'ติ่มซำ'หาดใหญ่อ่วมต้นทุน-ค่าแรงพุ่ง

 

                                ภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ และปัจจัยจากค่าแรงงานที่เพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อธุรกิจทุกสาขามากบ้างน้อยบ้าง โดยในจำนวนธุรกิจที่ได้รับผลกระทบก็รวมไปถึงร้านอาหารท้องถิ่น ที่ให้บริการลูกค้าเฉพาะกลุ่ม อย่างร้าน "คอหนังแต้เตียม" ผู้ประกอบการร้านอาหารติ่มซำ ใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่ง "ติ่มซำ" เป็นอาหารว่าง  ที่นิยมรับประทานกับน้ำชา ปรุงด้วยการนึ่ง เช่น ขนมจีบ, ซาลาเปา, ฮะเก๋า, เกี๊ยวซ่า บรรจุในภาชนะขนาดเล็ก เช่น เข่งไม้ไผ่ หรือจานขนาดเล็ก วัฒนธรรมของร้านอาหารประเภทนี้ จะอยู่ทางภาคใต้ อาทิ ภูเก็ต ตรัง  ระนอง และ สงขลา

                                สำหรับใน อ.หาดใหญ่ ร้านอาหารประเภทนี้ที่ได้รับการยอมรับในแง่ของชื่อเสียงคือ ร้าน "คอหนังแต้เตียม" ซึ่งเป็นการสืบต่อธุรกิจจากรุ่นที่หนึ่งสู่รุ่นที่สอง เป็นการพัฒนาธุรกิจจากร้านเช่าวิดีโอในยุคแรก มาเป็นร้านอาหารประภทติ่มซำ ด้วยการเล็งเห็นถึงโอกาสทางธุรกิจที่ร้านอาหารท้องถิ่นน่าจะขยายตัวได้มากกว่า เพราะด้วยสภาพของหาดใหญ่ที่เป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยว มีการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวทั้งชาวมาเลเซีย และสิงคโปร์

                                ดังนั้น จึงเอื้อต่อร้านอาหารที่จะได้รับการตอบรับจากผู้มาใช้บริการ ทั้งจากประชากรในพื้นที่และนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ต้องการลิ้มรสอาหารพื้นเมือง ขณะที่ร้านอาหารประเภทนี้จะเปิดให้บริการในช่วงเช้า ทั้งที่ภูเก็ต ตรัง และระนอง แต่สำหรับหาดใหญ่แล้ว ร้านประเภทนี้จะเปิดขายตลอดทั้งวัน และบางรายจะเปิดขายเช้าและเย็น 

                                "ณณฐกร ตั้งนนทศิริ" เจ้าของร้านคอหนังแต้เตียม กล่าวว่า หากประเมินถึงผลกระทบธุรกิจที่เกิดขึ้นกับร้านอาหารประเภทติ่มซำ จะเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะหลังจากรัฐบาลมีการปรับค่าแรงเพิ่มขึ้น 300 บาท เพราะต้นทุนของร้านอาหารส่วนใหญ่อยู่ที่ค่าแรง ซึ่งเฉลี่ยแล้วสูงถึง 70% ของต้นทุนทางธุรกิจ หลังการปรับขึ้นค่าแรง ก็พบว่าได้กลายเป็นแรงกระตุ้นให้ต้นทุนของวัตถุดิบปรับตัวตามไปด้วย ผักบ้างชนิดราคาขาย เดิมที่กิโลกรัมละ 30 บาท แต่ราคาขายในขณะนี้ ขยับไปที่ 50-55 บาทต่อกิโลกรัม หรือกรณีของกุ้งที่นำมาใช้ทำอาหาร เดิมซื้ออยู่ที่ 120-150 บาทต่อกิโลกรัม ก็มาเคลื่อนไหวอยูที่ 190 บาทต่อกิโลกรัม และมาสิ้นสุดอยู่ที่ 250 บาทต่อกิโลกรัม

                                "นี่จึงเป็นสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้ประกอบการที่ต้องแบกรับ ด้วยภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ไม่ใช่แค่ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น เรายังพบว่าลูกค้าเองก็เริ่มควบคุมการใช้จ่าย จากที่เคยสั่งครั้งละ 10-20 ชุดต่อมื้อ ก็เหลือเพียง 5-6 ชุดต่อมื้อ จากที่เคยมาใช้บริการทุกสัปดาห์ ก็เริ่มเป็นสัปดาห์เว้นสัปดาห์" ณณฐกรกล่าว

                                ร้าน "คอหนังแต้เตียม" เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2536 จนกระทั่งปี 2552 ขยายสาขาที่ 2 และในปี 2555 ก็เปิดเพิ่มเป็นสาขาที่ 3 ปัจจุบันทั้ง 3 สาขามีพนักงานรวม 40 คน และจากสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นข้างต้น ทำให้ทางร้านต้องปรับราคาอาหารต่อชุด จากเดิมชุดละ 10 บาท ปรับมาเป็นชุดละ 16 บาท

                                "เราหวังว่าจะสามารถผ่านสถานการณ์นี้ไปให้ได้ เราใช้เวลานานมากกว่าจะตัดสินใจขึ้นราคาเป็นถ้วยละ 16 บาท ลองไปดูร้านเพื่อนๆ ส่วนใหญ่ก็ขึ้นไปนานแล้ว ส่วนที่ไม่ขึ้นก็มีปิดตัวไป ส่วนใหญ่จะเป็นร้านเล็กๆ เพราะอาจจะทนกับต้นทุนไม่ไหว หาดใหญ่เฉพาะติ่มซำกลางคืน มีร้านให้บริการกว่า 100 แห่ง"

                                ผู้ประกอบการรายนี้ กล่าวว่า การมีร้านในเครือรวม 3 แห่ง สามารถที่จะลดภาระการลงทุนได้บ้าง เพราะเป็นการผลิตคราวละมากๆ เพื่อกระจายไปยัง 3 สาขา ส่วนที่ต้องปรับราคาเพื่อให้อยู่รอด เพราะหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ก็จะส่งมาถึงธุรกิจให้เผชิญกับภาวะขาดทุน และปัญหาก็จะไปสิ้นสุดที่การปิดกิจการนั่นเอง ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้ทางร้านก็ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ธุรกิจเดินต่อไปได้ และเลี่ยงที่จะลดจำนวนพนักงาน เพราะประเมินว่าหากใช้แนวทางนี้ นั่นหมายความว่าพนักงานที่ทำงานอยู่จะกลายเป็นคนว่างงานทันที 

                                คือมุมหนึ่งของปัจจัยลบทางเศรษฐกิจที่มีผลมาถึงร้านอาหารที่มีความเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น

 

 

----------------------------

(เสียงสะท้อน SME : 'ติ่มซำ' หาดใหญ่อ่วม ต้นทุน-ค่าแรงพุ่ง : โดย...กิตติยาณีย์ สมหมาย)