ข่าว

โจรใต้ประกบยิงชาวบ้าน2อำเภอดับ3สาหัส1

โจรใต้ประกบยิงชาวบ้าน2อำเภอดับ3สาหัส1

11 มิ.ย. 2552

โจรใต้ประกบยิงชาวบ้าน 2 อำเภอ ตาย 3 สาหัส 1 ซึ่งมีผู้หญิงท้อง 4 เดือนรวมอยู่ด้วย ผบ.ฉก.ปัตตานีเฝ้าระวัง5อ.เป้าหมายสกัดโจรป่วนคุมถังแก๊ส-ดับเพลิง

เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 11 มิ.ย.52 พ.ต.ท.จักรกริช นองมณี สว.เวร สภ.จะแนะ ได้รับแจ้งเหตุมีคนถูกยิงเสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บคารถยนต์กระบะ ที่บริเวณถนนสายจะแนะ-สุคิริน ช่วงบ้านกูมุง ม.2 ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ จึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.พูรศักดิ์ เซ็งแซ่ รอง ผกก.ป.สภ.จะแนะ พ.ท.ศักดิ์วุฒิ วงศ์วานิช ผบ.ฉก.นราธิวาส 34 นายนันทวัฒน์ เจริญวรรณ นายอำเภอจะแนะ และกำลังตำรวจทหารฝ่ายปกครองจำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุกับเจ้าหน้สที่มูลนิธิกู้ภัยนรา01

 พบรถยนต์กระบะยี่ห้อนิสสัน ฟรอนเทียร์ สีน้ำเงิน ทะเบียน บต-3076 ปัตตานี ซึ่งบรรทุกกับข้าวประเภทอาหารสดและแห้งมาเต็มกระบะท้าย อยู่ในสภาพจอดเสียหลักอยู่ริมถนน โดยข้าวของได้กระเด็นตกเกลื่อนพื้น โดยเฉพาะที่บริเวณเบาะนั่งตอนหน้ามีผู้เสียชีวิต จำนวน 2 คนๆที่เสียชีวิตคาพวงมาลัย คือ นายยงยุทธ อัมรินทร์ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29 ม.6 ต.สุคิริน อ.สุคิริน จ.นราธิวาส ซึ่งมีบาดแผลถูกกระสุนปืน เอ็ม.16และปืนพกสั้น ขนาด 11 ม.ม. ที่บริเวณศรีษะ ใบหน้าและหน้าอก จำนวน 5 นัด ส่วนผู้เสียชีวิตอีก 1 คน ซึ่งนั่งคู่กันมา คือ นางดวงกมล อัมรินทร์ อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นภรรยานายยุงยุทธและตั้งครรภ์ 4 เดือน มีบาดแผลถูกกระสุนปืนชนิดเดียวกันที่หน้าอก ศรีษะและแผ่นหลัง จำนวน 4 นัด

 ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 คน มีพลเมืองดีนำตัวส่งรักษาโรงพยาบาลจะแนะไปก่อนหน้าแล้ว ทราบชื่อคือ นางยินดี พลภักดี อายุ 60 ปี ซึ่งเป็นแม่ยายนายยงยุทธ มีบาดแผลถูกกระสุนปืนชนิดเดียวกันที่บริเว๊แผ่นหลัง หน้าท้องและหัวไหล่ อาการสาหัส แพทย์ต้องส่งตัวรักษาต่อยังโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ส่วนในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พลปลอกกระสุนปืน เอ็ม.16 ตกอยู่บนถนน จำนวน 18 ปลอกและปลอกกระสุนปืนพกสั้น ขนาด 11 ม.ม. จำนวน 7 ปลอก จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

 จากการสอบสวนทราบว่า หลังจากที่ 2 สามีภรรยาและแม่ยาย ได้ขับรถยนต์ตระเวนขายกับข้าวให้กับชาวบ้านในหมู่บ้านจุดเกิดเหตุนั้น ได้มีคนร้าย จำนวน 4 คน ขี่และซ้อนท้าย รถ จยย.2 คันเป็นพาหนะตามประกบไล่หลัง เมื่อสบโอกาสคนร้ายที่นั่งซ้อนรถ จยย.ซึ่งมีอาวุธปืนเอ็ม.16และปืนพกสั้น ขนาด 11 ม.ม. ออกมายิงถล่มใส่รถยนต์กระบะที่นายยงยุทธ จำนวนกว่า 20 นัดซ้อน จนรถเสียหลักไปชนกับเนินดินข้างทาง แล้วคนร้ายได้รีบขี่รถ จยย.หลบหนีไป

