ข่าว

นวดไทย ไร้ อาบ อบ

นวดไทย ไร้ อาบ อบ

06 ส.ค. 2556

ขมน้ำตาล หวานบอระเพ็ด : นวดไทย ไร้ อาบ อบ : โดย...พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ

 

                               สถานบริการที่เรียกกันว่า “อาบ อบ นวด” จะเกิดขึ้นในประเทศไทยตั้งแต่วันเดือนปีใดไม่ทราบ ผมทราบแต่ว่ายุคทองของ อาบ อบ นวด ในประเทศไทย อยู่ในช่วงของสงครามเย็นระหว่างประชาธิปไตยและคอมมิวนิสต์ หรือราวปี 2510 ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ทหารและพลเรือนจากอเมริกา เข้ามาทำงานในประเทศไทยกันมากมาย

                               อาบ อบ นวด ในยุคแรกๆ ล้วนต้องมีการบอกสรรพคุณว่า เป็นการให้บริการ “อาบน้ำแบบตุรกี (Turkish Bath)” ต่อท้ายชื่อสถานบริการทุกแห่ง แต่การบริการแท้จริงจะแตกต่างไปจากต้นตำรับดั้งเดิมของตุรกีมากน้อยเพียงใดไม่ทราบ ทราบแต่เพียงว่าเป็นการบริการที่ได้รับความนิยม จากทั้งชายชาวไทยและบรรดาอเมริกันชน ที่เข้ามาทำมาหากินในเมืองไทยเป็นอย่างสูงยิ่ง

                               สิ่งที่สร้างความแปลกใจเป็นอย่างมากสำหรับสถานบริการ อาบ อบ นวด ในยุคนั้นก็คือ แม้จะทำทีกล่าวอ้างว่าเป็นการให้บริการอาบน้ำแบบตุรกี แต่ชื่อสถานบริการในระยะเริ่มต้นกลับเป็นชื่อออกแนวญี่ปุ่น เช่น ซายูริ, อาตามิ ฯลฯ และต่อๆ มาก็เริ่มจะมีทั้งชื่อแบบจีน เช่น ฮูหยิน และ ชื่อฝรั่ง เช่น แนนซี่, บีว่า, โคซี่ โดยมีชื่อไทยๆ ที่ยืนหยัดอยู่ยงคงกระพันในยุคนั้นคือ ชวาลา ซึ่งว่ากันว่าให้บริการนวดอย่างจริงจัง และต่อมาถึงยุคใหม่ที่ยังสามารถดำเนินกิจการ และขยายออกไปหลายสาขาจนถึงทุกวันนี้คือ เจ้าพระยา อาบ อบ นวด

                               ยุคทองของธุรกิจ อาบ อบ นวด ที่แม้จะยังคงมีสร้อยต่อท้ายว่า อาบน้ำแบบตุรกี แต่วิธีการอาบน้ำกลับมีชื่อออกเสียงคล้ายภาษาญี่ปุ่นคือ โตรา โตร่า และแพร่หลายจนถึงขั้นเป็นชื่อคล้ายฝรั่งคือ แซนด์วิช, บีคอร์ส ซึ่งจนถึงยุคนั้นคำว่า เตอร์กิชบาธ หรือการอาบน้ำแบบตุรกีก็เริ่มถูกถอดออก และเลือนไปจากความทรงจำของผู้คน แต่การรับรู้ของคนทั่วไปที่มีต่อ อาบ อบ นวด จากวันนั้นถึงวันนี้คือการขายบริการทางเพศนั่นเอง

                               เมื่อ หัตถเวช เปิดดำเนินกิจการอยู่ละแวกย่านจตุจักร คนไทยก็เริ่มรู้จักและมีมุมมองต่อคำว่า “สถานบริการนวด หรือ ร้านนวด” เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งมุม โดยมุมใหม่ของการนวดนี้ถูกนิยามเอาไว้ว่าเป็น “นวดแผนโบราณ” และเริ่มมีผู้คนที่มีชื่อเสียง, นักธุรกิจ, นักการเมือง, ข้าราชการ และดารานักร้อง กล้าเดินเข้า “ร้านนวดแผนโบราณ” อย่างเปิดเผยกันมากขึ้น ต่างจากการเดินเข้าไปใช้บริการของสถาน อาบ อบ นวด ที่ยังคงต้องหลบซ่อนจากสายตาของผู้คน

                               แต่การรับรู้ของผู้คนโดยทั่วไปโดยเฉพาะชาวต่างชาติยุคเก่า บวกกับการหากินแบบแอบแฝงเพียงเพราะต้องการรายได้แบบง่ายๆ โดยใช้วิธีการแฝงขายบริการทางเพศในสถานนวดแผนโบราณ หรือที่เรียกกันอย่างเพราะพริ้งว่านวดแผนไทย "Thai Massage" หลายแห่ง ไม่ต่างไปจากการให้บริการในสถาน อาบ อบ นวด ส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นที่รับรู้กันดีทั่วไปตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จึงทำให้ภาพลักษณ์ของ “การนวดแผนไทย” ยังคงตกอยู่ในวังวนของการแฝงขายคาวโลกีย์อยู่อย่างไม่รู้จบ

                               ธุรกิจนวดแผนโบราณหรือนวดแผนไทย เป็นธุรกิจที่พร้อมจะนำเงินและรายได้มาสู่ประเทศไทย และผู้คนที่ยังชีพด้วยการนวดไม่น้อยกว่าธุรกิจให้บริการอื่นๆ แต่ถ้าภาครัฐยังไม่ยื่นมือเข้ามาจัดระเบียบให้มีการทำการอย่างเปิดเผยและเป็นที่ยอมรับ เหมือนกับสถานนวดแผนไทยชั้นดีหลายต่อหลายแห่งทำอยู่ คำว่านวดแผนไทยหรือนวดแผนโบราณก็คงต้องมีการเปลี่ยนแปลง เพื่อหนีภาพลักษณ์เน่าๆ กันต่อไปอย่างไม่รู้จบ เพราะทุกวันนี้มีการโฆษณาอย่างเปิดเผยว่า “นวดโดยพริตตี้” เกิดขึ้นแล้วครับ

 

 

-----------------------------

(ขมน้ำตาล หวานบอระเพ็ด : นวดไทย ไร้ อาบ อบ : โดย...พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ)