรก ส่วนเรือหลวงแกลงนำคณะเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมควบคุมมลพิษ ช่างภาพ สื่อมวลชน คณะประมงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ไปร่วมตรวจสอบด้วย
ทั้งนี้ หลังเสร็จสิ้นภารกิจในการส่งทีมขึ้นเรือไปสำรวจตู้คอนเทนเนอร์กลางทะเล พญ.คุณหญิงพรทิพย์ได้ไปสักการะศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ก่อนจะไปยังศูนย์พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา เกาะและทะเลไทยช่องแสมสาร เขาหมาจอ ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อพบปะกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ เพื่อชี้แจงถึงการทำงานและรายงานความคืบหน้าของการดำเนินการในครั้งนี้ เนื่องจากชุมชนดังกล่าวเป็นชุมชนประมงขนาดใหญ่ ที่มีกระแสว่าการเปิดตู้ครั้งนี้หากมีสารพิษภายใน ก็อาจทำให้เกิดการรั่วไหล จนส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพเป็นอย่างมาก
พญ.คุณหญิงพรทิพย์กล่าวว่า การมาพบประชาชนในวันนี้ถือว่าเป็นการมาเพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะผู้ประกอบการธุรกิจประมง อีกทั้งรับฟังคำแนะนำและปัญหา จากประชาชนอย่างแท้จริง เพื่อจะได้นำไปแก้ไข พัฒนา และบูรณาการร่วมกัน จะได้ปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประหยัดค่าใช้จ่าย ปลอดภัยในชีวิตของผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งขณะนี้ปัญหาที่ภาครัฐพบก็คือ การค้นหาตู้คอนเทนเนอร์ตามพิกัดที่ได้มา แต่ไม่พบต้องเสียเวลา เสียค่าใช้จ่ายในการค้นหาอย่างมาก จึงต้องขอให้ทัพเรือภาคที่ 1 เก็บข้อมูลจากประชาชน โดยเฉพาะเรือประมงที่มีเครื่องมือ อุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถจับพิกัดที่แท้จริงได้ แจ้งให้วิทยุประมงทราบ หรือแจ้งให้ทัพเรือภาคที่ 1 ทราบโดยด่วน
นายปราโมทย์ โถวสกุล กำนันตำบลแสมสาร กล่าวว่า การที่รัฐบาลต้องใช้งบประมาณจำนวนมากเข้ามาดำเนินการตรวจพิสูจน์ตู้คอนเทนเนอร์ ถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะประชาชนจะได้หมดข้อกังขาในเรื่องอดีตความเป็นมาของตู้คอนเทนเนอร์ และสิ่งที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดก็คือ สารพิษ หรือธาตุอันตรายที่อาจบรรจุอยู่ในตู้ ถ้าจะใช้วิธีเจาะพิสูจน์ชาวประมงไม่สนับสนุน เพราะจะทำให้สารพิษแพร่กระจาย ผู้ที่เดือดร้อนคือสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในทะเล กิจการประมง การท่องเที่ยวจะต้องพังพินาศ เพียงมีข่าวว่าในตู้มีสารพิษ ทำให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวไม่กล้ามาดำน้ำที่ช่องแสมสาร
น.อ.พนม ควรประดิษฐ์ รองผู้อำนวยการกองยุทธการทัพเรือภาคที่ 1 กล่าวว่า พล.ร.ต.ทวีป สุขพินิจ เสนาธิการทัพเรือภาคที่ 1 ฝากขอความร่วมมือมาด้วยว่า ที่ผ่านมาการค้นหาพิกัดตู้คอนเทนเนอร์เป็นไปด้วยความยากลำบาก จำเป็นต้องใช้เรือกวาดทุ่นระเบิดของกองทัพเรือออกตระเวนหาพิกัดที่แน่นอนเพื่อความสะดวกต่อการไปพิสูจน์ ในเบื้องต้นขอให้ชาวประมงที่ออกหาปลาในทะเล ถ้าพบตู้คอนเทนเนอร์ หรือสิ่งแปลกปลอมในทะเลขนาดใหญ่ ช่วยกำหนดจุดไว้ให้ด้วย พร้อมกับแจ้งมาที่ทัพเรือภาคที่ 1 หรือศูนย์วิทยุกรมประมง
ส่วนผลการสำรวจตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าวเริ่มขึ้นเมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 11 มิถุนายน ปรากฏว่า ภายในเป็นตู้เปล่า
พล.ร.ต.ทวีป สุขพินิจ เสนาธิการทัพเรือภาคที่ 1 กล่าวว่า จากกรณีที่นักประดาน้ำ จากแผนกถอดทำลายอมภัณฑ์ กองทดสอบ กรมสรรพาวุธทหารเรือ สื่อมวลชน และนักดำน้ำอิสระ ดำน้ำลงไปร่วมกันพิสูจน์ภายในตู้คอนเทนเนอร์ตู้แรก โดยแบ่งออกเป็น 4 ชุด ชุดแรกดำลงไปสำรวจ และใช้เครื่องวัดกัมมันตรังสี บริเวณโดยรอบไม่พบว่ามีธาตุหรือสารใดๆ และพบว่านอกตู้คอนเทนเนอร์มีอวนลากปลาติดทับถมอยู่เป็นจำนวนมาก จึงได้ประสานให้ชุดดำน้ำชุดที่ 2 ไปช่วยตัดอวนออก
"หลังจากตัดอวนออกก็พบว่า ตู้คอนเทนเนอร์มีความหนาผิดปกติ และพบช่องสี่เหลี่ยม ประมาณ 50 เซนติเมตร จึงใช้กล้องสอดเข้าไปถ่ายภาพในตู้คอนเทนเนอร์ จากภาพที่ปรากฏจะเห็นว่า มีบันไดเหล็กติดกับผนัง นอกจากนี้ยังพบปลาเก๋าขนาดใหญ่ 1 ตัว" พล.ร.ต.ทวีปกล่าว
เสนาธิการทัพเรือภาคที่ 1 กล่าวด้วยว่าการดำเนินการในการสำรวจตู้คอนเทนเนอร์ตู้ต่อๆ ไป นั้น จะต้องเป็นไปตามขั้นตอน และตู้ที่มีกระแสข่าวว่าเคยพบไขมันผุดออกมาจากภายในนั้น ก็ต้องพิสูจน์เหมือนกันหมด แต่ต้องรอดูช่วงเวลาและโอกาส เพราะขณะนี้เป็นช่วงมรสุม กระแสน้ำ กระแสลมแปรปรวน ฝนตกบ่อยครั้ง การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยด้วย ขอให้ประชาชนรอผลการพิสูจน์ซึ่งจะมีอย่างต่อเนื่องในโอกาสต่อไป เพราะรัฐบาลให้ความสนใจอย่างมาก ต้องมีคำตอบที่แท้จริงให้แก่ประชาชนทุกคนที่กำลังติดตาม และเกิดความกังขาในการตรวจพิสูจน์