 ส่วนเหตุการณ์ที่ 2 เกิดขึ้นในพื้นที่ อ.ระแงะ ในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้รถยนต์กระบะเป็นพาหนะขับตามประกบนายมูฮำหมัดอายาริส สาแม อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 118 ม.8 ต.ปล่องหอย อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี ขณะขี่รถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีดำไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนไปตามถนนสายลาโล๊ะ-มะรือโบตก เมื่อถึงช่วงบริเวณบ้านไอแม ม.9 ต.มะรือโบตก อ.ระแงะ คนร้ายที่นั่งกระบะหลัง ได้ใช้อาวุธปืน เอ็ม.16 ยิงใส่นายมูฮำหมัดอายาริส จำนวน 3 นัดซ้อน ถูกที่บริเวณข้อมือขวา และลำตัว รวม 3 นัด จนรถเสียหลักตกไหล่ทาง แล้วคนร้ายได้รีบขับรถยนต์กระบะหลบหนีไป

 ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่า เป็นการตอบโต้ของกลุ่มคนร้ายที่เชื่อมโยงกับเหตุยิงถล่มใส่มัสยิด อ.เจาะไอร้อง หลังจากที่ต้องสูญเสียมวลชน แถมยังถูกเจ้าหน้าที่กองกำลังผสมออกติดตามไล่ล่าและกดดันอย่างหนัก

 ผบ.ฉก.ปัตตานีเฝ้าระวัง5อ.เป้าหมายสกัดโจรป่วนคุมถังแก๊ส-ดับเพลิง

พล.ต.ศักดิ์ศิลป์  กลั่นเสนาะ ผบ.ฉก.ปัตตานี เปิดเผยว่า  ขณะนี้ได้สั่งการเจ้าหน้าที่ฝ่ายกองกำลังทุกหน่วยให้เพิ่มความระมัดระวังและเพิ่มมาตรการตรวจสอบในพื้นที่อย่างเข้มงวด หลังจากที่เกิดสถานการณ์ในพื้นที่จ.นราธิวาสและยะลาอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายฝ่ายเป็นห่วงว่าสถานการณ์จะขยายลุกลามเข้าพื้นที่จ.ปัตตานี ประกอบกับหน่วยข่าวความมั่นคงในพื้นที่ได้มีการแจ้งเตือนอย่างต่อเนื่อง กรณีมีกลุ่มผู้ก่อเหตุความไม่สงบเริ่มเคลื่อนไหวในพื้นที่ 5 อำเภอของจังหวัดปัตตานี ประกอบด้วย อ.เมือง,มายอ ,ยะรัง ,หนองจิกและสายบุรี

       "พื้นที่ 5 อำเภอจังหวัดปัตตานีที่พบการเคลื่อนไหวล้วนเป็นพื้นที่เคลื่อนไหวหลักที่เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเขตอ.ยะรัง ที่พบเบาะแสว่าแนวร่วมมีความพยายามรวมกลุ่มกันเพื่อประชุมวางแผนการก่อเหตุความไม่สงบ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปเกาะติดสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อควบคุมไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้นในพื้นที่ โดยเฉพาะการสร้างเงื่อนไขเกี่ยวกับสงครามศาสนา" พล.ต.ศักดิ์ศิลป์ กล่าว

        ผบ.ฉก.ปัตตานี  กล่าวอีกว่า นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังได้ขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่ร่วมกันคอยดูแลตรวจสอบพฤติกรรมของบุคคลแปลกหน้าที่เข้ามาในพื้นที่ รวมถึงตรวจสอบวัตถุต้องสงสัย หรือ สิ่งที่ผิดปกติในชุมชนพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอรอยต่อ จ.ยะลา และจ.นราธิวาสที่เป็นจุดเสี่ยงอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งได้เพิ่มความระมัดระวังสิ่งที่เป็นเงื่อนไขทุกประเภท ทั้งการดูแลควบคุมอุปกรณ์อันตราย เช่น ถังแก๊ส ถังดับเพลิง รวมถึงการเฝ้าระวังสถานที่สำคัญเชิงสัญลักษณ์ เช่น วัด โรงเรียน  มัสยิด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายในพื้นที่ จ.ปัตตานี